ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 38
บทที่38
นี่ถือว่าเป็นการเตือนใจพวกเขาด้วยความหวังดี ถ้าหากว่าพวกเขารู้ดีแล้วนั้นก็มีประโยชน์ต่อพวกเขาในภายหลัง แต่ถ้ายังเป็นแบบนั้นอยู่เหมือนเดิม นั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
ผู้จัดการหวังและผู้ชายร่างผอมสูงเห็นเช่นนี้เลยนิ่งอึ้งไปสักครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่เงาเบื้องหลังของไป๋ยี่เฟยด้วยสายตาที่สับสน
ส่วนผู้จัดการเย่กลับรู้สึกสะเทือนใจเพราะคำพูดนี้ของไป๋ยี่เฟย ดังนั้นเขาถึงสามารถทำจนถึงตำแหน่งนี้ได้
หลังจากเข้าไปแล้ว ผู้จัดการเย่เลยพาไป๋ยี่เฟยไปดูรถ ไป๋ยี่เฟยพอใจมาก เป็นรถบีเอ็มดับเบิลยูคันหนึ่ง ราคาสองล้านกว่า เป็นรุ่นที่ออกแบบโดยเฉพาะ
ไป๋ยี่เฟยเข้าไปรับรถเสร็จ เพิ่งจะไป แต่ก็หยุดลงมาอีก พูดกับผู้จัดการเย่ว่า”รุ่นที่ออกแบบส่วนตัวสำหรับรถคันนี้ต้องใช้เวลาประมาณเท่าไหร่?ฉันยังจะซื้ออีกคันหนึ่ง”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่า ถ้าอยากให้พ่อตาแม่ยายยอมรับตนเอง ก็ต้องเอาใจพวกเขา ตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่ดี
ผู้จัดการเย่เห็นเช่นนี้เลยเหล่ตาลง พูดว่า”ต้องใช้ประมาณสิบวันครับ แต่มีรถออดี้คันหนึ่งราคาก็อยู่ที่สองล้าน ถ้าคุณคิดว่าโอเค สามารถเอารถออดี้ไปคันหนึ่งครับ”
ไป๋ยี่เฟยพอได้ยินก็ลองคิดดู ก็ใช่เหมือนกัน ถ้าหากว่าแม่ยายบอกว่าไม่อยากขับรถที่เดียวกันกับเขา นั้นเขาก็ถือว่าส่งฟรีไปเปล่าไม่ๆใช่หรือ”ได้ ก็เอารถออดี้คันนั้นเลย พรุ่งนี้ฉันให้คนมารับ”
“ได้ครับ”ผู้จัดการเย่หัวเราะพร้อมพยักหน้า สบายใจมาก ผู้จัดการใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ปไม่ธรรมดาจริงๆเลย ซื้อทีไปสองคัน
ไป๋ยี่เฟยขับรถใหม่ไปที่โหวจวี๋กรุ๊ป
พอเพิ่งถึงบริษัท หลงหลิงหลิงก็ขึ้นมารายงานว่า”ท่านประธาน โจวฉวี่เอ๋อที่มาครั้งก่อนนั้นมาอีกแล้ว เธอบอกว่าจะมาขอบคุณการร่วมมือกันในครั้งก่อนค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยหยุดไปชั่วคราว แล้วพูดต่อ”เธอจะขอบคุณฉันยังไง?จะเลี้ยงข้าวฉันหรือ?”
จู่ๆหลงหลิงหลิงก็เหลือบมองไปที่ไป๋ยี่เฟยอย่างแปลก ๆ”เลี้ยงข้าวด้วย แล้วยังคิดจะร่วมมือกันอีก”
ไป๋ยี่เฟยจับคางของตนเองไว้ โจวฉวี่เอ๋อเป็นมิตรสหายของหลี่เสว่ ตําแหน่งของเขายังไม่สามารถให้เธอรู้ ดังนั้นจึงครุ่นคิดไปสักพักแล้วพูดว่า”ปฏิเสธการไปกินข้าวด้วยกัน แต่การร่วมมือกันนั้นสามารถพิจารณาอีกที”
“แล้วท่านจะไปพบเธอด้วยตัวเอง หรือว่า……*หลงหลิงหลิงถามอย่างลังเล
ไป๋ยี่เฟยส่ายมือ”คุณให้หวังโหลวไปพบ เขารู้ว่าต้องทำยังไง”
“รับทราบค่ะ ท่านประธาน”หลงหลิงหลิงพยักหน้าแล้วเดินออกมา
เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นว่าหลงหลิงหลิงออกไปแล้ว เลยคิดในใจว่าเดี๋ยวรีบกลับไปดีกว่า เพื่อไม่ให้ได้เจอกับโจวฉวี่เอ๋อ
แต่เรื่องมันไม่เป็นไปอย่างที่ใจหวัง เขาล่าช้าไปหนึ่งชั่วโมงเนื่องจากมีบางอย่างและตอนที่ออกจากประตูบังเอิญได้พบกับโจวฉวี่เอ๋อ
“ไป๋ยี่เฟย?”เมื่อโจวฉวี่เอ๋อเห็นไป๋ยี่เฟยแล้วรู้สึกประหลาดใจมาก”ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”
ไป๋ยี่เฟยอยากจะหนีแต่หนีไม่พ้น ก็เลยต้องพูดว่า”อ๋อ ฉันทำงานอยู่ที่นี่เอง”
“คุณทำงานอยู่ที่โหวจวี๋กรุ๊ป?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า รู้ว่าเธอไม่เชื่อ เลยพูดว่า”อืม คุณถามเสว่เอ๋อได้ เสว่เอ๋อรู้อยู่”
โจวฉวี่เอ๋อมองไปที่เขาอย่างสงสัย แล้วก็ส่งข้อความให้หลี่เสว่”เสว่เอ๋อ ไป๋ยี่เฟยทำงานอยู่ที่โหวจวี๋กรุ๊ปหรือ?”
ตอนนี้หลี่เสว่กำลังประชุมอยู่ เลยไม่เห็นข้อความ ดังนั้นเลยไม่ได้ตอบกลับ
โจวฉวี่เอ๋อก็รู้ว่าหลี่เสว่ยุ่งงานมาก เลยไม่ไปสนใจ แต่กลับจ้องมองไปที่ไป๋ยี่เฟยอย่างขลัง ในที่สุดก็เอ่ยเสียงเฮ่ออกมา”ทำงานอยู่ที่โหวจวี๋กรุ๊ปก็ยังไงล่ะ?คนแบบคุณ ก็คงเป็นแค่พนักงานปกติหรอก!”
ไป๋ยี่เฟยจับปลายจมูกไว้ ไม่อธิบายเพิ่มเติม จากนั้นพูดว่า”ฉันจะกลับบ้านแล้ว ขอตัวไปก่อนนะ”
โจวฉวี่เอ๋อเอ่ยเสียงเฮ่อออกมา พอเพิ่งจะไปก็เห็นว่าไป๋ยี่เฟยเดินไปทางรถบีเอ็มดับเบิลยู รุ่นนี้เธอรู้จัก อย่างน้อยก็ต้องหนึ่งหรือสองล้าน!
“รอก่อน รถคันนี้เป็นของคุณหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยหยุดลง”ใช่ เป็นไรหรือเปล่า?”
โจวฉวี่เอ๋อตาตุ่มทันที”รถคันนี้คุณซื้อเองหรือ?หรือว่าเป็นของบริษัท?”
ก่อนหน้านี้ไป๋ยี่เฟยก็ได้ซื้อรถมาเซราติสองล้านกว่าไปคันหนึ่งแล้ว แถมยังซื้อวิลล่าสองหลัง ตอนนี้ยังซื้อรถเบนซ์อีกคันหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ทราบความคิดในใจของโจวฉวี่เอ๋อ เลยพูดว่า”ฉันซื้อเอง วันนี้เพิ่งจะรับรถเสร็จ เอ๊ะ รถของคุณล่ะไปไหน?”
โจวฉวี่เอ๋อก็มีรถของส่วนตัว แต่เป็นแค่รถยี่ห้อโฟล์คสวาเกนคันหนึ่งที่ธรรมดา ไม่ถือว่าแพงมากนัก ก็ประมาณสามสี่แสน แต่ไป๋ยี่เฟยไม่เห็นว่าเธอได้ขับรถมา
“อ๋อ วันนี้ขับไปบำรุงแล้ว”โจวฉวี่เอ๋อตอบ แต่ในใจยังปรับตัวไม่ทัน
ไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้เลยลังเลไปสักครู่ แล้วพูดว่า”จะให้ฉันขับไปส่งคุณไหม?”
ถ้าหากว่าโจวฉวี่เอ๋อไม่ใช่มิตรสหายของหลี่เสว่ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะขับรถไปส่งผู้หญิงคนอื่น
โจวฉวี่เอ๋อครุ่นคิดไปสักพักหนึ่ง”ได้นะ!”
พอดีว่าสามารถลองนั่งรถคันใหม่คันนี้ดู ราคาตั้งล้านกว่าสองล้าน!
พอขึ้นรถเสร็จ ไป๋ยี่เฟยก็สตาร์ทรถ โจวฉวี่เอ๋อทนความอยากรู้อยากเห็นในใจลงไม่ได้”ตกลงคุณมีเงินมาจากที่ไหน?รถหรูหราและวิลล่าซื้อไปทีละอย่าง!เป็นแค่พนักงานเล็กๆมีเงินมากมายขนาดนี้ได้ยังไง!”
ไป๋ยี่เฟยตอบอย่างราบเรียบ”เจ้านายค่อนข้างจะชื่นชมฉัน แถมก่อนหน้านี้ฉันได้ช่วยเจ้านายหากำไรไปก้อนหนึ่ง เขาเลยให้เป็นของขวัญ”
“คุณนี่หรือ?”โจวฉวี่เอ๋อยังไม่ค่อยเชื่อว่าคนที่ถูกเรียกว่าขยะอย่างไป๋ยี่เฟยจะหากำไรให้เจ้านายได้ แถมยังได้รับความชื่นชมจากเจ้านายด้วย!
ไป๋ยี่เฟยจนคำพูด ไม่อยากพูดเยอะ
โจวฉวี่เอ๋อก็ไม่พูด ภายในรถเลยเงียบลงมา
เมื่อผ่านไปสักพักหนึ่ง โจวฉวี่เอ๋อเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ เลยถามว่า”คุณบอกว่าคุณทำงานอยู่ที่โหวจวี๋กรุ๊ป นั้นคุณเคยได้เห็นประธานไหม?ประธานหน้าตาเป็นยังไง?อายุเท่าไหร่?แต่งงานหรือยัง?”
ไป๋ยี่เฟย:“……”
“คุณพูดสิ?หรือว่าตำแหน่งของคุณต่ำไป เลยไม่เคยได้เห็นประธาน?”พอพูดเสร็จโจวฉวี่เอ๋อก็รู้สึกผิดหวังสักนิด เดิมทียังนึกว่าสามารถรู้ข้อมูลส่วนตัวของประธานมา
ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิดไปสักครู่หนึ่ง เพื่อไม่ให้โจวฉวี่เอ๋อถามต่อ เลยตอบอย่างซื่อสัตย์”หน้าตาของประธานยังพอใช้ได้ อายุยี่สิบห้า แต่งงานแล้ว”
สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด มีสิ่งเดียวที่ไม่ได้พูดก็คือ เขาเองก็เป็นประธานของโหวจวี๋กรุ๊ป
“แต่งงานแล้ว?”โจวฉวี่เอ๋อยกระดับเสียงขึ้นมา จากนั้นก็พูดอย่างผิดหวัง”ทำไมถึงแต่งงานแล้วล่ะ?”
“อืม แต่งงานแล้ว แถมเขายังรักภรรยาของเขามาก”
โจวฉวี่เอ๋อจ้องไปที่ไป๋ยี่เฟยอย่างไม่พอใจ ไป๋ยี่เฟยจึงรู้สึกว่าประหลาดใจมาก
ในที่สุดโจวฉวี่เอ๋อตกอยู่ท่ามกลางของความผิดหวัง จึงไม่ได้พูดอะไรกับไป๋ยี่เฟยอีก
หลังจากส่งโจวฉวี่เอ๋อไปถึงบ้านเสร็จ ไป๋ยี่เฟยก็กลับถึงบ้าน แต่เห็นว่าหลี่เสว่ยังไม่กลับมา ก็รู้สึกเป็นห่วง ดังนั้นจึงโทรไปให้เธอ
“เสว่เอ๋อ ทำงานอยู่ใช่ไหม?”
เสียงของหลี่เสว่ฟังแล้วค่อนข้างจะเหน็ดเหนื่อย”อืม โครงการเกิดปัญญาขึ้นสักนิด ต้องแก้ไขทันที”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว”ปัญหาอะไร ต้องการความช่วยเหลือไหม?”
หลี่เสว่คิดอยู่ในใจ ไป๋ยี่เฟยสามารถช่วยอะไรได้?ตอนนี้กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปเป็นฝ่ายทำโครงการอยู่ โหวจวี๋กรุ๊ปในฐานะที่เป็นฝ่ายลงทุน อย่างมากก็แค่ใส่ใจสถานการณ์ จะเข้ามาเกี่ยวข้องก็คงไม่ดี?
“ปัญญาไม่มาก สามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว คุณกินข้าวก่อนเถอะ ไม่ต้องรอฉันแล้ว”พอพูดเสร็จหลี่เสว่ก็วางสายลง
ไป๋ยี่เฟยดูโทรศัพท์ไปสักพักหนึ่ง แล้วก็รีบส่งข้อความให้หลงหลิงหลิง”ไปตรวจสอบสถานการณ์โครงการช่วงนี้ของกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ป”
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ไป๋ยี่เฟยได้รับอีเมล์ฉบับหนึ่ง
พอเปิดดูแล้วถึงจะทราบว่า โครงการของกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปดำเนินการได้อย่างราบรื่นตลอด แต่จู่ๆวันนี้วัสดุของบริษัทที่ให้ความร่วมมือเกิดปัญหาขึ้นมา ซึ่งทำให้ความคืบหน้าของโครงการล่าช้า แถมจำนวนของวัสดุชุดนี้ยังต้องการเยอะมาก หากต้องการแก้ปัญหา ก็ต้องหาซัพพลายเออร์ใหม่
ตามจริงแล้วปัญหาก็ไม่ใหญ่ เพียงแต่ต้องใช้เวลาหน่อยนึง ไป๋ยี่เฟยก็เลยไม่เป็นห่วงมากนัก
จนดึกๆหลี่เสว่ถึงจะกลับมา เมื่อไป๋ยี่เฟยได้เห็นท่าทางที่เหนื่อยล้าของเธอ จึงรู้สึกน่าสงสารเธอ
“กินข้าวหรือยัง?ฉันปรุงบะหมี่ชามหนึ่งให้คุณกิน”
หลี่เสว่มองไปที่ไป๋ยี่เฟย หัวใจที่เหนื่อยล้าได้รับปลอบใจสักนิด เธอเลยพยักหน้า
ไป๋ยี่เฟยไปที่ห้องครัว ส่วนหลี่เสว่ก็นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก
เมื่อเวลาที่ไป๋ยี่เฟยถือบะหมี่ไข่ไก่ชามหนึ่งออกมา ไม่ทราบว่าเนื่องจากสาเหตุใดหลี่เสว่ถึงรู้สึกว่าชีวิตที่อบอุ่นแบบนี้ดีมาก เพราะทำให้เธอสบายใจมาก
“กินเถอะ!กินเสร็จแล้วรีบไปพักผ่อน”ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างนุ่มนวล
หลี่เสว่ตอบว่าอืม จากนั้นก็ก้มหน้ากินบะหมี่
หลังจากกินเสร็จไป๋ยี่เฟยก็ไปทำความสะอาดที่ห้องครัว ส่วนหลี่เสว่ก็ไปอาบน้ำล้างน้ำ เตรียมตัวพักผ่อน
หลังจากทำความสะอาดเสร็จ ไป๋ยี่เฟยก็เดินมาถึงหน้าประตูห้องของหลี่เสว่ ลังเลไปสักพักหนึ่ง แต่ยังคงเคาะประตูแล้วพูดว่า”เสว่เอ๋อ คุณนอนยัง?”
ไม่นาน หลี่เสว่ก็มาเปิดประตู เธอได้เปลี่ยนเป็นชุดนอนผ้าไหม
ไป๋ยี่เฟยหายใจไม่ออกทันที
“มีอะไรหรือ?”หลี่เสว่ไม่ได้สังเกตท่าทางการเปลี่ยนแปลงของไป๋ยี่เฟย
สายตาของไป๋ยี่เฟยเลื่อนลอย แล้วถามว่า”คุณเหนื่อยมากใช่ไหม?ต้องให้ฉันนวดให้ไหม?หรือว่าจะแช่เท้า?”
พอได้ยินคำพูดนี้หลี่เสว่ก็นิ่งอึ้งไปสักพักหนึ่ง เธอรู้สึกอับอายเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงว่าตนเองคิดจะยอมรับไป๋ยี่เฟย ก็เลยพูดว่า”ก็มานวดเถอะ!”
ดวงตาของไป๋ยี่เฟยสว่างขึ้นทันที แล้วพยายามระงับความตื่นเต้นของตนเอง”โอเค”