ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 42
บทที่ 42
ขึ้นรถแล้วหลี่เสว่ก็ยังคิดไม่ตก “ทำไมคุณซื้อรถใหม่อีก?”
“ทำงานจะได้สะดวก ใช่แล้ว ผมซื้อออดี้ให้พวกแม่คันหนึ่ง แบบนี้พวกเขาออกไปไหนจะได้สะดวก ไม่งั้นที่บ้านมีรถคันเดียว ถ้ามีคนใช้แล้ว คนอื่นก็ไม่ได้ใช้”
“รถสามคัน?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า มองหน้าซื่อ ๆ ของหลี่เสว่ รู้สึกน่ารัก
หลี่เสว่ยังรู้สึกช็อกอยู่
รถคันเดียวก็ดีมากแล้ว เขายังซื้อเพิ่มอีกสองคัน
“รถคันนี้เท่าไหร่คะ?”
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างสบายใจ “น่าจะประมาณสองล้าน ประมาณคันของคุณ”
“……แล้วคันของแม่ล่ะ?” หลี่เสว่ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
“ราคาก็ประมาณนี้แหละ ล้วนเป็นรุ่นพิเศษ”
หลังจากอาการช็อกแล้ว หลี่เสว่ก็เริ่มรู้สึกกังวลใจพูดขึ้น “ไป๋ยี่เฟย คุณใช้เงินเยอะขนาดนี้ ถ้าอีกหน่อยไม่มีเงิน แล้วต้องการเงินกะทันหันจะทำยังไง?”
ไป๋ยี่เฟยรู้ว่าหลี่เสว่เป็นห่วงตน “ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกแล้วไง? ต่อไปนี้ผมจะไม่ให้คุณกับพ่อแม่ลำบากอีก วัตถุนอกกายพวกนี้ สิ่งที่ควรมีก็ต้องมี คุณวางใจได้ สามีคุณมีความสามารถในการหาเงิน”
หลี่เสว่มองไป๋ยี่เฟยอย่างซาบซึ้ง รู้สึกอบอุ่นในใจ
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยไม่แค่ได้ขึ้นเป็นผู้จัดการใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป ยังดีกับพ่อแม่ของเธอขนาดนี้ เธอมีความปรารถนา หวังว่าเธอกับไป๋ยี่เฟยจะเป็นสามีภรรยาที่แท้จริง
แต่เมื่อคิดถึงจุดนี้ หลี่เสว่ก็รู้สึกเกรงใจ “ถ้าอย่างนี้วันหลังคุณก็อย่าใช้เงินฟุ่มเฟือยอีกนะคะ”
“ครับ ฟังคุณภรรยาทุกอย่างครับ” ไป๋ยี่เฟยยิ้มตอบ
หลี่เสว่ดูวิวนอกหน้าต่าง มุมปากโค้งขึ้น
ทั้งสองไปถึงร้านอาหารแนวยุโรป สั่งเนื้อย่างกับสลัด
หลังกินข้าว ไป๋ยี่เฟยเรียกหลงหลิงหลิงมา “นิวซีกรุ๊ปติดต่อได้เรื่องอย่างไงบ้าง?”
หลงหลิงหลิงรู้สึกแปลกใจ ทำไมท่านประธานถึงห่วงเรื่องความคืบหน้าของนิวซีกรุ๊ป?
แต่ก็ตอบกลับอย่างรับผิดชอบในหน้าที่ “ช่วงเช้าวันนี้ได้คุยกับฝ่ายบริหารระดับสูงคนฝั่งโน้น แต่ผลลัพธ์ไม่ค่อยดีค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว “ให้คนไปสืบภายในของนิวซีกรุ๊ป แล้วก็เจ้าของนิวซีกรุ๊ปด้วย”
เมื่อหลงหลิงหลิงจากไป ไป๋ยี่เฟยใช้นิ้วเคาะโต๊ะ คิดอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็ลุกขึ้นแล้วออกจากบริษัท
หลี่เสว่กลับถึงบริษัทแล้วก็เริ่มยุ่งกับงาน ไม่นาน หลิ่วจาวเฟิงก็โทรมา
เธอไม่ได้คิดอะไรเลย ตัดสายทิ้งทันที
ผ่านไปครู่เดียว โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก
หลี่เสว่ขมวดคิ้ว สุดท้ายก็รับสายอย่างเอือมระอา
“ฮะโหล มีเรื่องอะไร?”
ในสายหลิ่วจาวเฟิงหัวเราะ “เสว่เอ๋อ ไม่มีเรื่องโทรมาไม่ได้เหรอครับ?”
หลี่เสว่ตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ฉันยุ่ง”
ตอนนี้หลี่ซื่อกรุ๊ปกำลังตกอยู่ในช่วงลำบาก เมื่อครู่ตอนเธอกลับมาได้ยินว่าไม่ใช่แค่โครงการที่เธอรับผิดชอบมีปัญหา โครงการอื่นและการตลาดก็ทยอยมีปัญหา
ทุกคนต่างก็ยุ่งกับการรับมือ จะไปมีเวลาได้อย่างไร? อีกอย่างเธอไม่อยากติดต่อกับหลิ่วจาวเฟิงเลย
“ไม่มีอะไรฉันวางสายแล้วนะ”
หลิ่วจาวเฟิงรีบพูดขึ้น “เสว่เอ๋อ อย่าเพิ่งวาง ผมได้ยินว่าช่วงนี้โครงการมีปัญหา?”
“ไม่เกี่ยวกับคุณ” หลี่เสว่ตอบเสียงเรียบ “ฉันยุ่งมาก”
วางสายแล้ว หลิ่วจาวเฟิงยังมึนงงอยู่ ต่อมาสีหน้าก็เปลี่ยนทันที สายตามีแววประหลาด “เสว่เอ๋อ ในเมื่อเธอไม่ไว้หน้ากัน ก็อย่ามาโทษผมแล้วกัน”
หลี่เสว่นวดขมับ ไม่ได้ใส่ใจหลิ่วจาวเฟิง จัดการเอกสารตรงหน้าต่อ
เช้าวันที่สอง หลงหลิงหลิงเข้าออฟฟิศรายงานผล
“เมื่อวานไปสืบแล้ว อย่างอื่นไม่มีปัญหา แต่เจ้าของนิวซีกรุ๊ปลึกลับมาก สืบไม่เจอว่าเป็นใคร”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว “เข้าใจแล้ว จับตาต่อไป”
“ได้ค่ะ ท่านประธาน” หลงหลิงหลิงตอบรับ แล้วพูดต่อ “ท่านประธาน เมื่อครู่ผู้จัดการใหญ่ของหมิงเสียงกรุ๊ปโทรมา บอกว่าครั้งที่แล้วร่วมงานกันดีมาก อยากเชิญท่านทานข้าวด้วยกัน”
ไป๋ยี่เฟยมองหลงหลิงหลิง เรื่องแบบนี้ปกติเขาจะให้หลงหลิงหลิงปฏิเสธไปเลย ทำไมวันนี้ถึงมาบอกเขา?
“ปฏิเสธไม่ได้?”
หลงหลิงหลิงพยักหน้า “นอกจากหมิงเสียงกรุ๊ป ยังมีอีกหลายบริษัท ล้วนเป็นบริษัทที่ร่วมงานกัน และอยากทานข้าวกับท่าน”
ไป๋ยี่เฟยปฏิเสธไปไม่รู้กี่ครั้ง เพราะฉะนั้นคนที่อยากรู้เกี่ยวกับประธานบริษัทของโหวจวี๋ต่างรวมตัวกัน อยากเชิญเขากินข้าว พวกเขาไม่เชื่อว่า คนเยอะขนาดนี้ เขายังจะปฏิเสธ ถ้าเช่นนี้ก็พูดได้ว่าโหวจวี๋กรุ๊ปไม่เห็นคนอื่นในสายตา
“……รู้แล้ว เมื่อไหร่?” ไป๋ยี่เฟยคิดไปคิดมาก็ไม่ค่อยดี จึงตอบรับ แต่ว่าเขาก็จะไปในฐานะของผู้จัดการใหญ่เท่านั้น
“ที่โรงแรมจิ่วโจว หกโมงเย็น”
“อืม” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า เวลาเดียวกันก็คิดในใจ ประธานของนิวซีกรุ๊ปลึกลับขนาดนี้ ส่วนมากก็ตั้งใจซ่อนตัว ไม่อยากให้คนอื่นรู้
คิดแบบนี้แล้ว ไป๋ยี่เฟยยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกสนใจประธานคนนี้แล้ว เขาก็รู้สึกว่า สถานการณ์ของหลี่ซื่อกรุ๊ปวันนี้ต้องเกี่ยวข้องกับคนนี้
ผ่านไปสักครู่ ไป๋ยี่เฟยหยิบมือถือออกมาก โทรหาไอ้หน้าแผลมีด
“สวัสดีครับ เจ้านายมีอะไรครับ”
หลังจากครั้งที่แล้วที่ร่วมงานกันอย่างดี ไอ้หน้าแผลมีดก็ถือไป๋ยี่เฟยเป็นนายทุน
“ช่วยผมสืบหาประธานของนิวซีกรุ๊ปหน่อย ห้าแสน”
“ไม่มีปัญหาครับ” ไอ้หน้าแผลมีดตอบรับทันที
……
ห้าโมงห้าสิบนาที ไป๋ยี่เฟยก็ปรากฏตัวที่โรงแรมจิ่วโจว
เข้าไปแล้วก็สอบถามพนักงาน แล้วเข้าไปในห้องอาหารที่จองไว้
แต่เพิ่งขึ้นชั้นบน ก็เจอจ้าวเผิงออกมาจากห้องน้ำ
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้เจอจ้าวเผิงอีกเลยหลังจากงานเลี้ยงรุ่นครั้งก่อน วันนี้จ้าวเผิงก็เหมือนเดิมใส่สูทเต็มตัวอย่างเรียบร้อย แต่สีหน้าไม่ค่อยดี เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สดใสเหมือนก่อน
แต่จ้าวเผิงเมื่อเห็นไป๋ยี่เฟย ก็โกรธขึ้นมาทันที ทำเขาขายหน้าตอนซื้อรถครั้งก่อน และทำเขาหน้าเสียต่อหน้าเพื่อนในงานเลี้ยงรุ่น ทำให้จ้าวเผิงเกลียดไป๋ยี่เฟยมาก
“ไป๋ยี่เฟย นายทำไมอยู่นี่?”
ไป๋ยี่เฟยไม่อยากไปมาหาสู่กับจ้าวเผิงตั้งนานแล้ว จึงไม่สนใจคำพูดจ้าวเผิง เดินตรงไปยังห้องอาหาร
จ้าวเผิงกลับไม่ปล่อยเขา “ไป๋ยี่เฟย ฉันพูดกับนายอยู่ หูหนวกหรือไง?”
ไป๋ยี่เฟยหันกลับมาหน้าเฉื่อย ๆ พูดขึ้น “ไม่ได้หนวก แค่สายตาไม่ดี”
ไม่อย่างนั้นมหาลัยสี่ปีทำไมถึงดูไม่ออกว่าจ้าวเผิงเป็นคนแบบนี้?
จ้าวเผิงเข้าใจความหมายของไป๋ยี่เฟย “ไป๋ยี่เฟย แล้วนายจะดีไปถึงไหน? แกก็แค่คนตอแหลที่สารเลว”