ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 332
บทที่322
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตอบ เขาเพียงแค่มองคนที่นอนอยู่บนพื้นแล้วพูดว่า “พากลับไป”
……
ภายในห้องที่มืดสลัว หญิงสาวที่งดงามถูกล่ามด้วยโซ่ที่ขนาดเท่าหัวแม่มือ เธอนั่งพิงกำแพงด้วยความอ่อนล้าและมึนงง
ไป๋ยี่เฟยยื่นห่างจากเธอประมาณสองเมตร ส่งสัญญาณให้ไป๋หู่ปลุกเธอ
ไป๋หู่เดินมาข้างหน้า จากนั้นก็ตบหน้าเธอเข้าไปอย่างจังโดยไม่ปรานี เสียง “แพร๊ะ!” ดังก้องไปทั่วห้อง
สาวสวยสุดแห่งหลิงหนานได้ตื่นแล้ว เธอเงยหน้าขึ้น แล้วก็พบว่าตัวเองกำลังถูกโซ่ล่ามอยู่ เธอพยายามที่จะดิ้นให้หลุด ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่มีต่อไป๋ยี่เฟย “แกจะไม่ได้ตายดี!”
“แล้วทำไมผมถึงจะไม่ได้ตายดีล่ะ?” ไป๋ยี่เฟยถามขึ้น “เพื่อแก้แค้นให้สามีของคุณเหรอ? แต่เท่าที่ผมจำได้ผมไม่ได้เป็นคนฆ่าเขานะ”
สาวสวยสุดแห่งหลิงหนานเห็นกับตาว่าฉินหัวเป็นคนยิ่ง หลัวขวางด้วยตัวเอง แต่ต้นเหตุทั้งหมดมันก็มาจากไป๋ยี่เฟยไม่ใช่เหรอ?
ถ้าไม่ใช่เพราะไป๋ยี่เฟยไปฆ่าลูกศิษย์สองคนของราชาแห่งหลิงหนานก่อน ราชาแห่งหลิงหนานก็คงไม่มาฆ่าไป๋ยี่เฟยถึงเมืองเทียนเป่ยหรอกเรื่องต่อจากนั้นก็คงไม่เกิดขึ้น สามีของเธอก็คงไม่ต้องมาตาย
“พวกแกมันสมควรตายทุกคน!” ดอกไม้งามพูดออกมาอย่างเดือดดาล
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองเธอที่กำลังขัดขืนอย่างไม่มีประโยชน์ จึงได้เตือนเธอไปด้วยความหวังดี “การที่คุณทำเพื่อสามีของตัวเองขนาดนี้ ถึงมันจะเป็นเรื่องที่น่าเชิดชูมากก็ตาม แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่า ตัวคุณเองก็เป็นแค่หมากเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น?”
“ทำให้คุณกลายเป็นอาวุธสังหารโดยการหลอกใช้ความรักที่คุณมีต่อสามี พอคุณหมดประโยชน์ คุณก็จะถูกทอดทิ้งเหมือนตัวเบี้ยตัวหนึ่ง ไม่สิ ต้องบอกว่ากำจัดทิ้งถึงจะถูก”
หลังจากที่ดอกไม้งามได้ยินคำพูดนี้ เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วมองไป๋ยี่เฟยด้วยดวงตาที่เบิ่งกว้าง “นี่แกหมายความว่าอะไร?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตอบ แต่เขาถามกลับไปว่า “ใครเป็นคนให้เบาะแสของผมกับคุณ?”
พอดอกไม้งามได้ยินอย่างนั้นเธอแค่เหลือกตา แต่ก็ไม่ได้ตอบ
ความจริงไป๋ยี่เฟยมีข้อสันนิษฐานอยู่อย่างหนึ่ง
เรื่องที่โรงพยาบาลเอกชนมีเพียงแค่คนใกล้ตัวเท่านั้นที่รู้เรื่อง ยกเว้นคนๆ หนึ่ง
หวังไห่ไม่ใช่คนใกล้ตัวของไป๋ยี่เฟย แต่เขาก็รู้ว่าไป๋ยี่เฟยอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชน แถมยังเสนอตัวว่าจะปกป้องโหวจวี๋เอง ความจริงก็แค่อยากจะกินอาหารเลิศรสครั้งหนึ่งเท่านั้น
หวังไห่เป็นคนนอกเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ความเคลื่อนไหวของเขา
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองดอกไม้งามด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แล้วพูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “หวังไห่เป็นคนบอกคุณใช่ไหม?”
รูม่านตาของดอกไม้งามหดลงในทันที จากนั้นเธอก็รีบก้มหน้าลง
ไป๋ยี่เฟยได้สังเกตทุกๆ การตอบสนองของเธอ พอเห็นตอบสนองมาแบบนั้น มันก็ทำให้เขามั่นใจแล้วว่าข้อสันนิษฐานของตัวเองนั้นถูกต้อง
“ผมยังยืนยันคำเดิม คุณลองคิดดูดีๆ ว่าคุณกำลังแก้แค้นให้สามีตัวเองหรือกำลังเป็นแค่ตัวหมากให้คนใช้อยู่กันแน่?”
รูม่านตาของดอกไม้งามหดลงอีกครั้ง ดูเหมือนเธอจะนึกถึงอะไรบางอย่างได้ จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองไป๋ยี่เฟย และเหมือนเธอได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วด้วย “ถ้าอย่างนั้น ก็ฆ่าฉันทิ้งซะ!”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า “ไม่ ผมจะไม่ฆ่าคุณ แต่ผมจะปล่อยคุณไป”
ดอกไม้งามมองเขาด้วยความตะลึง “แกจะปล่อยฉันไป? แกคิดจะทำอะไร?”
ไป่ยี่เฟยขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ และพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมจะให้ทางเลือกกับคุณอีกทาง มาเป็นบอดี้การ์ดให้ผมเอาไหม?”
“ฝันไปเถอะ!” ดอกไม้งามตอบมาแบบไม่ต้องคิดเลย
พอไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่ามันไม่ได้ประโยชน์อะไร เขาจึงทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็พูดกับไป๋หู่ว่า “ปล่อยเธอไป!”
แล้วไป๋ยี่เฟยก็หันมามองดอกไม้งามอีกครั้ง “เป็นแค่ผู้หญิงคนตัวเล็กๆคนหนึ่ง ทำไมต้องทำให้ตัวเองลำบากขนาดนี้ด้วย? พอกลับไปแล้วก็ไปใช้ชีวิตที่สงบสุขของตัวเองซะ อย่ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีก ไม่อย่างนั้นครั้งต่อไปคุณอาจจะไม่ได้โชคดีแบบนี้อีกก็ได้”
ไป๋หู่ไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินไปปลดโซ่ออกและปล่อยดอกไม้งามไปในทันที
ดอกไม่งามชะงักไปแปบหนึ่ง ก่อนจะถลึงตาใส่ไป๋หู่ “ครั้งต่อไปถ้าแกตกอยู่ในกำมือฉัน ฉันไม่มีทางใจอ่อนอย่างแน่นอน!”
ไป๋หู่ยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ
ดอกไม่งามทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็เดินจากไป
ด้านนอก เป็นโถงทางเดินของโรงพยาบาลเอกชน ดูแล้วไม่น่าจะมีใครรู้ว่าข้างในจะมีสภาพแบบนี้
หลังจากไป๋ยี่เฟยออกไป เขาก็ไปหามหนิววั่ง ในที่สุดหนิววั่งก็มีโอกาสได้ถามถึงข้อเท็จจริงสักที “นี่มันเรื่องอะไรกันครับ?”
“ครั้งก่อนคนที่วางยาผมคือลูกศิษย์ของราชาแห่งหลิงหนาน เขาตายแล้ว เธอมาหาผมเพื่อแก้แค้น บางทีอาจจะมีคนถือโอกาสนี้ใช้ให้เธอมาฆ่าผมก็ได้ สาวสวยสุดแห่งหลิงหนานก็เป็นลูกศิษย์ของเขาเหมือนกันครับ”
หนิววั่งพูดขึ้นด้วยความเป็นกังวลว่า “แล้วคุณ……..”
“ไม่เป็นไรครับ” ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า “ผมจะจัดการเรื่องนี้เองครับ”
หนิววั่งเองก็ช่วยอะไรไป๋ยี่เฟยมากไม่ได้ เวลาที่เขาจะมีประโยชน์ก็แค่ตอนที่ไป๋ยี่เฟยป่วยหรือได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่เขาก็ไม่ต้องการให้ไป๋ยี่เฟยเป็นอะไรอีกนั่นแหละ
ระหว่างทาง หวังไห่ก็ได้โทรมาหาไป๋ยี่เฟย
“นี่เสี่ยวไป๋ พอดีวันมะรืนนี้ฉันมีเรื่องต้องทำเลยต้องกลับไปแล้ว พรุ่งนี้เรามานัดเจอกันหน่อยดีไหม?” หวังไห่พูดเข้าประเด็นในทันที
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วเบาๆ “ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
หวังไห่พูดไปยิ้มไป “จริงสิ เรื่องธุรกิจอันนั้น ฉันไปขัดขวางเอาไว้แล้ว เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ!”
“ขอบคุณผู้อาวุโสหวังมากเลยนะครับ”
หวังไห่พูดต่อ “จะเกรงใจไปทำไม เรื่องที่พูดออกไปแล้วก็ต้องทำให้ได้สิ”
ไป๋ยี่เฟยคอนเฟิร์มเวลาและสถานที่ของวันพรุ่งนี้อีกครั้งก่อนจะวางสายไป
หวังไห่ไม่ได้พูดถึงเรื่องของดอกไม้งามเลยสักนิด แต่การที่เขาโทรมาในจังหวะแบบนี้มันช่างบังเอิญจริงๆ และมันก็ยังเป็นการยืนยันอีกด้วย
พอกลับมาถึงวิลล่า ไป๋หู่ก็ไม่ได้ลงจากรถ เขาได้บอกกับไป๋ยี่เฟยว่า “ผมขอไปหาคนๆ หนึ่งก่อนนะครับ”
ไป๋ยี่เฟย “อืม” หลังจากเห็นรถขับออกไปแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็เพิ่งเอะใจขึ้นว่า “เขาจะไปหาใคร? คงไม่ใช่จงเหลียนหรอกมั้ง?”
ตอนนี้จงเหลียนยังอยู่ที่โรงพยาบาล จะว่าไป ไป๋หู่ควรจะกลับไปเยี่ยมน้องสาวของเขาที่โรงพยาบาลสักหน่อยหรือเปล่านะ?
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า ช่างเถอะ รอเขากลับมาค่อยถามแล้วกัน
สักพัก ไป่หู่ก็ได้กลับมาพร้อมกับสวีลั่ง
พอเห็นสวีลั่งไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจนัก “เวลาแบบนี้คุณไปอยู่ไหนมา?”
“ผมได้รับบาดเจ็บครับ และผมก็เคยชินกับการจัดการด้วยตัวเองด้วย” สวีลั่งตอบ
คำตอบนี้ทำให้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกรำคาญ เขาจึงไม่ได้ถามต่อ