ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 455
บทที่ 455
สิบนาทีผ่านไป ทุกคนนั่งอยู่ในออฟฟิศ อู๋ซินซินเพราะว่ามองแสงสว่างมากไม่ได้ บวกกับต้องการพักผ่อนมากๆ จึงถูกจางหัวปินพากลับบ้าน
ผ่านไปสักครู่ จางหัวปินก็นั่งประจำที่
ไป๋ยี่เฟยพูด “ตอนนี้สืบได้ความยังไงบ้าง?”
จางหัวปินสีหน้าเคร่งเครียด “ไป๋หยุนเผิงกับเหลียงหมิงเยว่”
“พูดมา”
“ไป๋หยุนเผิงกับเหลียงหมิงเยว่เจอกันในคลับแห่งหนึ่ง ตอนแรกเจอกันดีๆ แต่ไม่รู้เพราะอะไร คุยกันไปมาก็ทะเลาะกันขึ้นมา”
“จากนั้นไป๋หยุนเผิงก็ลงมือทำร้ายคนก่อน ไป๋หยุนเผิงมือหนัก ในสถานการณ์ที่ไม่ได้ควบคุม ก็ทำร้ายเหลียงหมิงเยว่จนเสียชีวิต”
“ไป๋หยุนเผิงพอรู้สึกตัว ก็รีบหนีออกกับคลับ ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ไหน”
ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็ขมวดคิ้ว ไป๋หยุนเผิงเหมือนจะไม่ใช่คนใจร้อนแบบนี้ และไม่มีวันพลั้งมือทำร้ายเหลียงหมิงเยว่จนตายได้
เขาเป็นหัวหน้าของตระกูลไป๋ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่าเหลียงหมิงเยว่สำคัญต่อตระกูลไป๋แค่ไหน เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่
“แล้วยังไงต่อ? สหพันธ์ธุรกิจในเมืองหลวงมีความเคลื่อนไหวอะไรไหม?”
เหลียงหมิงเยว่เป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง ถูกหัวหน้าตระกูลไป๋ทำร้ายจนตาย คงไม่นิ่งเฉยแน่ แค่เขี่ยตระกูลไป๋ออก หรือจะตามฆ่าไป๋หยุนเผิง?
จางหัวปินตอบ “สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงมีประธานคนใหม่ทันที ชื่อเถิงยวน เขาออกหมายตามฆ่า ให้สี่ตระกูลใหญ่ตามฆ่าไป๋หยุนเผิง ถ้าหากฆ่าล้างครอบครัวของไป๋หยุนเผิงสำเร็จ จะได้สิทธิ์ในการเปิดโครงการหลันเต่า
“ตอนนี้ผ่านไปสองวันแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีคนของตระกูลไหนรู้เบาะแสของไป๋หยุนเผิงเลย”
“ส่วนตระกูลเย่ เมื่อคืนก็หยุดการตามล่าไป๋หยุนเผิงกะทันหัน”
“ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว น่าจะเกี่ยวกับการโอนบริษัทโหวจวี๋กรุ๊ป”
จางหัวปินพูดจบ มองไปที่ไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิด “หมายความว่าไป๋หยุนเผิงใช้โหวจวี๋กรุ๊ปเป็นข้อแลกเปลี่ยน เพื่อไม่ให้ถูกตระกูลเย่ตามฆ่า?”
“น่าจะเป็นแบบนี้” จางหัวปินพยักหน้า นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขารวบรวมเอกสารได้ แปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ไม่น่าจะพลาด
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกสงสัย ตระกูลไป๋ไม่น่าเข้าร่วมการไล่ล่า แต่ว่ามีหลันเต่าเป็นแรงดึงดูด ก็อาจจะเข้าร่วมก็ได้
ส่วนตระกูลหลิน ตอนแรกเป็นตระกูลสัมพันธมิตร แต่เหมือนกัน สิทธิ์การเปิดโครงการของหลันเต่าสำคัญมาก สำหรับทุกตระกูล ล้วนเป็นเนื้อก้อนโต ไม่มีคนโง่จนยอมเอาเนื้อให้คนอื่นกิน
ตระกูลฉุงกับตระกูลเย่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ปกติก็ไม่ค่อยถูกกับตระกูลไป๋อยู่แล้ว ตอนนี้มีโอกาสนี้ ก็ต้องคว้าไว้เป็นธรรมดา
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยก็คิดไม่ตก ทำไมไป๋หยุนเผิงถึงเอาโหวจวี๋กรุ๊ปให้ตระกูลเย่ แต่ไม่ให้ตระกูลหลิน?
ตระกูลฉุงเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าไป๋ยี่เฟยฆ่าฉุงโยวเวย ตระกูลฉุงเกลียดตระกูลไป๋เข้ากระดูก ตระกูลเย่แค่มีส่วนร่วมเล็กน้อย แต่ก็มีความบาดหมางกับตระกูลไป๋เหมือนกัน
ในทางกลับกันกับตระกูลหลิน ตระกูลหลินเป็นสัมพันธมิตรกัน ถ้าใช้โหวจวี๋กรุ๊ปและเปลี่ยน ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้
แต่ว่า ไป๋หยุนเผิงกับเอาโหวจวี๋กรุ๊ปให้กับตระกูลเย่ ส่วนเย่ฮวน ก็ให้หลิ่วจาวเฟิงมาดูแล
ทั้งหมดนี้ เหมือนวางแผนเพื่อเขาโดยเฉพาะ ทั้งหมดนี้ มีความเกี่ยวข้องกับเขาอย่างมาก
……
เมื่อพูดทุกอย่างจบแล้ว คนอื่นจากไปหมดแล้ว หลิวเสี่ยวอิงยังอยู่ตรงนั้น
“ไป๋ยี่เฟย” หลิวเสี่ยวอิงเรียกชื่อเขา ไม่มีน้ำเสียงล้อเล่นเหมือนแต่ก่อน
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้ามองเธอ “ทำไมเหรอ?”
“ฉันเชื่อว่าหลิงหลิง เธอไม่ใช่คนแบบนั้น”
ตอนแรกไป๋ยี่เฟยให้หลินเสี่ยวอิงไปติดต่อหลงหลิงหลิง ยังนึกว่าหลงหลิงหลิงเกิดเรื่องแล้ว แต่ว่าก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง หลิวเสี่ยวอิงเพิ่งได้รู้จากปากของจางหัวปินเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
หลงหลิงหลิงเอาเงินของโหวจวี๋กรุ๊ปไปหมื่นล้าน
แล้วจากนั้น พวกเขาก็รู้ว่าหลิ่วจาวเฟิงกับเย่ฮวนได้โหวจวี๋กรุ๊ปไป ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยไม่ใช่ประธานของโหวจวี๋กรุ๊ปแล้ว
เพราะฉะนั้นตอนนั้นสวีลั่งถึงได้โทรหาไป๋ยี่เฟย และพวกเขาทุกคนก็รอไป๋ยี่เฟย
โชคดี ที่ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ดูเสียใจขนาดนั้น
ไป๋ยี่เฟยดูหลิวเสี่ยวอิงท่าทางจริงจัง ก็หัวเราะ พูดว่า “ผมรู้ และเธอก็จากไปได้จังหวะพอดี หลิ่วจาวเฟิงรับช่วงโหวจวี๋กรุ๊ปต่อก็เป็นแค่เปลือก”
“เอ๋ ก็ใช่นะ” หลิวเสี่ยวอิงเพิ่งคิดได้ หลงหลิงหลิงเอาเงินไปมากมายขนาดนั้น บวกกับโหวจวี๋กรุ๊ปต้องการเงินทุนหมุนเวียน คงไม่มีเงินพอสำหรับการหมุนเวียน
ถ้าอย่างนั้นหลิ่วจาวเฟิงได้โหวจวี๋กรุ๊ปไปกลับเป็นปัญหาใหญ่
“หลงหลิงหลิงรู้อะไรก่อนหรือเปล่า?”
ไม่อย่างนั้นมันบังเอิญเกินไป?
แต่ไม่ว่ายังไง สำหรับตอนนี้ ก็ถือว่าดี
หลิวเสี่ยวอิงพูดอีก “พูดไปแล้ว คุณก็ไม่ได้ไม่มีเงินนะ โรงพยาบาลโว่หลงเป็นของคุณ ใช่แล้ว ฝูรุ่ยจิวเวลรี่ของภรรยาคุณก็เป็นของคุณ”
ตอนที่สร้างโรงพยาบาลโว่หลงกับรับซื้อฝูรุ่ยจิวเวลรี่ ไป๋ยี่เฟยใช้นามของตัวเอง โรงพยาบาลโว่หลงเขาไม่อยากให้มันเป็นของโหวจวี๋กรุ๊ป เพราะมันเป็นอำนาจของเขา
ส่วนฝูรุ่ยจิวเวลรี่เป็นบริษัทที่เขาให้เป็นของขวัญกับหลี่เสว่ สถานการณ์ตอนนั้นถ้าใช้นามของหลี่เสว่ไม่ค่อยสะดวก อีกอย่างจะเป็นปัญหา เพราะฉะนั้นจึงใช้นามของเขา
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดถึงข้อนี้ แต่พอกลับถึงโรงพยาบาลโว่หลงถึงรู้ เขาไม่ได้หมดสิ้นทุกอย่าง
พูดคุยกันไปอีกสักพัก ไป๋ยี่เฟยหาห้องพักผ่อน เตรียมตัวจะพักผ่อนสักครู่ เรียบเรียงความคิดต่างๆ
ในห้องประชุม หลิวเสี่ยวอิงมองดูไป๋ยี่เฟยเดินออกไป อยากเดินตาม แต่แม่ของเธอโทรมา
“เสี่ยวอิง วันนี้เสี่ยวปินกลับประเทศ ลูกมีเวลาก็ไปรับที่สนามบินหน่อย”
“แม่ หนูไม่มีเวลา”
“ทำไมถึงไม่มีเวลา ไหนบอกว่างานตอนนี้สบายมากไม่ใช่เหรอ?”
หลิวเสี่ยวอิงเบ้ปาก “ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง”
“อย่าโกหกแม่ แม่จะไม่รู้เหรอว่าเธอไม่อยากไป ลูกไม่ใช่ไม่รู้จักเสี่ยวปิน ยังหลบแบบนี้ ทำตัวอะไร?”
“ก็เพราะรู้นั่นแหละถึงได้หลบ” หลิวเสี่ยวอิงตอบ “ไม่อย่างนั้นยิ่งแย่ไปอีก”
“ลูกก็พูดไปเถอะ แม่โทรมาแล้ว เรื่องนี้เธอต้องไปทำให้แม่ เดี๋ยวแม่จะส่งข้อมูลของเที่ยวบินให้”
หลิวเสี่ยวอิงเอือมระอา “รู้แล้วค่ะ หนูไป”
วางสายแล้ว หลิวเสี่ยวอิงจับมือถือไว้แน่น ลุกขึ้น เดินไปห้องพักผ่อนด้านข้าง
ไป๋ยี่เฟยนอนอยู่บนโซฟา ได้ยินเสียงเปิดประตู รู้สึกเหนื่อย ไม่อยากลืมตา คิดว่าคงจะพูดว่ามีเรื่องอะไร
แต่ว่ารอไปสักพักก็ไม่ได้ยินเสียงพูด ไป๋ยี่เฟยต้องลืมตา จากนั้นก็ต้องตกใจ “บ้าเอ้ย คุณจะนั่งใกล้ผมขนาดนี้ทำไม?”
เวลานี้หลิวเสี่ยวอิงนั่งอยู่ข้างไป๋ยี่เฟย ระยะห่างจากไป๋ยี่เฟยไม่ถึงสิบเซนติเมตร
ไป๋ยี่เฟยตกใจจนลุกขึ้นนั่ง สีหน้ายังมีอาการตกใจ
หลิวเสี่ยวอิงเห็นแล้วก็รู้สึกเสียใจ สูดหายใจเข้าลึกๆ นั่งอยู่ข้างไป๋ยี่เฟย ถามอย่างจริงจัง “ไม่มีโอกาสเลยเหรอ?”