ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 495
บทที่ 495
พูดจบ คนอื่นๆก็ตอบสนองกลับมา ต่างพากันระเบิดหัวเราะออกมายกใหญ่
“ก็นึกว่าเป็นใครซะอีก ที่แท้ก็เป็นอดีตท่านประธานโหวจวี๋ที่ถูกไล่ลงมานี่เอง!”
“จุ๊ๆ คงจะไม่ใช่มาเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกว่ามีตำแหน่งสูงกว่าหรอกใช่ไหม?”
“คิดว่าพวกเราน่ากลั่นแกล้งมากเลยเหรอ? ถ้าเขาคิดจะมาแสดงอำนาจบารมีก็มาผิดที่แล้วมั้ง”
“สมแล้วที่เป็นสามีภรรยากัน เหมือนกับประธายหลี่เด๊ะๆ มาเพื่อแสดงอำนาจบารมีทั้งนั้น!ผลคือไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง รู้จักแต่ชี้นิ้วสั่งอย่างเดียว!”
“……”
“หุบปากเดี๋ยวนี้!”
เสียงตะคอกนี้ ทำเอาทุกคนสั่นสะดุ้งกันหมด เงียบปากลงทันที
ไป๋ยี่เฟยกวาดสายตามองอย่างเย็นชา“คุณ คุณ คุณ แล้วก็คุณไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”
เขาชี้หวงเหว่ยแล้วก็อีกสองสามคนที่พูดเยาะเย้ยเขากับหลี่เสว่
หวงเหว่ยไม่เคยถูกใครทำแบบนี้มาก่อน ตบโต๊ะลุกขึ้นยืนทันที“นี่คุณกล้าดียังไงมาไล่ผม? คนที่ไสหัวไปน่าจะเป็นคุณมากกว่านะ!”
“ใช่ๆ คุณกล้าดียังไง?”
มีคนพูดตามขึ้นมาทันที
แต่ในขณะนี้เอง ท่ามกลางสายตาของผู้คน ไป๋ยี่เฟยเดินก้าวเข้าไป อยู่ตรงหน้าของหวงเหว่ย ก่อนจะง้างมือขึ้น
“เพี๊ยะ!”
ตบเข้าไปหนึ่งที เกิดเสียงดังลั่นไปทั่วห้องประชุม
ในตอนนี้ ทุกคนต่างพากันอึ้งตะลึง
ช็อกตกใจกับการกระทำของไป๋ยี่เฟย
แต่เดิมห้องประชุมที่เงียบอยู่แล้ว ก็ยิ่งเงียบขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าขนาดเสียงเข็มตกยังได้ยิน
หลี่เสว่มองไปยังไป๋ยี่เฟยด้วยความตกใจ เธอคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าไป๋ยี่เฟยจะจัดการลงมือไปตรงๆแบบนี้ ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกกดดันในใจของเธอก็ถูกปล่อยออกมา แต่ก็ตามมาด้วยความรู้สึกกังวลเช่นกัน
กังวลว่าถ้าคนพวกนี้จะไปจริงๆ แล้วบริษัทจะทำยังไง?
หวงเหว่ยอึ้งตะลึงไป เขาปิดหน้าของตัวเอง สองตาจ้องเขม็งไป๋ยี่เฟย“นี่คุณกล้าตบผมเหรอ?”
“ผมนี่แหละตบคุณเอง!”ไป๋ยี่เฟยพูดเสร็จก็ตบไปอีกหนึ่งที
ไป๋ยี่เฟยที่ผ่านอะไรมามากมาย เรี่ยวแรงจึงเยอะมากเป็นพิเศษ หลังจากถูกตบไปอีกครั้ง หวงเหว่ยก็เซไปสองก้าว นั่งลงไปที่เก้าอี้ของตัวเองทันที
ไป๋ยี่เฟยเห็นหวงเหว่ยจำนนแล้ว ก็กวาดสายตาไปมองบรรดาคนอื่นๆ“ฟังผมพูดให้ชัดเจนนะ บริษัทฝูรุ่ยแห่งนี้ เป็นบริษัทที่ผมซื้อมาให้กับภรรยาของผม เธอเป็นเจ้าของที่นี่!”
“แล้วก็ บริษัทแห่งนี้เป็นธุรกิจของผมคนเดียว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับโหวจวี๋กรุ๊ปทั้งสิ้น!”
“พวกคุณทั้งหมด ถ้าจะไปก็รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ บริษัทไม่ต้องการพวกมอดปลวกแบบพวกคุณ!”
พวกคนต่างมองหน้ากัน ไม่กล้าเปิดปากพูดขึ้นด้วยความรู้สึกลังเล
ในเวลานี้เอง ในที่สุดหวงเหว่ยก็ยืนขึ้นมาอีกครั้ง ชี้นิ้วไปที่ไป๋ยี่เฟยพร้อมกับพูดขึ้นเสียงดัง“ไป๋ยี่เฟย สมองคุณมีปัญหาหรือไง? บริษัทไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับโหวจวี๋กรุ๊ป แต่ถ้าโหวจวี๋กรุ๊ปจะจัดการลงโทษบริษัทขึ้นมา บริษัทพัฒนาต่อไปได้ยังไง?”
“ที่พวกเราไม่ไปก็ให้หน้าพวกคุณมากพอแล้ว คุณอย่าทำเป็นไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดดีกว่า!”
“ถ้าคุณให้พวกเราไป บริษัทก็จะยิ่งพังทลายลงเร็วขึ้นกว่าเดิม แทบจะไม่ต้องให้โหวจวี๋มาจัดการเลยด้วยซ้ำ!”
หวงเหว่ยยโสโอหัง มั่นใจว่าพวกเขาไม่มีทางไล่ให้พวกเขาไปจริงๆแน่นอน ถึงยังไง บริษัทใหญ่ขนาดนี้ ต้องการคนมาสนับสนุน คนระดับสูงๆแบบพวกเขาเป็นบุคลากรที่ขาดไม่ได้เด็ดขาด
หลังจากไป๋ยี่เฟยฟังจบก็ขำอย่างเย้ยหยัน“ผมให้พวกคุณไสหัวไป ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง?”
“เหอะ!คิดว่าบริษัทไม่มีพวกคุณแค่สองสามคนแล้วจะอยู่ต่อไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? พวกคุณประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว!”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็หยิบมือถือออกมา
“ผมจะทำให้พวกคุณได้เห็น ว่าผมไม่มีโหวจวี๋กรุ๊ปแล้ว จะสามารถดำเนินกิจการบริษัทนี้ไปได้ไหม อยู่ในเมืองเทียนเป่ยจะยังสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกหรือไม่!”
พูดจบ มือถือก็มีคนรับสาย
“ฮาโหล ลูกพี่ไป๋?”เสียงของหลินขวางดังขึ้นมาในสาย
ไป๋ยี่เฟยตอบอืมกลับไปนิ่งๆ“จะมาขอให้นายช่วยสักเรื่องได้ไหม?”
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว”หลินขวางยินดี เขาอยากช่วยไป๋ยี่เฟยมาโดยตลอด แต่กลับไม่มีโอกาสสักที
“ภรรยาของฉันมีบริษัทจิวเวลรี่อยู่แห่งหนึ่ง ต้องหารผู้บริหารกับดีไซน์เนอร์หลายอัตรา ไม่รู้ว่านายจะช่วยหาคนมาให้หน่อยได้ไหม?”
“ได้อยู่แล้วครับ!”หลินขวางน้ำเสียงมั่นใจ“ต้องการเมื่อไรครับ?”
“เร็วที่สุด ถ้าวันนี้ได้ก็วันนี้เลย!”ไป๋ยี่เฟยคิดๆก่อนจะพูดขึ้น
หลินขวางรีบตอบกลับมาทันที“ลูกพี่ไป๋ คุณรอเดี๋ยวนะ ขอเวลาผมสักครึ่งชั่วโมง”
“ได้ ขอบใจ”ไป๋ยี่เฟยเห็นหลินขวางดีอกดีใจที่ได้ช่วยตนเองแบบนี้ ในใจก็รู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ
หลินขวางหัวเราะแหะๆ“ลูกพี่ไป๋ อย่าพูดแบบนี้สิ ตอนนี้ผมจะรีบไปติดต่อหาคนให้ทันทีเลย”
พูดจบ หลินขวางก็วางสายลง
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจออกมาหนึ่งที จริงๆแล้วเขาไม่เตรียมการมาก่อน จู่ๆก็โทรไปหาหลินขวางเลย ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าเขาจะช่วยตนเองหรือไม่ แต่ผลที่ได้กลับดีไม่น้อย
บรรดาผู้คนได้ยินคำพูดของไป๋ยี่เฟย แล้วก็ได้ยินคำพูดของหลินขวางเช่นกัน เพราะว่าไป๋ยี่เฟยเปิดลำโพง
คนในสายคือใครกัน?
เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็สามารถหาผู้บริหารกับดีไซน์เนอร์ของบริษัทจิวเวลรี่ได้แล้ว?
ไม่จริงหรอก
หวงเหว่ยคิดแบบนี้“ไป๋ยี่เฟย คุณคิดว่ากะอิแค่หาคนมาช่วยแสดงก็จะสามารถตบตาทุกคนได้อย่างนั้นเหรอ? ทั้งเมืองเทียนเป่ย ไม่มีทางที่จะมีคนมาหรอก!”
“ใช่ๆ โหวจวี๋กรุ๊ปพูดสั่งไปแล้ว ไม่มีคนมาแน่นอน!”
“คงจะเป็นการแสดงจริงๆสินะ!”
“เสแสร้งแกล้งทำสินะ!”
พวกคนตรงนั้นต่างก็พูดเสริมหวงเหว่ย
ไป๋ยี่เฟยสบถหึออกมา“ใครบอกว่าเป็นคนของเมืองเทียนเป่ย?”
“อะไรนะ?”
บรรดาผู้คนต่างอึ้งชะงัก“ไม่ใช่คนของเมืองเทียนเป่ย หรือว่าเป็นคนของเมืองหลวงอย่างนั้นเหรอ?”
หวงเหว่ยไม่เชื่อว่าไป๋ยี่เฟยจะยังมีความสามารถขนาดนี้อยู่ สามารถเชิญคนของเมืองหลวงมาได้ นั่นมันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถเอื้อมแตะได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไป๋ยี่เฟยที่ตอนนี้หมดสิ้นทุกอย่างไม่เหลืออะไรแล้ว!
หลี่เสว่ก็ตกใจอยู่เหมือนกัน เสียงเมื่อตะกี้เหมือนกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่เธอก็คิดไม่ออกว่าเป็นใครกันแน่ แต่ว่าเธอได้ยินไป๋ยี่เฟยยอมรับแล้ว ก็รู้เลยว่า คนคนนี้จะต้องเป็นคนที่พูดได้แล้วก็ต้องทำได้อย่างแน่นอน
“ตัวเองทำไม่ได้ แล้วคิดว่าคนอื่นจะทำไม่ได้?”ไป๋ยี่เฟยยิ้มอย่างดูถูก
หวงเหว่ยสีหน้านิ่งขรึมเล็กน้อย ยังไม่เชื่อว่าไป๋ยี่เฟยจะทำได้จริงๆ ไม่เชื่อว่าจะเชิญคนจากเมืองหลวงมาช่วยได้จริงๆ ก็เลยตบโต๊ะพูดขึ้น“ได้ ผมจะรอดูว่าคุณจะเสแสร้งแกล้งทำไปได้สักกี่น้ำ เขาบอกว่าครึ่งชั่วโมง ผมจะรอ หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไปถ้าไม่มีคนมา คุณก็ต้องขอโทษพวกเราทันที!