ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 378
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 378
บ้านพักวิลล่าของตระกูลฉุง
“คุณชาย เพิ่งทราบข่าวมาว่า ไป๋ยี่เฟยได้ออกเดินทางจากเมืองเทียนเป่ยพร้อมกับคนรอบข้างของเขา แล้วมีรถทั้งหมดสามคัน และดูเหมือนว่าคนยอดฝีมือทั้งหมดที่อยู่รอบตัวเขากำลังตามมา”
หลังได้ยินฉุงโยวเวยปรบมือและพูดว่า “ดีมาก ดูเหมือนว่าเขากำลังจะลงมือแล้ว”
ชายชราชุดสูทถังยังไม่ยอมปล่อยวางความระมัดระวัง และถามคนที่มารายงานว่า “ยังมีข่าวอะไรอีก?”
“มันมาจากตระกูลเย่ ก่อนออกเดินทางไป๋ยี่เฟยได้ส่งข้อความถึงเย่ฮวนแล้ว โดยบอกว่าเขาจะไปเจรจาในคืนนี้ และสถานที่คือไนท์คลับพื้นที่ทางทิศใต้”
“คุณเคยได้ยินไหม?” ฉุงโยวเวยดีใจ “เขาจะไปหาเย่ฮวน!”
ชายชราชุดสูทถังถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เอาล่ะ คุณไปจ้องเขาไว้ต่อไป หากมีข่าวใหม่อะไรรีบมารายงานให้ทราบในเวลาอันรวดเร็ว”
“ครับ”
เมื่อคนนั้นจากไป ฉุงโยวเวยก็พูดทันที “คุณลุงหลี่ คุณดูสิ เขากำลังจะไปเจรจากับเย่ฮวนแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมก็สามารถออกไปได้แล้วใช่ไหม?”
ชายชราชุดสูทถังยังคงลังเลอยู่ “คุณชาย ยังไม่ต้องรีบร้อน”
“ไม่รีบไม่รีบ! ไม่รีบบ้าอะไรกัน!” ฉุงโยวเวยโกรธ “กูถูกกักขังมานานขนาดนี้แล้ว ออกไปผ่อนคลายสักหน่อยก็ไม่ได้หรือ? อีกอย่าง ไป๋ยี่เฟยก็ไปหาเย่ฮวน แล้วมันเกี่ยวเหี้ยอะไรกับกูอีก!”
“กูก็ส่งจางเถ่หลินไปแล้ว ไป๋ยี่เฟยจะต้องตายในคืนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย จะปล่อยให้ผมออกไปฉลองสักหน่อยไม่ได้หรือ?”
หลังจากอาการระบายอย่างรุนแรง ฉุงโยวเวยก็ดื่มไวน์แดงในแก้วจนหมดในอุ๊บเดียว
ชายชราชุดสูทถังไม่ได้ตกใจกับอารมณ์ของฉุงโยวเวย เขายังคงดูเฉยเมย “คุณชาย คุณพูดถูกมาก แต่อย่างน้อย ผมก็ต้องรอจนกว่าจะแน่ใจว่าไป๋ยี่เฟยไปที่เย่ฮวนแล้วจริงๆ”
…………….
บนทางหลวงไปเมืองเป๋ยไห่ รถสามคันขับไปอย่างราบรื่น
รถคันหน้าคือไป๋หู่ และจงเหลียนและหลิวเสี่ยวอิง รถคันกลางคือไป๋ยี่เฟย โจวฉวี่เอ๋อและจางหัวปิน และคันสุดท้ายคือสวีลั่ง เฉินห้าวและเฉินอ้าวเจียว
ในรถของไป๋ยี่เฟย จางหัวปินขับรถอย่างตั้งใจ ไป๋ยี่เฟยและโจวฉวี่เอ๋ออยู่ตามลำพัง มองไปที่ทิวทัศน์ที่ถดถอยนอกกระจกหน้าต่าง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกว่าบรรยากาศเคร่งขรึมเกินไป เขาจึงคิดริเริ่มที่จะพูด และถามจางหัวปินว่า “พี่สะใภ้ได้จัดให้เรียบร้อยหรือยัง?”
จางหัวปินหยุดชั่วคราว ไป๋ยี่เฟยเห็นการแสดงออกของจางหัวปินในกระจกมองหลังและดูไม่สบายใจเล็กน้อย จากนั้นถึงได้ยินเขาตอบว่า “จัดการเรียบร้อยแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยถามตรงๆว่า “พี่สะใภ้เป็นอะไรไป?”
“ไม่………ไม่มีอะไร?” จางหัวปินส่ายหัว แต่คนโง่ก็สามารถฟังออกได้ว่า มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น
ไป๋ยี่เฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม “มีเรื่องอะไรก็พูดมา เป็นคนกันเองทั้งนั้น บาทีผมอาจจะช่วยได้บ้าง”
นอกจากนี้ เขายังคิดถึงโจวฉวี่เอ๋อและฉินหัว เขาไม่ต้องการเห็นเพื่อนรอบข้างของเขาเพราะสาเหตุบางอย่าง ทำให้คู่ชีวิตแต่เดิมควรอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแต่กลับต้องแยกทางกันเพราะสิ่งที่เกิดขึ้น
ถ้าโศกนาฏกรรมของฉินหัวและโจวฉวี่เอ๋อเกิดขึ้นอีกครั้ง เขา ก็จะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
จางหัวปินตะลึงไปชั่วขณะเมื่อเขาได้ยินคำพูดของไป๋ยี่เฟย หัวใจของเขาขยับเล็กน้อย และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “มันเป็นความผิดของผม……….เธอรู้แล้ว………..จะขอหย่ากัน……….”
รู้ว่าเถาเยวเป็นคนรักของจางหัวปิน ดังนั้น เธอจึงจะขอหย่ากัน
ไป๋ยี่เฟยยังไม่ได้พูด เพราะไม่รู้ว่าจะพูดยังไง
โดยพื้นฐานแล้ว จางหัวปินก็มีภรรยาแล้ว และยังรักภรรยาของตัวเองมาก แต่กลับเลี้ยงดูคนรักอยู่ข้างนอก มันก็ไม่ถูกเหมือนกัน
ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ใครจะสามารถยอมรับได้ว่าสามีของตัวเองเลี้ยงดูคนรักอยู่ข้างนอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า เธอยังเป็นคนตาบอดที่ตาบอดทั้งคู่
จางหัวปินพูดกับตัวเองว่า “เธอพูดกับผมมาหลายครั้งแล้ว……….ผม………ผมเซ็นข้อตกลงการหย่าไปแล้ว”
“ถ้าคุณยังอยากจะได้คืนกลับมา ก็อย่าทำให้มันสุดขนาดนั้น”
จางหัวปินตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าไป๋ยี่เฟยหมายถึงอะไร
ไป๋ยี่เฟยพูดอีกครั้งว่า “ตราบใดที่คุณยังไม่ได้ใบหย่า งั้นก็ไม่นับ ถ้าคุณรู้สึกเสียใจกับเธอ และยังอยากจะได้คืน งั้นคุณก็ต้องปฏิบัติต่อเธออย่างดี”
“จากนี้ไป เลิกยุ่งกับเถาเยวซะ”
จริงๆแล้วไป๋ยี่เฟยก็คิดมากเช่นกัน คิดว่าเหตุผลในการหย่าของพี่สะใภ้ต้องมากกว่านี้แน่ๆ เพราะนี่เป็นเพียงข้ออ้าง เหตุผลที่แท้จริงของเธอคือเธอไม่อยากจะถ่วงจางหัวปินไว้เท่านั้น
จางหัวปินติดตามและทำงานให้กับไป๋ยี่เฟย คิดว่าคงจะต้องเผชิญกับอันตรายมากมาย ในฐานะที่เป็นภรรยาของจางหัวปิน เธอมีแนวโน้มที่จะถูกจับไปเป็นตัวประกันและใช้ข่มขู่จางหัวปินได้
จางหัวปินใจดีกับเธอขนาดนั้น มันจะไม่ถูกคุกคามได้อย่างไร?
บางทีจางหัวปินก็รู้เช่นกัน แต่เพราะอีกฝ่ายมองไม่เห็น และการใช้ชีวิตก็ไม่สะดวก เขาก็จะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่คนเดียว ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นด้วยกับการหย่ามาตลอด
สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับนำมาเป็นเหตุผลพอดี
“ลองคิดดูด้วยตัวเองให้ดีๆ!” ไป๋ยี่เฟยพูดคำสุดท้าย และไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป
เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง รถทั้งสามคันก็ค่อยๆเข้าสู่ทางลาด และกำลังจะลงจากทางด่วน
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ความผิดปกติก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน