ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 556
บทที่556
หลี่เสว่ที่เมื่อกี้ยังคิดหนักอยู่เลยว่าเสียใจรึเปล่าที่เลือกแบบนั้นไป ตอนนี้เธอก็กำลังรู้สึกเสียใจแล้ว
สวี่ชางที่เห็นหลี่เสว่ยืนเงียบอยู่นาน จึงได้ถอนหายใจและหยิบมือถือของตัวเองออกมา
“ผมมีอะไรให้คุณดู”
หลี่เสว่แต่มองมาที่เขา โดยไม่ได้มองมือถือเลย สวี่ชางก็ไม่ได้สนใจ แล้วกดเล่นคลิปวิดีโอไป ยกมันมาข้างหน้าหลี่เสว่
ในคลิปคือภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หน้าประตูภัตตาคารตะวันตกของเที่ยงวันนี้
พอดูถึงตรงนี้ หลี่เสว่ก็รีบแย่งมือถือไปทันที
คลิปยังคงเล่นต่อไป
เป็นช่วงหลังจากที่หลี่เสว่นั่งรถของสวี่ชางไปแล้ว ไป๋ยี่เฟยยืนนิ่งอยู่กับที่ แล้วยืนมองไปทางยังทางที่รถของพวกเธอวิ่งผ่านไปด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดอย่างถึงที่สุด
แค่เพียงแวบเดียวก็สามารถรู้สึกถึงบรรยากาศที่สิ้นหวังและโดดเดี่ยวที่ถูกส่งออกมาจากตัวของไป๋ยี่เฟย
จากนั้น ก็ได้มีชายที่สวมหมวกแก็ปคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากทางด้านหลังของไป๋ยี่เฟย เขาสะพายกระเป๋าเอาไว้ ชายคนนั้นหยิบมีดออกมาจากกระเป๋า แล้วแทงเข้าไปในตัวของไป๋ยี่เฟย
สุดท้าย ชายคนนั้นก็ปล่อยมีด แล้วเดินจากไป
ส่วนไป๋ยี่เฟยก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงมองไปยังรถขับไปที่ถูกขับไปไกลแล้ว ราวกับว่ามีดที่แทงมาเมื่อกี้ไม่ได้แทงใส่ตัวอย่างอย่างนั้นแหละ
ท้ายที่สุด ไป๋ยี่เฟยก็ทนต่อไปไม่ไหว จนล้มลงกับพื้นด้วยสีหน้าที่สิ้นหวัง จากนั้นก็หลับตาลงด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะอยู่ต่อ
มันเป็นความสิ้นหวังแบบไหนกันนะที่สามารถทำให้คนๆ หนึ่งยอมแพ้ที่จะดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอด จนถึงขั้นอยากตายไปเลย
น้ำตาของหลี่เสว่ได้ไหลเต็มหน้าไปนานแล้ว
สวี่ชางรับมือถือคืนมา และพูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “นี่คือคลิปที่บอดี้การ์ดของผมไปเอามาจากภัตตาคารนั้น เขาเพิ่งส่งมาให้ผมเมื่อกี้”
เขาชะงักไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “ดังนั้น คุณจะไม่เสียใจจริงๆ ใช่มั้ยครับ? หรือจะบอกว่า การที่คุณเลือกแบบนี้ไปมันดีกับเขาแล้วจริงๆ ใช่มั้ยครับ?”
หลี่เสว่เอามือกุมอก ตรงนั้นมันเจ็บมาก เจ็บจนเธอแทบหายใจไม่ออกแล้ว
ผ่านไปเนิ่นนาน หลี่เสว่ก็เช็ดน้ำตาแล้วบอกกับสวีลั่งว่า “ขอบคุณค่ะ”
พูดจบ หลี่เสว่ก็ลงจากเรือไปโดยไม่หันหลังกลับเลยแม้แต่น้อย
คำพูดของจางหัวปินยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเธอ “ไป๋ยี่เฟยรู้ว่าคืนนี้จะมีการลอบสังหารสวี่ชางเกิดขึ้น เขากลัวคุณจะเป็นอันตรายจึงได้รีบมาที่นี่ มาเพื่อปกป้องคุณเท่านั้น”
ซึ่งมันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเลย
เธอนึกว่าเขายังไม่ยอมเลยตามมาแบบนี้ เธอนึกว่าเขาเธอหลิ่วจาวเฟิงกำลังคุยกับเธอแล้วเกิดอาการหึงหวง ถึงได้ลงมือทำร้ายไปแบบนั้น
ทั้งหมดมันเป็นแค่สิ่งที่เธอนึก แต่ในความเป็นจริงนั้น ไป๋ยี่เฟยรีบมาที่นี่ด้วยร่างกายที่สาหัส เพียงเพื่อปกป้องเธอเท่านั้น
ตอนที่หลี่เสว่เดินลงมาจากเรือ น้ำตาได้แห้งไปหมดแล้ว เธอเดินไปยังหน้ารถธุรกิจ เปิดประตู แล้วนั่งเข้าไปข้างใน
ภายในรถ ไป๋หู่ จางหัวปินและคนอื่นๆ กำลังคุยกันว่าจะช่วยเหลือไป๋ยี่เฟยยังไงดี พอเห็นหลี่เสว่ที่จู่ๆ ก็เข้ามา ทุกคนก็พากันเงียบไปทันที
หลี่เสว่ท่าทางเย็นชา แล้วพูดกับคนในรถด้วยความแน่วแน่ว่า “ไป๋ยี่เฟยเป็นสามีของฉัน ฉันจะไปช่วยเขา และฉันก็ต้องการความช่วยเหลือจากพวกคุณ”
จ้องเขม็งมาที่หลี่เสว่ คนอื่นๆ ไม่ได้รู้จักหลี่เสว่ดีเท่าเขา เขารู้ดีว่า หลี่เสว่ในตอนนี้แตกต่างจากหลี่เสว่คนเก่าไปแล้ว
เมื่อก่อนตอนที่ไป๋ยี่เฟยตกอยู่ในอันตราย หลี่เสว่ก็เป็นห่วง ร้อนรน และหาทางช่วยเหลือไป๋ยี่เฟยเหมือนกัน แต่เธอในตอนนั้น ทำได้เพียงแค่ร้องไห้เพื่อขอร้องให้คนช่วยเท่านั้น
แต่ตอนนี้ เธอมีความคิดเป็นของตัวเอง เธอรู้ว่าตัวเองควรทำอะไร และรู้วิธีใช้งานทรัพยากรและความช่วยเหลือที่อยู่รอบตัวไป๋ยี่เฟย
พอเห็นอย่างนั้น จางหัวปินก็พยักหน้าด้วยความยินดี จากนั้นก็ตอบไปอย่างหนักแน่นว่า “ครับ”
หลี่เสว่พยักหน้าเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่ฉันบอกนะคะ”
“พี่จาง ความรู้ด้านเทคโนโลยีของพี่นั้นไม่เลว พี่ช่วงตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่ในละแวกนี้และทุกๆ ทางเข้าออกของเมืองเป่ยไห่ให้ทีนะคะ”
“ถ้ามีรถคันไหนที่ออกไปหลังจากสามทุ่มสิบห้าละก็ พี่ช่วยจดทะเบียนรถไว้หน่อยนะคะ”
“อีกอย่าง ฉันหวังว่าฉันจะสามารถเคลื่อนย้ายคนทั้งหมดของสามีฉันได้ ให้พวกเขารีบมาที่เมืองเป่ยไห่ทันที ถ้าเห็นใครน่าสงสัย ก็รีบแจ้งให้ฉันรู้ทันที”
……
ไป๋ยี่เฟยที่กำลังสะลึมสะลือ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน
เขาฝันว่าตัวเองกำลังลอยอยู่กลางทะเล โยกย้ายไปตามคลื่นทะเล
เขาอยากจะใช้มือพาย แต่แขนขามันก็ไม่ยอมทำตามที่ใจสั่งเลย ใช้แรงเท่าไหร่พวกมันก็ไม่ยอมขยับ
พอมองไปรอบๆ นอกจากน้ำทะเลกับท้องฟ้าแล้วมันก็ไม่มีอะไรอีกเลย
ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรกับเด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งไว้กลางทะเลเลย ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี ไม่มีความช่วยเหลือและสมองก็กำลังสับสน
จู่ๆ เสียงของหลี่เสว่ก็ดังขึ้น แต่เสียงมันอยู่ไกลมาก
ไป๋ยี่เฟยอยากได้ยินมันชัดกว่านี้ เขาจึงดิ้นรนสุดชีวิต แต่ร่างกายมันก็ไม่ยอมทำตาม
เขาอยากจะตะโกนออกมา เพื่อระบายความรู้สึกที่อยู่ในใจออกมา
ทันใดนั้น เขาก็ลืมตาขึ้นมา มองเห็นท้องฟ้าสีครามที่กว้างใหญ่ กับท้องทะเลเลยที่กำลังสั่นไหวอยู่ไม่ไกล
ไป๋ยี่เฟยสับสนไปพักหนึ่ง พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เขาก็ลุกขึ้นมานั่งทันที
แต่เขาลืมไปว่าตัวเองกำลังบาดเจ็บอยู่ ตอนที่ลุกขึ้นนั่ง บาดแผลก็ถูกกระตุ้น มันทำเขาเจ็บจนแทบจะล้มลงไปอีกครั้ง
“” ตุ๊บ!”
ถุงน้ำหนังแกะใบหนึ่งถูกโยนลงตรงหน้าของไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยตกใจทันที เขาเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วพบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งเล่นมือถืออยู่ไม่ไกล เธอดูเด็กมาก เธอใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำ กางเกงยีนที่น้ำเงิน ดูมีชีวิตชีวามาก
พอมองไปรอบๆ ก็พบว่าพวกเขากำลังอยู่บนเรือยอชต์ขนาดเล็กที่นั่งได้แค่หกคนเท่านั้น
เด็กสาวกำลังก้มหน้าเล่นมือถืออยู่ เธอพูดกับไป๋ยี่เฟยโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ “สมรรถภาพทางร่างกายของคุณถือว่าใช้ได้เลยที่เมื่อคืนสามารถผ่านไข้ที่สูงขนาดนั้นมาได้”
พอได้ฟังอย่างนั้น ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกว่าร่างกายมันเหนียวๆ คงเป็นเพราะเมื่อคืนไข้ขึ้นสูงแล้วเหงื่อเลยออกล่ะมั้ง
จากนั้นเขาก็เก็บถุงน้ำขึ้นมา เปิดออก แล้วดื่มน้ำไปหลายอึก
พอดื่มเสร็จ ไป๋ยี่เฟยจึงได้ถามขึ้นว่า “คุณเป็นใคร? จับผมมาทำไม? แล้วเรากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน?”
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยไม่ค่อยเชื่อเรื่องอายุของผู้หญิงเท่าไหร่แล้ว ถึงดูภายนอกจะยังสาว แต่จริงๆ แล้วต่างก็เป็นนางปีศาจเฒ่าทั้งนั้น เหมือนกับจื่ออีไง
เด็กสาวยังคงเล่นมือถือต่อไป แถมยังได้ยินเสียงเกมที่ไม่ค่อยชัดเจนดังขึ้นด้วย “ฉันชื่อฉีฉี นายจะเรียกฉันว่าท่านฉีฉีก็ได้นะ”
ไป๋ยี่เฟย “……”
“แล้ว?”
ฉีฉีไม่ได้พูดต่อ ไป๋ยี่เฟยจึงถามซ้ำอีกรอบ “ทำไมต้องจับผมมาด้วย?”
ฉีฉีตอบมาอย่างไม่ใส่ใจ “ก็มันน่าสนุกนี่นา”
“เชี่ย!”
ไป๋ยี่เฟยโกรธจนแทบกระอักเลือด “ตรงนี้มีแค่เราสองคน คุณไม่กลัวผมจะฆ่าคุณเพื่อชดใช้ความผิดรึไง?”
ในที่สุดฉีฉีก็เงยหน้าขึ้นมามองไป๋ยี่เฟยแล้ว แต่ในแววตาเต็มไปด้วยสายตาที่ดูถูกไป๋ยี่เฟย “ถ้านายเก่งพอที่จะฆ่าฉันได้ นายก็คงไม่ได้มานั่งคุยกับฉันตรงนี้แล้ว”
ไป๋ยี่เฟย “……”
แล้วไป๋ยี่เฟยก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคนเด็กผู้หญิงที่ชื่อฉีฉีคนนี้ได้เตะไป๋หู่กับสวีลั่งกระเด็นภายในกระบวนท่าเดียวเท่านั้น
ความสามารถที่ร้ายกาจขนาดนี้ แม่งยังใช่คนอยู่มั้ยเนี่ย?
ไป๋ยี่เฟยสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ถามไปว่า “ตอนนี้เราจะไปไหนกัน?”
“พอถึงก็รู้เองแหละ” ฉีฉีตอบมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
พูดจบ ก็เหมือนฉีฉีนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอขำออกมา แล้วพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “จริงสิ จะว่าไป ฉันมีเรื่องจะบอกให้นายรู้สำหรับนายแล้ว มันถือว่าเป็นข่าวดี”
ไป๋ยี่เฟยมองเธอด้วยความไม่เข้าใจ แล้วฟังสิ่งที่เธอพูดออกมา “หลี่เสว่ภรรยาของนายกำลังปิดเมืองเป่ยไห่เอาไว้เพื่อตามหานายอยู่ ดูท่าเธอน่าจะกลับตัวกลับใจแล้วนะ”
“เป็นไง? ดีใจมั้ย?”
“เฮ้อ แต่ที่น่าเสียดายคือ ทั้งที่เธอควบคุมถนนทุกสายไปแล้ว แต่ก็นึกไม่ถึงว่าเราจะเดินทางออกมาทางน้ำ”
“ฮึฮึ……ฉันฉลาดมากเลยใช่มั้ยล่ะ?”
ฉลาดเหรอ?
เธอมันฉลาดเกินไปแล้ว!
ไป๋ยี่เฟยกัดฟันแน่น หลังจากที่คิดทบทวนอีกครั้ง เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
ภรรยาของเขากลับตัวกลับใจแล้ว
นี่มันน่ายินดียิ่งกว่าเรื่องไหนๆ ซะอีก
แต่มันก็พูดได้ไม่เต็มปากว่ากลับตัวกลับใจหรอกมั้ง เพราะพวกเขาทั้งคู่ต่างก็รู้ดีอยู่แกใจ นอกจากว่าหลี่เสว่จะเอาเรื่องที่ตัวเองมีลูกไม่ได้จนทำให้ไป๋ยี่เฟยต้องเสียประโยชน์ เธอจึงเลือกที่จะทำให้เรื่องมันวุ่นวายแบบนี้
ไป๋ยี่เฟยเบาใจลงบ้างแล้ว จากนั่นก็หันไปถาม ฉีฉีต่อว่า “ทำไมคุณถึงต้องจับตัวผมมาด้วย? ผมไม่รู้จักคุณ และไม่น่าจะเคยไปสร้างความแค้นอะไรกับคุณด้วยจริงมั้ย?”
ฉีฉีหัวเราะคริคริ พร้อมกับโบกไม้โบกมือ “ถ้าบอกให้รู้หมดแล้วมันยังจะมีความหมายอะไรอีกล่ะ?”