ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 467
บทที่467
หลังจากที่เย่ฮวนถึงกระแทกไป เข้าก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างแต่ก็ยังไม่ถึงกับโมโห รอคนชายคนนั้นลุกขึ้นเขาถึงได้พูดขึ้นว่า “ความรู้สึกของทุกคนนั้นผมเข้าใจดี ใครๆ ก็อยากเห็นหน้าเจ้าสาวทั้งนั้น เดี๋ยวรอเสร็จพิธีการแล้วทุกคนก็จะได้เห็นเอง ไม่ต้องรีบร้อนไปนะครับ”
“ครับครับครับ เราตื่นเต้นกันเกินไปหน่อย!”
“เสียมารยาทแล้ว เสียมารยาทแล้วจริงๆ!”
“เราไม่รีบครับ ไม่รีบ!”
ทุกคนต่างพากันขอโทษ เพื่อแสดงความรู้สึกผิด
เฉินห้าวเองก็เอาแต่ก้มหน้าขอโทษ “ขอโทษครับ ขอโทษครับ คนผมถูกคนข้างหลังผลักจนเสียหลัก เชิญพวกคุณต่อเลยครับ เชิญต่อเลย……”
พูดจบ เฉินห้าวก็เตรียมที่จะหันหลังไป แต่ก็ถูกเย่ฮวนเรียกเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยว!”
หัวใจของเฉินห้าวตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาแค่เหลียวมามองเย่ฮวนโดยที่ยังหันหลังอยู่ “มีอะไรเหรอครับ?”
“แกมันเฉินห้าวนี่!”
เย่ฮวนได้สืบหาข้อมูลของคนที่อยู่รอบตัวไป๋ยี่เฟยมาอย่างละเอียดแล้ว เขาจึงรู้ว่าเป็นเฉินห้าวได้ไม่ยาก แถมยังรู้อีกว่าสามารถฉกของจากคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
เฉินห้าวหันกลับมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมกับทำหน้าตาน่าเอ็นดู “อ้าวประธานเย่รู้จักผมด้วยเหรอครับ! ช่างเป็นเกียรติกับผมจริงๆ!”
“ไม่ต้องนอกเรื่อง แกมาที่นี่ทำไม?” เย่ฮวนมองเขาด้วยแววตาที่ชวนสงสัย แถมสายตาก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที “แกมาขโมยของใช่มั้ย?”
พอเฉินห้าวได้ยินอย่างนั้นสีหน้าก็ดูแย่ไปทันที “ท่านประธานเย่ครับ วันนี้เป็นวันมงคลของคุณ ผมก็ต้องมาแสดงความยินดีกับคุณอยู่แล้วสิครับ ถ้าคุณไม่ต้อนรับผมก็ไม่ว่า แล้วจะใส่ร้ายว่าผมมาขโมยของได้ไงล่ะครับ?”
เย่ฮวนทำเสียงฮึดฮัด “หรือไม่จริง? สิ่งที่แกขึ้นชื่อที่สุดก็คือการฉกของไม่ใช่รึไง? แกเป็นลูกสมุนของไป๋ยี่เฟย แกมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับฉันเท่านั้นเหรอ? คิดว่าฉันโง่รึไง?”
เฉินห้าวเริ่มร้อนรนแล้ว “ผมมาเพื่อแสดงความยินดีกับคุณจริงๆ ไม่ได้มาขโมยของสักหน่อย!”
“คุณคิดว่าคุณบอกว่าไม่มันก็คือไม่อย่างนั้นเหรอคะ?” เฝิงเซียนเซียนก้าวออกมา “หมามันไม่มีทางหยุดกินขี้ได้หรอกคุณรู้มั้ย? คนที่เคยเป็นโจรไม่มีทางที่จะกลับตัวได้หรอก ต้องมาขโมยของแน่ๆ!”
เฉินห้าวทำหน้าทั้งเจ็บทั้งโกรธ “นี่คุณกำลังใส่ร้ายผมอยู่นะ! ผมไม่ได้ขโมยอะไรเลย!”
เย่ฮวนทำเสียงฮึดฮัด “ถ้าจะยืนยันมันไม่ยากเลยจริงมั้ย? เดี๋ยวฉันให้คนมาค้นตัวแก แกกล้ามั้ยล่ะ?”
“มันไม่เกี่ยวหรอกครับว่ากล้ารึเปล่า แต่มันเป็นความให้เกียรติและศักศิ์ศรีที่มีต่อกันต่างหากครับ “เฉินห้าวพูดด้วยความโกรธ “แค่พวกคุณบอกว่าผมขโมยของทำไมผมถึงต้องให้ความร่วมมือด้วยล่ะครับ?”
“ฉันว่าคุณก็แค่ไม่กล้าให้ค้นตัวเท่านั้นแหละ คุณต้องขโมยของมาแล้วแน่ๆ!” เฝิงเซียนเซียนสบถออกมาเบาๆ พร้อมกับชี้ไปที่เฉินห้าว
เฉินห้าวโกรธยิ่งกว่าเดิมอีก แต่เขาเป็นแค่บุคคลเล็กๆ เถียงสู้เย่ฮวนไม่ได้อยู่แล้ว “พวกคุณคิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าเลยคิดว่าอยากจะรังแกคนอื่นยังไงก็ได้สินะ?”
“ในที่สุดวันนี้ผมก็ได้เห็นประจักษ์แล้ว ว่าการรังแกคนที่ไม่มีทางสู้ เหยียบย่ำคนที่อ่อนแอกว่ามันเป็นยังไง!”
คำพูดของเฉินห้าวดูจะรุนแรงไปมาก แต่ด้วยเหตุนี้ เขาก็ทำให้เรื่องนี้ดูใหญ่ขึ้นมาทันที จนทำให้คนที่มองดูเหตุการณ์อยู่เกิดความตงิดใจขึ้นมาเล็กน้อย
ฐานะของเย่ฮวนตั้งอยู่ตรงนั้น พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็เห็นๆกันอยู่ว่าเขากำลังรังแกคนอื่นอยู่
แต่เย่ฮวนกลับไม่แคร์เรื่องนั้นเลย การที่ตระกูลเย่ของเขาขึ้นเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ได้นั้นมันก็มีเหตุผลของมันอยู่มันไม่ใช่สิ่งที่ใครมาพูดอะไรแล้วจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้สักหน่อย
“นี่……” เย่ฮวนกำลังจะพูดแต่เฝิงเซียนเซียนก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“ก็จะรังแกแล้วมันจะทำไม? แค่โจรกระจอกๆ อย่างคุณกล้ามามีเรื่องกับเราอย่างนั้นเหรอ?”
เย่ฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วดึงแขนเฝิงเซียนเซียนเอาไว้ จากนั้นก็พูดกับเฉินห้าวว่า “ถ้าแกสามารถยืนยันความบริสุทธิ์ให้ตัวเองได้ ฉันก็จะปล่อยแกไป แต่วิธีเดียวที่จะยืนยันได้ก็มีแต่ต้องค้นตัวเท่านั้นจริงมั้ย?”
“ดังนั้น ขอความร่วมมือด้วย”
เฉินห้าวส่ายหน้า “ไม่!”
ในตอนนั้นเอง ไป๋ยี่เฟยก็ได้เดินออกมา
พอเย่ฮวนเห็นเขา แววตาก็ดูเข้มขรึมขึ้นมาทันที แล้วแสดงสีหน้าออกมาชัดเจนว่าอย่างนี้นี่เอง ในเมื่อเฉินห้าวมาอยู่ที่นี่แล้ว ไป๋ยี่เฟยก็ต้องอยู่ด้วยอยู่แล้ว “” ฉันไม่ได้เชิญแกมาใช่มั้ย?”
“ถ้าคุณไม่ได้เชิญผม แล้วผมจะมาเองไม่ได้เหรอครับ? เราก็ถือว่าเป็นคนรู้จักกันนะครับ คุณแต่งานทั้งทีผมก็ต้องมาแสดงความยินดีด้วยอยู่แล้ว” ไป๋ยี่เฟยพูดออกมาอย่างเรียบเฉย
เฝิงเซียนเซียนมองมาที่ไป๋ยี่เฟย จากนั้นก็ทำหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที “คุณคือไป๋ยี่เฟยเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยเหล่ตามองเธอไปทีหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้สนใจไปมากกว่านั้น จากนั้นเขาก็หันมาพูดกับเย่ฮวนว่า “เฉินห้าวเขามากับผม เมื่อกี้คนเยอะไม่หน่อยจนเราคลาดกัน ผมยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้ขโมยอะไรทั้งนั้น”
เย่ฮวนขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “คำยืนยันของแกฉันเชื่อไม่ลงหรอก”
“แล้วคุณคิดจะทำยังไงล่ะ?” ไป๋ยี่เฟยถาม
เย่ฮวนตอบกลับมาว่า “ค้นตัว ค้นตัวเท่านั้นฉันถึงจะสบายใจ”
“แล้วถ้าค้นไม่เจออะไรเลยคุณจะว่ายังไง? มันไม่เท่ากับว่าน้องชายของผมถูกพวกคุณรังแกฟรีๆ อย่างนั้นเหรอ?”
พูดจบ เย่ฮวนเหมือนกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่เฝิงเซียนเซียนก็พูดขึ้นว่า “คุณจะทำอะไรก็ตามใจ เพราะยังไงก็ค้นเจออยู่แล้ว!”
ไป๋ยี่เฟยได้ขำออกมา “ได้สิ ถ้าอย่างนั้นก็ค้นเลย!”
“พี่ครับ?” เฉินห้าวมองไป๋ยี่เฟยด้วยความสงสัย
ไป๋ยี่เฟยส่งสายตาให้เขาไม่ต้องเป็นห่วง “ให้พวกเขาค้นเถอะ ไม่อย่างนั้นวันนี้เราก็ไปไหนไม่ได้อยู่ดี”
เฉินห้าวได้แต่ต้องยอมให้ความร่วมมือ
เย่ฮวนมองมาที่เฝิงเซียนเซียนไปทีหนึ่งด้วยความรู้สึกที่ผิดหวังเล็กน้อย คำพูดของเฝิงเซียนเซียนเมื่อกี้มันใจร้อนเกินไปหน่อย ไป๋ยี่เฟยเป็นคนที่เจ้าเล่ห์ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาคิดจะทำอะไรต่อ
สมมุติว่าค้นอะไรไม่เจอจริงๆ คำพูดนั้นก็จะทำให้พวกเขาเสียหายมากเลยล่ะ!
แต่เมื่อพูดออกไปแล้วก็คงไม่มีทางเลือก
เย่ฮวนจึงสั่งให้พนักงานคนหนึ่งเข้าไปค้นตัวเฉินห้าว
หนึ่งนาทีหลังจากนั้น พนักงานก็ส่ายหน้า “ไม่มีครับ”
“จะเป็นไปได้ยังไงกัน?” เฝิงเซียนเซียนทำหน้าตกใจ “เป็นไปไม่ได้! ลองค้นดูอีกรอบซิ!”
พนักงานค้นดูอีกรอบ ก็ยังไม่พบอะไรอยู่ดี
ตอนนี้เย่ฮวนก็ขมวดคิ้วแล้วเหมือนกัน อย่าว่าแหละ การที่ไป๋ยี่เฟยยอมให้ค้นตัว เขาต้องไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ในสิ่งที่หวังอยู่แล้ว
แต่เฝิงเซียนเซียนยังคงไม่เชื่อ และพูดขึ้นว่า “เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? เขาต้องขโมยของไปแล้วแน่ๆ! บอกมานะว่าเอาของไปซ่อนไว้ไหน?”
เฉินห้าวเองก็โกรธแล้วเหมือนกัน “ตัวก็ค้นแล้ว แถมยังไม่เจออะไรด้วย ยังจะมาใส่ร้ายผมอีกเหรอ? พวกคุณมันไร้เหตุผลเกินไปแล้ว! เห็นๆ กันอยู่ว่าต้องการกลั่นแกล้งผม!”
“เมื่อกี้คุณเข้ามาชนเราแท้ๆ แล้วจะบอกว่าไม่ได้ขโมยของ มันเป็นไปไม่ได้…” เฝิงเซียนเซียนชี้หน้าเฉินห้าว
ไป๋ยี่เฟยขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “แค่ชนก็เท่ากับขโมยของแล้วเหรอครับ? แล้วถ้าคุณมาชนผมเข้า ผมเองก็สามารถกล่าวหาว่าคุณขโมยของได้ใช่มั้ยครับ?”
“นี่คุณ……” เฝิงเซียนเซียนอยากสวนกลับ แต่ถูกเย่ฮวนหยุดไว้ก่อน “ไม่ต้องพูดแล้ว!”
แล้วเย่ฮวนก็หันมาพูดกับทุกคนว่า “ขอโทษนะครับ ผมอยากให้ทุกท่านลองสำรวจดูหน่อยว่ามีของอะไรบนร่างกายหายไปบ้างรึเปล่า เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ขึ้นชื่อว่ามือไว ในกรณีที่คุณไม่ทันระวังเขาก็สามารถฉกของของคุณไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นทุกท่านโปรดเช็คดูหน่อยดีกว่าครับ”
เขากลบเกลื่อนความไร้มารยาทของเฝิงเซียนเซียนเมื่อกี้ไป โดยการทำให้ทุกคนหันไปสนใจข้าวของของตัวเองแทน
พอได้ยินอย่างนั้น ทุกคนก็พากันสำรวจข้าวของของตัวเองทันที จากนั้นก็ส่ายหน้า ไม่มีข้าวของของใครหายไปทั้งนั้น
พอเห็นอย่างนั้นเย่ฮวนก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?
เฉินห้าวไม่ได้ขโมยอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?
แต่เย่ฮวนก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี เป็นความรู้สึกแย่ที่บอกไม่ถูกว่ามันผิดปกติตรงไหน
ในตอนนั้น ไป๋ยี่เฟยก็พูดขึ้นว่า “ความจริงได้ปรากฏแล้ว พวกคุณใส่ร้ายน้องชายของผม เขาไม่ได้ขโมยอะไรเลย ต่อหน้าคนมากมายแบบนี้คำพูดต้องเป็นคำพูด”
“อะไรนะ?” เฝิงเซียนเซียนได้ลืมคำว่า ‘จะทำอะไรก็ตามใจ’ ที่พูดไปเมื่อกี้แล้ว
เย่ฮวนเงยหน้าขึ้นมามองไป๋ยี่เฟย “แล้วแกต้องการอะไร?”
“คุณมาใส่ร้ายน้องชายผม แน่นอนว่าคุณต้องขอโทษเขา แล้วค่อยตอบคำถามผมอีกหนึ่งข้อ เรื่องนี้ก็จะถือว่าแล้วกันไป”
เย่ฮวนขมวดคิ้วแล้วมองเขา “ตอบคำถามแกข้อหนึ่งเหรอ?”
เย่ฮวนไม่รู้ว่าไป๋ยี่เฟยต้องการจะถามอะไรเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา
เฝิงเซียนเซียนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ตอนแรกไป๋ยี่เฟยก็มาทำร้ายพ่อของเธอ แล้วตอนนี้ยังมาทำตัวแบบนี้อีก บวกกับการถูกดูถูกอีก เธอจึงแหกปากออกมาว่า “ทำไมต้องขอโทษด้วย? เรายังไม่ได้ขอให้พวกคุณขอโทษเลย?”
“แล้วเราต้องขอโทษพวกคุณเรื่องอะไรเหรอครับ?” เฉินห้าวถามออกมาด้วยความสงสัย
เฝิงเซียนเซียนทำเสียงฮึดฮัด “งานแต่งของเราไม่ได้เชิญพวกคุณมาสักหน่อย แต่พวกคุณกลับเสนอหน้ามาที่นี่เองแถมยังมาขัดจังหวะงานแต่งของเราอีก แล้วมันไม่ควรขอโทษรึไง?”