ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 486
บทที่ 486
“ถอยไปเถอะ……….” ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นอีกครั้ง
ฉางเชี่ยวทำมามากพอแล้ว ช่วยเขาไม่ว่า แต่ยังทะเลาะกับคู่หมั้นของตัวเองเพราะเขา ซึ่งนี่ทำให้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกไม่สบายใจมากเลยจริงๆ
หลังพูดจบ ฉุงลี่หย่าก็ให้ฉางเชี่ยวถอยไป แล้วเยาะเย้ยว่า “เขาก็บอกให้คุณถอยไปแล้ว คุณยังไม่ยอมถอยไปอีกเหรอ? คุณไม่ใช่เห็นว่าเขาเป็นเพื่อนเหรอ?”
ในแววตาของฉางเชี่ยวมีความเจ็บปวดเล็กน้อย และในที่สุด ก็ถอยออกไป
ในเวลานี้ ชายที่มีชื่อเจ้าหกยืนออกมา “ถ้าจะฆ่าเขา จงฆ่าผมก่อน!”
“มึงคิดว่าเป็นใครกัน? คู่ควรกับฉันลงมือด้วยหรือ?” ฉุงลี่หย่าพูดอย่างเย็นชาด้วยใบหน้าเล็กๆ
จ้าวหลงยืนออกมา “เจ้าหก คู่ต่อสู้ของคุณคือผม”
เจ้าหกมองไปที่จ้าวหลง และไม่สนใจเขา เขาต้องการจะปกป้องไป๋ยี่เฟย
จ้าวหลงโกรธเมื่อเห็นเช่นนี้ “ผมว่า คุณคงไม่ได้คิดว่าถ้าคุณลงมือกับคุณหนูโต ผมก็จะไม่ลงมือแล้วงั้นหรือ? สุดท้าย คุณก็ต้องต่อสู้กับผม!”
เจ้าหกจ้องมองเขา “คุณก็รู้ว่าผมไม่มีปืนก็จะเอาชนะคุณไม่ได้!”
จ้าวหลงยิ้มอย่างมีชัย “ดังนั้น ทำเพื่ออะไรล่ะ?”
เจ้าหกยังคงไม่ยอมถอยไป แต่ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นมาว่า “ถอยไปให้หมด”
เขาไม่เคยเห็นฝีมือของฉุงลี่หย่ามาก่อน แต่เขาก็ไม่กล้าชะล่าใจเกินไป ฉุงลี่หย่ากล้าที่จะลงมือด้วยตัวเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของเธอนั้นไม่ได้อ่อนแอ มันก็ใช่ คุณหนูของสี่ตระกูลใหญ่ ถึงจะยังไงมันก็จะไม่มีวันเหมือนผู้หญิงคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีทางสู้อยู่แล้ว
บนชายหาด ไป๋ยี่เฟยและฉุงลี่หย่ายืนอยู่ตรงข้ามกัน ช่วงระหว่างกลางห่างกันเพียงไม่ถึงสามเมตร
ทั้งสองต่อสู้กันแบบตัวต่อตัว และไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามาแทรกแซง
“เริ่มกันเลย!”
ไป๋ยี่เฟยกล่าวอย่างจางๆ
ฉุงลี่หย่าตะคอกอย่างเย็นชา และกำลังจะวิ่งเข้าไปพร้อมกับมีดของตัวเอง
ในขณะนี้ มีเสียงของปืนกลมือดังขึ้น “ปั้งปั้งปั้ง”
ทุกคนหยุดนิ่ง แล้วหันหน้าไปมอง และเห็นฉากที่น่าทึ่งมาก
……….
นับไปข้างหน้าเป็นเวลาสองนาที กลุ่มคนอีกกลุ่มก็มาถึงบนถนนเลียบชายฝั่ง ทุกคนถือปืนกลมืออยู่ทั้งหมด และปิดถนนทางด้านนี้ไปจนทั้งหมดในคราวเดียว
ในหมู่พวกเขา ชายที่อยู่ตรงกลางตะโกนไปที่ด้านล่าง “ไป๋ยี่เฟยคือคนไหน?”
เสียงนี้อยู่ไม่ไกลจากไป๋ยี่เฟย และพวกเขาที่กำลังต่อสู้กันไม่ได้ยิน แต่พวกไป๋หู่และคนอื่นๆที่อยู่ด้านล่างได้ยินทั้งหมด
เมื่อทุกคนเห็นปืนที่พวกเขาถืออยู่ ต่างก็หยุดการเคลื่อนไหว และจากนั้นก็ได้ยินคำถามของชายคนนั้น เหล่าปรมาจารย์ก็คิดว่าคนพวกนี้มาที่นี่เพื่อมาฆ่าไป๋ยี่เฟย
ดังนั้นทุกคนจึงชี้ไปที่พวกไป๋หู่และคนอื่นๆและพูดว่า “พวกเขาเป็นคนของไป๋ยี่เฟย!”
สีหน้าของไป๋หู่และเฉินอ้าวเจียวและคนอื่นๆน่าเกลียดมาก ไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ว่า อีกฝ่ายถือปืนกลมือ และมีข้อได้เปรียบด้านตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ หากพวกเขายิงปืนอย่างต่อเนื่อง และพวกเขาจะไม่มีทางรอดชีวิตได้อย่างแน่นอน
และพวกปรมาจารย์เหล่านั้นมีความสุข
“ไม่รู้ว่ามาจากตระกูลไหน? กล้าที่จะลงทุนมากขนาดนี้?”
“มองไม่ออกเลย!”
“น่าจะเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่มั้ง?”
“มันก็ใช่ ปืนกลมือจำนวนมากขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องตลกเลย!”
“………..”
ในตอนที่ทุกคนอารมณ์ต่างกัน คนข้างบนก็เริ่มยิงปืน
“ปั้งปั้งปั้ง………”
หลังจากการยิงปืนไปสักพัก มีกลุ่มคนจำนวนมากล้มลง
ไป๋ยี่เฟยและคนอื่นๆหันกลับมามองก็เห็นฉากนี้พอดี
“เหี้ยแล้ว!”
ไป๋ยี่เฟยแอบพูดคำว่าไม่ดีคำหนึ่ง เขาจึงจะรีบวิ่งกลับไป แต่พึ่งวิ่งออกไปได้เพียงสองก้าว ก็ต้องตะลึงไปอีกครั้ง
เพราะเสียงปืนยังคงดังขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง มีคนล้มลงมากขึ้นเรื่้อยๆ และคนของเขาเอง ก็ยืนอยู่อย่างดีๆ
ไม่เพียงแต่ไป๋ยี่เฟย ฉางเชี่ยว และฉุงลี่หย่าก็สับสนไปเช่นกัน
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
คนข้างบนไม่ได้มาที่นี่เพื่อฆ่าไป๋ยี่เฟยเหรอ?
ไป๋ยี่เฟยมีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? นั่นคือปืนกลมือมากสิบกว่ายี่สิบกระบอกเลยนะ!
ในขณะนี้ ไป๋หู่และคนอื่นๆที่อยู่ตรงท่ามกลางที่ถูกยิงปืน ก็ตกตะลึงไปด้วยเช่นกัน
แต่เดิมคิดว่าคงเป็นพวกเขาที่จะถูกยิง และพวกเขาก็เตรียมพร้อมที่จะตายแล้ว ใครจะรู้ว่า มีการพลิกผันครั้งใหญ่เกิดขึ้น คนพวกนี้มาช่วยเหลือพวกเขางั้นเหรอ!
เฉินอ้าวเจียวเหลือบมองไปที่ไป๋หู่ “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ไป๋หู่ส่ายหัว โดยแสดงว่าเขาไม่รู้
คนที่เหลืออยู่สิบกว่าคนประหลาดใจมากหลังจากนั้นก็ดีใจและตื่นเต้นขึ้นมา “เราชนะแล้ว!”
“พวกเราชนะแล้ว!”
“ชนะแล้ว!”
“ฮ่าฮ่า………..”
ทุกคนมีอาการบาดเจ็บบนร่างกาย แต่ในขณะนี้ พวกเขาก็มีความสุขจนไม่สนใจแล้ว ไม่มีอะไรที่จะมีความสุขไปกว่าการมีชีวิตรอดแล้ว?
พวกไป๋หู่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อพวกเขาเห็นเช่นนี้
หนึ่งนาทีต่อมา การยิงปืนก็สิ้นสุดลง หลังจากคนพวกนั้นเห็นว่าศัตรูทั้งหมดถูกยิงจนตายหมดแล้ว ก็รีบเก็บปืนทันที และหันหลังกลับอย่างเท่ห์ และขับรถจากไป
…………
จนถึงเวลานี้ จ้าวหลงก็ตอบสนองกลับมา “คุณหนู รีบไปกันเถอะ!”
ผู้คนที่มีปืนกลมือจากไปแล้ว แต่พวกไป๋หู่และคนอื่นๆก็กำลังเดินเข้ามาแล้ว ฝั่งพวกเขามีจำนวนคนมากกว่าสิบคน และไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน ก็มีเพียงสองคนเท่านั้น
ฉุงลี่หย่าไม่เต็มใจที่จะเห็นเช่นนี้ “ฆ่าไป๋ยี่เฟยแล้วค่อยไป!”
“คุณหนูโต!” จ้าวหลงขมวดคิ้ว “ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้เสียเปรียบมากสำหรับเรา ถ้าไม่จากไปอีก ก็ไม่สามารถจากไปได้แล้ว”
ฉุงลี่หย่ามองไปที่ไป๋ยี่เฟยอย่างลึกซึ้งหลังจากได้ยินคำพูด จากนั้นก็มองไปที่ฉางเชี่ยว จากนั้นก็ขึ้นเรือภายใต้การคุ้มกันของจ้าวหลง
ตอนที่เรือเริ่มสตาร์ทเครื่อง พวกไป๋หู่และคนอื่นๆก็มาถึงแล้ว
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ห้ามไว้ พวกเขาเหนื่อยล้ามามากแล้ว และอีกฝ่ายก็ริเริ่มที่จะจากไป ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
“ขอบคุณ” ไป๋ยี่เฟยพูดกับฉางเชี่ยวอีกครั้ง
ฉางเชี่ยวยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าอย่างนั้นอย่าทำร้ายเธอได้ไหม?”
“ผมสัญญากับคุณ” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า “ถ้าวันนี้ไม่ใช่คุณ ผมอาจจะตายไปแล้ว คุณถือปฏิบัติกับผมในฐานะที่เป็นเพื่อน งั้นผมก็จะไม่ทำให้คุณลำบากใจ ถ้าเจอกันในอนาคต ผมก็จะไม่ทำอะไรเธอ”
หลังจากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็มองไปที่พวกไป๋หู่และคนอื่นๆ นับจำนวนคนอีกครั้ง และถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ยังอยู่ครบ ก็ดีแล้ว”
เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ดวงตาของพวกเขาก็เป็นสีแดง และสำหรับการต่อสู้อย่างดุเดือดในครั้งแล้วครั้งเล่า มันก็คุ้มค่าอยู่
ในที่สุด พวกเขาก็ปลอดภัยแล้ว
“รอให้เรือของจางหัวปินมาถึงแล้วก็จะสามารถกลับไปได้แล้ว”
หลังจากพูดจบ คนที่มีชื่อว่าเจ้าหกดูเหมือนไม่อยากจะรอ และก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ก็ว่าจะจากไป
“เดี๋ยวก่อน คุณเป็นใครกันแน่?” ไป๋ยี่เฟยเรียกเขาให้หยุด