ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 512
บทที่512
คนที่พูดขึ้นมาก็คือภรรยาของเย่ฮวน เฝิงเซียนเซียนนั่นเอง
เฝิงเซียนเซียนอยู่ในชุดราตรีสีขาว ส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอทำให้สายตาของทุกคนลุกวาว “ถ้าจำไม่ผิด กิจการที่จะเข้ามาชิงตำแหน่งนั้นจะต้องมีทรัพย์สินรวมกันอย่างน้อย50ล้านนะคะ”
“ด้วยโรงพยาบาลเอกชนของไป๋ยี่เฟยทั้งสองนี้ เห็นทีทรัพย์สินที่มีมันคงไม่พอหรอกมั้งคะ?”
พูดจบ ทุกคนก็พุ่งความสนใจไปที่ไป๋ยี่เฟยอีกครั้ง พอทำความเข้าใจกับคำพูดของเฝิงเซียนเซียนไปแล้วทุกคนก็ได้สติกลับมา
เย่ฮวนเงยหน้าขึ้นมาด้วยความแปลกใจ เขาคาดไม่ถึงว่าเฝิงเซียนเซียนจะลุกขึ้นมาพูดแบบนี้ ก่อนที่เขาจะดึงตัวเธอไว้ก็ได้ยินสิ่งที่เธอถามเข้า แล้วคิ้วของเขาก็กระตุกและไม่ทำอะไรอีก
เฝิงเซียนเซียนพูดถูก มันมีเงื่อนไขอยู่ ทรัพย์สินของโรงพยาบาลทั้งสองนี้ไม่มีทางมากไปกว่า50ล้านแน่นอน
เพื่อเป็นการสนับสนุนในสิ่งที่ภรรยาพูด เย่ฮวนก็ได้ลุกขึ้นมา “ถูกต้อง ต่อให้แกมีโรงพยาบาลอยู่สองแห่ง เกรงว่าคุณสมบัติของแกก็ยังมีไม่มากพออยู่ดี”
“ด้วยทุนจดทะเบียนของแก ฉันว่านะอย่างมากก็น่าจะมีแค่20ล้านเท่านั้น เงินแค่20ล้านก็กล้ามาชิงตำแหน่งแล้ว นี่แกไม่ให้เกียรติการชิงตำแหน่งในครั้งนี้เลยใช่มั้ย?”
คำพูดนี้พูดออกมาได้ดีมาก ไม่เพียงชี้แจงว่าไป๋ยี่เฟยคุณสมบัติไม่ถึง ยังสามารถทำให้คนในเมืองหลวงรู้สึกไม่พอใจไป๋ยี่เฟยไปด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย
หลิ่วจาวเฟิงเองก็ลุกขึ้นมาเหมือนกัน เขาพูดเยาะเย้ย “ไป๋ยี่เฟย แกมีเงินแค่นั้นฉันว่าแกลงมาเถอะ อย่ายืนขายหน้าอยู่บนนั้นเลย”
ทุกคนต่างพากันพยักหน้า แววตามีแต่ความดูถูกและไม่พอใจ
“ถ้ามีทรัพย์สินแค่นี้ งั้นก็มีคนอีกมากมายสามารถขึ้นไปชิงตำแหน่งได้แล้วสิ?”
“ก็ใช่นะสิ ถ้าบริษัทเล็กๆ ยังสามารถเข้ามาชิงตำแหน่งได้ งั้นตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจมันก็ดูไม่ค่อยน่านับถือเท่าไหร่จริงมั้ย?”
“ฮึ การที่เขากล้ามาเข้าร่วมแบบนี้ แสดงว่าเขานี่ต้องหน้าด้านไม่เบาเลยนะ!”
ไป๋ยี่เฟยที่ยืนอยู่บนเวที จ้องมองมาที่เฝิงเซียนเซียน เขานึกไม่ถึงเลยว่าเฝิงเซียนเซียนจะสามารถก่อปัญหาได้แบบนี้ แต่พอมาคิดดูแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะในบรรดาคนที่อยู่ที่นี่ และโอกาสสุดท้ายก็ต้องเป็นเย่ฮวนอยู่ดี
เฝิงเซียนเซียนที่เป็นภรรยามาช่วยเขาแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร อีกอย่าง ระหว่างพวกเขายังมีความแค้นต่อกันอีก ไม่ใช่เหรอ?
แล้วหันมาดูเย่ฮวนกับหลิ่วจาวเฟิง สองคนนี้ก็ยังอยากให้เขาตายๆ ไปซะไม่ใช่รึไง?
“ถ้าไม่รังเกียจ ช่วยประกาศทรัพย์สินที่คุณมาให้ทุกคนได้รับรู้หน่อยได้ไหมคะ?” เฝิงเซียนเซียนถามไป๋ยี่เฟยอย่างมั่นอกมั่นใจ
ไป๋ยี่เฟยทำหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับกำลังจนปัญญา ความจริงเขาไม่รู้เลยว่ามีเงื่อนไขนี้อยู่ด้วย เขานึกว่าการเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแค่สองแห่งไม่มีทางที่จะสู้กับพวกบริษัทชั้นแนวหน้าได้อย่างแน่นอน
พอมาตอนนี้ เข้ามาชิงตำแหน่งแบบหน้าด้านๆ สุดท้ายก็ต้องมาขายหน้า เป็นการขายหน้าครั้งใหญ่เลยล่ะ
หลี่เสว่ที่อยู่ข้างล่างกำลังร้อนรนมาก เธอเองก็ไม่รู้ว่ามีเงื่อนไขนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน ถ้าเทียบกันแล้ว บริษัทฝูรุ่ยจิวเวลรี่ของเธอยิ่งขาดคุณสมบัติเข้าไปใหญ่ เพราะทรัพย์สินที่พวกเธอมีมันน้อยกว่านี้อีก
สวี่ชางรองประธานสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาถามไป๋ยี่เฟยว่า “แล้วทรัพย์สินที่คุณมีคือ?”
ไป๋ยี่เฟยยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ แล้วพยักหน้าด้วยความเงียบเชียบ
เมื่อสวี่ชางเห็นแบบนั้น เขาก็ไม่ได้ถามต่อ พอกำลังจะพูด ก็ถูกเฝิงเซียนเซียนที่อยู่ข้างล่างชิงพูดขึ้นก่อน
“ไป๋ยี่เฟย คุณยังไม่ลงมาอีกเหรอ? ยังยืนอยู่ตรงนั้นทำไม? มันเสียเวลาคนอื่นเขา!”
“ถูกต้อง รีบลงมาได้แล้ว อย่ายืนให้ขายขี้หน้าตัวเองเลย!” หลิ่วจาวเฟิงมองไป๋ยี่เฟยด้วยแววตาอย่างผู้ชนะ และตะโกนออกมาอย่างได้ใจ
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจเบาๆ ในตอนที่เขากำลังจะเดินลงจากเวทีนั้นเอง ก็ได้มีชายที่สวมสูทสีเทาคนหนึ่งเดินเข้าห้องมาชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น ซึ่งเขาก็คือประธานกรรมการคริสตัลกรุ๊ป หวังโหลวนั่นเอง
“กรุณารอสักครู่” หวังโหลวเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
สายตาทุกคู่ต่างมองไปทางเขา บางคนที่ไม่รู้จักก็แอบซุบซิบกันขึ้นมา
“นี่ใครอีกละเนี่ย? ดูท่าทางเหมือนจะมาชิงตำแหน่งเลยนะ”
“ไม่รู้สิ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย”
ผมรู้จักเขา เขาคือประธานกรรมการของคริสตัลกรุ๊ป หวังโหลว ผมก็ว่าอยู่ว่าไม่เห็นเขาเลย ที่แท้เขาก็เพิ่งมานี่เอง!”
“คริสตัลกรุ๊ปเก่งมากเลยเหรอ?”
“หรือไม่จริง? ตอนนี้พวกเขาแซงหน้าโหวจวี๋กรุ๊ปไปแล้ว คุณว่าเก่งรึเปล่าล่ะ?”
พอไป๋ยี่เฟยเห็นหวังโหลวเดินเข้ามา เขาก็อึ้งไปแป๊บหนึ่ง จากนั้นสายตาของเขาก็เคร่งขรึมแล้วพูดกับตัวเองว่า :ไอ้คนเนรคุณ!
เย่ฮวนและคนอื่นๆ ที่เห็นการมาของหวังโหลว ก็นึกว่าเขาตั้งใจมาเยาะเย้ยไป๋ยี่เฟย จึงได้พยักหน้าให้หวังโหลวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มไป
แต่หวังโหลวก็ไม่ได้สนใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย เขาแค่ยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้กับสวี่ชางไปเท่านั้น จากนั้นก็บอกกับสวี่ชางว่า “ประธานสวี่ครับ เอกสารชุดนี้เพิ่งอนุมัติเมื่อวานนี้เอง คุณสามารถตรวจดูอย่างละเอียดได้เลยนะครับ”
สวี่ชางรับมันไป แล้วเปิดเอกสารมาดูด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
พอดูเสร็จ สวี่ชางก็เงยหน้าขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาทำก็คือมองไปที่ไป๋ยี่เฟย จากนั้นก็ยิ้มออกมาอยู่มีเล่ห์นัย
ไป๋ยี่เฟยค่อยๆ เลิกคิ้วขึ้น ได้แต่สงสัย นี่หวังโหลวเอาอะไรมาให้สวี่ชางดูนะ? แล้วทำไมต้องมองเขาด้วยแววตาแบบนั้นด้วย?
คนอื่นๆ ก็สงสัยไม่ต่างกัน ทุกคนเพิ่มพากันชะโงกหน้า แต่ก็ยังมองไม่เห็นอะไรอยู่ดี
สวี่ชางยื่นเอกสารให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาดูไปตามลำดับ จนวนกลับมาที่เขาอีกครั้ง เขาถึงได้หันเอกสารไปทางทุกคนเคลียร์ลำคอ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ทุกท่านครับ เอกสารฉบับนี้คือหนังสือส่งมอบ”
“ฝ่ายก. คริสตัลกรุ๊ป ได้ยกกรรมสิทธิ์ทั้งหมดของคริสตัลกรุ๊ปให้กับฝ่ายข. ซึ่งก็คือไป๋ยี่เฟย”
“ว่าไงนะ?”
สิ้นเสียงนั้นลง ทุกคนก็หันมาซุบซิบกันทันที
ยกคริสตัลกรุ๊ปให้ไป๋ยี่เฟยทั้งหมด?
นี่พวกเขาหูฝากไปรึเปล่าเนี่ย?
สวี่ชางพูดต่อ “ด้วยเหตุนี้ ทรัพย์สินที่ไป๋ยี่เฟยมีก็ได้เกินร้อยล้านไปแล้ว และมีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าชิงตำแหน่งเหมือนกันครับ”
เย่ฮวนและคนอื่นๆ ต่างอึ้งไปตามกัน อึ้งอยู่ตั้งนานก็ยังตั้งสติไม่ได้
เริ่มแรกคริสตัลกรุ๊ปก็ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร พอได้พึ่งพาโหวจวี๋กรุ๊ป และกัดกินโหวจวี๋กรุ๊ปไป ถึงได้มีคริสตัลกรุ๊ปในวันนี้
และคริสตัลกรุ๊ปในวันนี้ได้แซงหน้าโหวจวี๋กรุ๊ปไปไกลแล้ว ที่สำคัญโหวจวี๋กรุ๊ปเองหลังจากที่ถูกหลงหลิงหลิงเอาเงินก้อนโตออกไปในครั้งนั้น มันก็ทำให้สภาพการเงินขัดข้องและไม่ได้ร่ำรวยเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
และในตอนนี้ สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น หวังโหลวได้ยกคริสตัลกรุ๊ปไปให้ไป๋ยี่เฟยแล้ว!
ดูท่านี่น่าจะเป็นข่าวที่น่าตกใจที่สุดของวันนี้แล้ว ที่สุดแล้วจริงๆ
หลิ่วจาวเฟิงมองหวังโหลวด้วยความโกรธเกรี้ยว “หวังโหลว นี่คุณบ้าไปแล้วรึไง!”
“คุณแม่งเล่นยกคริสตัลกรุ๊ปทั้งหมดให้ไป๋ยี่เฟยไปเนี่ยนะ?”
เขาเป็นคนที่รู้สึกตกใจกับเรื่องนี้ที่สุด หวังโหลวกับเขากำลังร่วมมือกันอยู่ พวกเขาได้ร่วมมือกันเล่นงานโหวจวี๋กรุ๊ปเพื่อผลประโยชน์ของคริสตัลกรุ๊ปครั้งแล้วครั้งเล่า พอมาตอนนี้ มันกลับกลายเป็นของไป๋ยี่เฟยไปทั้งหมด!
นี่ยังไม่ใช่ประเด็นหลัก การที่เขาส่งบัตรเชิญให้หลี่เสว่ไปก็เพื่อให้เธอได้เห็นว่าใครกันแน่ที่สามารถมอบความสุขให้เธอได้ และเวลาเดียวกันก็จะได้ขยี้ไป๋ยี่เฟยไปด้วย
แล้วผลที่ได้ล่ะ?
หวังโหลวไม่ได้สนใจไม่ได้สนใจความโกรธที่หลิ่วจาวเฝิงมีต่อเขา “ถ้าบอกว่ายกให้ มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียวเพราะ แรกเริ่มเดิมทีคริสตัลกรุ๊ปก็เป็นของไป๋ยี่เฟยอยู่แล้ว”
พอหลิ่วจาวเฟิงได้ยินอย่างนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
สีหน้าของเย่ฮวนกับเฝิงเซียนเซียนนั้นเคร่งเครียดยิ่งขึ้นไปอีก
มันหมายความว่ายังไงที่บอกว่าคริสตัลกรุ๊ปเป็นของไป๋ยี่เฟยมาตั้งแต่แรกแล้ว?
หวังโหลวค่อยๆ เดินขึ้นเวทีไป จากนั้นก็ค่อยๆ พยักหน้าให้ไป๋ยี่เฟย “ผมขอใช้ไมค์หน่อยได้ไหมครับ?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า จากนั้นก็หลบออกไปด้วยแววตาที่สับสน
หวังโหลจับไมค์ขึ้นมา แล้วค่อยๆ พูดขึ้นว่า “แค่คำเดียวเท่านั้น ถ้าไม่มีไป๋ยี่เฟย ก็ไม่มีคริสตัลกรุ๊ป”
“เดิมทีการก่อตั้งคริสตัลกรุ๊ป มันเป็นความคิดของไป๋ยี่เฟย เขาเป็นคนเอาเงินให้ผมไปก่อตั้งคริสตัลกรุ๊ปเอง”
“ตอนนั้น เขาบอกให้ผมจดทะเบียนคริสตัลกรุ๊ปด้วยชื่อของผมเอง และผมก็ทำตาม เพราะมันเป็นความหวังดีจากเขามันเป็นบุญคุณที่เขามอบให้ และมอบก็ยอมรับในบุญคุณครั้งนี้”
“และผมก็เคยพูดไว้ ยังไงคริสตัลกรุ๊ปมันก็ต้องเป็นของคุณอยู่ดี!”
“ผม หวังโหลวไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักบุญคุณ บุญคุณที่ไป๋ยี่เฟยมีต่อผม ผมไม่มีทางลืม ในวันนี้ ผมได้คืนคริสตัลกรุ๊ปให้กับเขา”
พูดจบ ทุกคนก็หันมาพูดคุยกันอีกครั้ง ไม่มีใครไม่ตกใจและชื่นชมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เลย