ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 534
บทที่ 534
ท่านจุนสายตานิ่งขรึม จ้องไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยก็จ้องมองไปยังท่านจุนเช่นกัน ทั้งสองสบตากัน ต่างก็เห็นความอาฆาตในแววตาของกันและกัน
“ฉันบอกไปแล้ว เขาเป็นคนของฉัน” ท่านจุนตอบกลับอย่างนิ่งขรึม
ไป๋ยี่เฟยไม่อ่อนข้อเลยแม้แต่น้อย“ฉันก็บอกแล้ว ว่าวันนี้ฉันจะเอามันให้ตายให้ได้!”
พูดจบ ก็นิ่งเงียบไปอยู่นาน ทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างไร้ซึ่งเสียงใดๆ
สุดท้ายท่านจุนก็ยิ้มออกมา“ไอ้หนุ่ม ยังไม่รู้จุดยืนในตอนนี้ของแกอีกเหรอ? แถมลำพังตัวแกคนเดียว จะฆ่ายังไง? ”
ไป๋ยี่เฟยกำลังจะพูด จู่ๆก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“เขาไม่ใช่ตัวคนเดียวสักหน่อย”
คนทั้งหมดอึ้งตะลึง หันไปมองตามเสียง
สวี่ชางไม่มีท่าทางหวาดกลัวแบบเมื่อตะกี้อีกแล้ว ในเวลานี้เดินอกผายเข้ามา ใบหน้ามีรอยยิ้มนิ่งๆ“ท่านจุนไม่เจอกันนานเลยนะ”
“สวี่ชาง?” ท่านจุนหลังจากที่เห็นเขาก็ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไร สีหน้าไม่ค่อยดี
สวี่ชางพยักหน้ายิ้มเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกประหลาดใจกับการปรากฏตัวของสวี่ชาง
เมื่อตะกี้ตอนอยู่ในห้องโถง เขาเห็นเฝิงเซียนเซียนถูกขืนใจมากับตาตัวเอง แต่กลับไม่กล้าลงมือ ตอนนี้กลับเดินออกมาอย่างสงบนิ่ง มันช่างต่างกันลิบลับ น่าประแปลกใจไม่น้อย
ไป๋ยี่เฟยอดคิดไม่ได้ ว่าเมื่อตะกี้เขาแสร้งทำใช่ไหม?
สวี่ชางยืนสงบนิ่งอยู่ข้างหน้า ส่ายๆหัว ก่อนจะตะโกนออกมา“ช่างน่าประหลาดใจจริงๆนะเนี่ย!”
“ฉันยังคิดอยู่เลยว่า คนที่มาคืนนี้อาจจะเป็นคนตระกูลฉุง หรือไม่ก็ตระกูลเย่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนของตระกูลหลิน”
ท่านจุนขมวดคิ้ว“ตระกูลหลินไม่อยากเป็นศัตรูกับแก ฉันแนะนำแกไม่ต้องเข้ามายุ่งจะดีที่สุด”
สวี่ชางยกๆไหล่“ใครบอกว่าไม่ใช่ล่ะ? ฉันก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับตระกูลหลินเหมือนกัน!”
แต่หลังจากที่พูดจบ ก็เปลี่ยนประเด็น“แต่ว่านะ เมื่อตะกี้เพื่อนของฉันพูดไว้แล้ว ว่าอยากให้ไอ้คนคนนี้ตาย”
ไป๋ยี่เฟยสีหน้าอึ้งชะงัก เขากลายเป็นเพื่อนของสวี่ชางตั้งแต่เมื่อไร?
ท่านจุนสบถหึออกมา“สวี่ชางอย่าถือว่าตัวเองมีสถานภาพสูงแล้วมาทำใจดีสู้เสือนะ ถ้ามากระตุกหนวดของฉัน ฉันก็ไม่สนใจที่จะจัดการฆ่าทุกคนบนเรือนี้ทิ้งซะ”
“ถึงตอนนั้น ก็จะไม่มีใครรู้ว่าแกถูกใครฆ่า!”
“หรือไม่ก็ แกแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น อย่าสอดมือเข้ามา หลังจากเรื่องจบลงแล้ว พวกเราตระกูลหลินก็ค่อยไปกราบไหว้นายสวี่แล้วกัน”
สวี่ชางยิ้มๆ กวาดสายตาไปมองบรรดาผู้คนที่อยู่บนดาดฟ้า พร้อมกับพูดเสียงเบาๆ“ขู่ฉัน?”
ท่านจุนสบถหึออกมาอย่างไม่สนใจ“ก็เห็นๆอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
สวี่ชางรู้สึกโกรธไม่น้อย กำลังจะเปิดปากพูดขึ้น จู่กลับมีเสียง“ตู้ม”ดังขึ้น
“ว้าย!”
ตามมาด้วยเสียงกรีดร้อง
พวกไป๋ยี่เฟยรีบหันไปมองทันที พบว่าคนร้ายสองคนกระแทกเข้ากับระเบียง
ในเวลานี้เอง ชายคนที่ถือปืนอยู่นั้นก็ถูกคนคนหนึ่งเข้ามาบีบคอไว้ กดเอาไว้ที่ระเบียง ทำให้คนคนนั้นไม่สามารถขัดขืนได้
หลังจากที่ท่านจุนเห็น ม่านตาก็หดลง“ไป๋หยุนเผิง!”
ไป๋หยุนเผิงชำเลืองตาไปมองท่านจุนอย่างเย็นชา“สิ่งที่ลูกของฉันบอก แกไม่ได้ยินเหรอ?”
พูดจบก็ไม่ให้โอกาสท่านจุน เขาพูดขึ้นต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาทันที“ลูกของฉันบอกว่าอยากให้มันตาย วันนี้มันก็ต้องตาย!”
น้ำเสียงเย็นชา แฝงไปด้วยความแข็งกระด้างที่ไม่มีทางยอมปฏิเสธง่ายๆ ทำให้คนต่างสั่นสะดุ้งด้วยความกลัว
บางทีหลังจากที่รู้สึกกลัวอาจจะมีคนรู้สึกว่าเขากำลังคุยโม้โอ้อวดเกินไป มีสิทธิ์อะไรที่ลูกของตัวเองบอกให้ใครตายคนนั้นก็ต้องตาย?
แต่ถึงยังไง คนที่พูดคำพูดนี้ก็เป็นไป๋หยุนเผิง
ในขณะที่ผู้คนยังไม่ตอบสนองกลับมานั้น ไป๋หยุนเผิงก็บีบคอของชายคนนั้นอย่างแรง ยกชายคนนั้นขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยม แล้วฟาดลงบนพื้นอย่างจัง
เสียงดัง“ตู้ม”หัวของชายคนนั้นฟาดลงพื้น ชนจนพื้นบนดาดฟ้าเป็นรู
ศีรษะของชายคนนั้นมีเลือดไหลออกมาทันที
ไม่ให้โอกาสชายคนนั้นได้เคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น ไป๋หยุยเผิงกำหมัดยกขึ้น ซัดลงไปที่หัวของชายคนนั้น ทำให้หัวของชายคนนั้นทะลุลงไปที่พื้นดาดฟ้าลึกกว่าเดิม
ชิ้นส่วนที่แตกของดาดฟ้า แทงทะลุเข้าไปในหัวของชายคนนั้น แต่ไม่ถึงแก่ชีวิต
ที่ถึงแก่ชีวิตนั้นคือหมัดหมัดนั้นของไป๋หยุนเผิง
หมัดหมัดนั้นซัดมาจนหัวของชายคนนั้นยุบลงไป
นี่มันจะต้องเรี่ยวแรงเยอะขนาดไหนถึงทำให้หัวยุบลงไปขนาดนั้นได้!
พอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ คนที่อยู่ตรงนั้นก็กลั้นหายใจอย่างทันที
สยดสยอง!สยดสยองจริงๆ!
นี่เป็นครั้งที่สองที่ไป๋ยี่เฟยเห็นไป๋หยุนเผิงออกแรงลงมือ ครั้งแรกคือตอนที่อยู่ที่สวนสัตว์ในเมืองหลวง
ในตอนนั้นไป๋หยุนเผิงก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน หมัดเดียว ฆ่าคนได้หนึ่งคน
ไป๋หยุนเผิงยืนตรงอยู่ตรงหน้าผู้คน จ้องมองท่านจุนพร้อมกับพูดขึ้น“มีแกอยู่ด้วย ไม่มีใครกล้าแตะต้องมันอย่างนั้นเหรอ?”
ท่านจุนสีหน้าเปลี่ยนไปไม่น้อย พูดขึ้นด้วยสายตามืดมน“ไป๋หยุนเผิง แกตัวคนเดียว ไม่ได้แปลว่าแกจะเอาชนะฉันได้!”
“แล้วถ้ามีฉันเพิ่มมาอีกคนล่ะ?”
มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เป็นชายอายุประมาณสี่สิบกว่าๆหนึ่งคน กำลังเดินตรงมาทางนี้อย่างช้าๆ
“เย่เจี่ย” หลังจากที่ท่านจุนเห็นชายคนนั้นก็สองตาถลึงโตด้วยความตกใจ
เย่ฮวนก็เห็นเขาเช่นกัน ลุกขึ้นยืนด้วยความปิติยินดี“ลุงสี่!”
เย่เจี่ยเป็นลูกคนที่สี่ของตระกูลเย่ เป็นลุงสี่ของเย่ฮวน
พอเย่เจี่ยได้ยินเสียงของเย่ฮวน ก็ก้มหัวให้เขาเล็กน้อย
จากนั้น ก็มีผู้ชายอายุประมาณห้าสิบกว่าๆออกมาจากห้องผู้โดยสารอีกหนึ่งคน ตอนที่ชายคนนั้นเดินออกมา สีหน้าก็ไม่ค่อยดีเท่าไร“รวมฉันด้วยอีกคน”
หลังจากที่ท่านจุนเห็นแล้ว สีหน้าก็เริ่มไม่ดี แอบรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย“คุณชายรอง?”
เขาเป็นคนของตระกูลหลิน เขาเรียกว่าคุณชายรอง ก็แสดงว่าคนคนนี้ก็เป็นคนของตระกูลหลินเช่นกัน
คุณชายรองของตระกูลหลินหลินยู่ชัง
“ท่านจุนคิดไม่ถึงว่าจะเป็นนาย?” หลินยู่ชังสีหน้าดำมืด น้ำเสียงหนักแน่น“น้องสามให้นายมาเหรอ?”
พูดจบ ท่ามกลางความเงียบสงัดฉินซานก็โผล่เข้ามาอยู่ข้างหลังของหลินยู่ชัง
ไป๋หยุนเผิงแห่งตระกูลไป๋ เย่เจี่ยแห่งตระกูลเย่ หลินยู่ชังแห่งตระกูลหลิน สี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ คนที่มีเกียรติภูมิมากที่สุดของอีกสามตระกูลได้มากันหมดแล้ว
ท่านจุนเห็นภาพภาพนี้ ก็ตื่นตกใจอย่างทันที
ในเวลานี้เอง เขาก็ตระหนักได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ว่าวันนี้ เขาหลบหนีไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ยิ้มอมทุกข์อย่างหมดหนทาง กลับรู้สึกไม่เข้าใจอยู่นิดหน่อย ดังนั้นจึงถามขึ้น“พวกแกมาอยู่กับไป๋หยุนเผิงได้ยังไง? หรือว่าไม่สนใจอำนาจในการพัฒนาหลันเต่าหรือไง?”
เย่เจี่ยยิ้มอย่างนิ่งๆ“แน่นอนว่าสนใจอยู่แล้ว สิ่งที่ล่อตาล่อใจขนาดนี้ เชื่อเหรอว่าจะไม่มีใครไม่สนใจ”
ท่านจุนยิ่งรู้สึกสงสัยเข้าไปอีก“แล้วพวกเราสามคนร่วมมือกัน ช่วยกันฆ่าไป๋หยุนเผิงไม่ดีหรือไง?”
“พอได้อำนาจในการพัฒนาหลันเต่ามาแล้ว พวกเราก็จะ……คุณชายสามไม่มีทางแย่งกับสองคนที่เหลือหรอก”
ใช่แล้ว ท่ามกลางคนพวกนี้ ไป๋หยุนเผิงเก่งกาจที่สุด
ถ้าพวกเขาสามคนร่วมมือกันล่ะก็ สามารถฆ่าไป๋หยุนเผิงได้
แต่ว่า……
“ท่านจุนต่อให้อำนาจในการพัฒนาหลันเต่ามันน่าดึงดูดมากกว่านี้ ก็ไม่สำคัญไปกว่าความเท่าเทียมกันของสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่หรอกนะ” หลินยู่ชังพูดตอบกลับมาอย่างเย้ยหยัน
พูดจบ ท่านจุนก็นิ่งเงียบลง
ดูจากตอนนี้แล้ว สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงยืนอยู่บนสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ เขาพูดอะไร พวกเขาก็ต้องทำแบบนั้น
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ของพวกเขาจะมาบังคับจัดการอะไรกับสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงก็ได้ ถ้าสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงคิดที่จะกำจัดใคร มันก็จะเหมือนกับในครั้งนี้
หาข้ออ้างสักหนึ่งข้ออ้าง แล้วค่อยออกคำสั่งไล่ฆ่า ตบหัวแล้วค่อยมาลูบหลัง หลอกล่อให้คนอื่นๆไปไล่ฆ่า ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงจะกำจัดใครก็ได้อย่างนั้นเหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้น สี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ ถ้ามีสักตระกูลล่มสลายลง แล้วความสงบเท่าเทียมกันนี้ก็จะไม่มีอีกแล้ว ถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะแย่งชิงทรัพยากรกันเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
เหตุการณ์แบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาอยากเห็น
น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าดังที่กล่าวไว้ ตระกูลหลินกับตระกูลเย่ไม่อยากเดินตามรอยเท้าของตระกูลไป๋ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหยุดทุกสิ่งทุกอย่างไว้ตั้งแต่แรก
สุดท้ายท่านจุนก็ยิ้มอย่างอมทุกข์หมดหนทาง“แสดงว่า ที่ตามไล่ฆ่าไป๋หยุนเผิงในตอนแรก ทั้งหมดเป็นแผนการอย่างนั้นเหรอ?”