ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 565
บทที่ 565
หลังจากชายกำยำพูดจบแล้ว ก็สตาร์ทรถเครื่อง ขับจากไปอย่างรวดเร็ว
ไป๋ยี่เฟยกำการ์ดในมือแน่น กัดฟันกรอดๆ
พูดตามตรง สองพี่น้องคู่นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขามากมายนัก หลังจากพอพวกเขาออกไปได้แล้ว ระหว่างพวกเขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก
แต่เขาจะทำให้พวกเขาต้องมาเดือดร้อน และเมินเฉยต่อชีวิตของพวกเขาเพราะเรื่องเรื่องนี้ไม่ได้
แต่ความรู้สึกแบบนี้ ยากที่จะรับได้จริงๆ!
ให้ตายสิ เขาเกลียดเวลาคนมาข่มขู่เขาที่สุด!
ทันใดนั้น
มีเสียง“ปึ้ง”ดังขึ้น
ไป๋ยี่เฟยรีบเงยหน้าขึ้นมอง
พบว่าชายกำยำที่ขี่รถไปได้ไม่ทันไร จู่ๆก็ถูกรถออฟโรดคันหนึ่งที่ออกมาจากตรอกซอยชนเข้าอย่างจัง
รถเครื่องกระเด็นลอยออกไปทันที ชายกำยำถูกชนกระเด็นออกไป
ไป๋ยี่เฟยเห็นภาพภาพนี้ ก็ใจเต้นอย่างช่วยไม่ได้
ที่นี่แทบจะไม่เห็นรถเลย ความเป็นไปได้ที่จะเกิดอุบัติเหตุรถชนเป็นไปได้น้อยมาก
แสดงว่ารถคันนี้ตั้งใจชนเขา
แถม รถคันนี้ก็คุ้นตามากๆ!
เป็นอย่างที่คิดไว้ ฉีฉีที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี ออกมาจากรถออฟโรด
เธอเดินทีละก้าวๆมาหยุดอยู่ตรงหน้าของชายกำยำ
ชายกำยำกระอักเลือดเรียบร้อยแล้ว ร่างกายชักกระตุก
ตอนที่ชายกำยำเงยหน้ามองเห็นฉีฉีนั้น ก็ถลึงสองตาโต ราวกับตกใจสุดขีด
จากนั้นฉีฉีก็ยกขาขึ้นมา เหยียบชายกำยำจมดินลงไปทันที ชายกำยำเริ่มขัดขืน แขนขาสั่นอย่างหมดเรี่ยวแรง แต่สั่นได้ไม่ทันไร ก็แน่นิ่งไป ไม่ขยับเขยื้อนอีก
ไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนี้ จู่ๆก็กลั้นหายใจทันที
ตายแล้ว?
ตายแล้วจริงๆ
ไป๋ยี่เฟยตื่นตกใจ
แม้ว่าจะเห็นฉีฉีฆ่าคน แต่ไป๋ยี่เฟยก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เท่เกินไปแล้ว!
จริงๆ ฉีฉีในวันนี้สวมชุดหนังกางเกงหนังสีน้ำตาล ที่เท้าก็สวมรองเท้าหนัง เทียบกับตอนที่เจอตอนแรกแล้วดูดุดันกว่ามาก
แต่เนื่องจากใบหน้าของเธอค่อนข้างเล็กอย่างเห็นได้ชัด จึงทำให้ดูหน่อมแน้ม ลักษณะแบบนี้ยิ่งทำให้ดูเท่มากขึ้นไปอีก
ในขณะที่ไป๋ยี่เฟยกำลังอึ้งตะลึงอยู่นั้น ฉีฉีกวักๆนิ้วให้กับไป๋ยี่เฟย
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยสีหน้าดูไม่ดีในทันที แถมยังคิดอีกว่า ไม่เท่เลยสักนิด!
หลังจากที่หมดหนทาง ไป๋ยี่เฟยก็ทำได้แค่นั่งเข้าไปในรถ แต่เพื่อไม่ให้โดนฉีฉีเตะ จึงเลือกที่จะนั่งที่นั่งข้างหลัง
“หยิบมาให้ฉันดูหน่อย” ฉีฉีพูดกับไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยก้มลงมองตัวเอง พบว่าที่ตัวของตนเองมีเพียงแค่การ์ดใบเดียวที่สามารถหยิบออกมาให้ดูได้ จึงหยิบการ์ดยื่นไปให้กับฉีฉี
หลังจากที่ฉีฉีดูแล้วก็คืนการ์ดให้กับไป๋ยี่เฟย“ไม่เลวนี่ ฉันคงต้องไปหามาสักใบซะแล้วสิ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มอย่างอมทุกข์“คุณหาผมเจอได้ยังไง?”
ฉีฉีสบถหึออกมา“ไม่ต้องหาหรอก”
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่ไหน?”ไป๋ยี่เฟยถามขึ้นต่อ
ฉีฉีหัวเราะออกมาหนึ่งที“ต้องให้ฉันเตือนนายอีกเหรอ? ที่นี่เป็นของสหพันธ์ธุรกิจ”
ไป๋ยี่เฟยถาม“ที่นี่ยังมีคนต่างประเทศอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
ฉีฉีพูดตอบอย่างไม่สบอารมณ์“แล้วคนต่างประเทศไม่มีสหพันธ์ธุรกิจหรือไง?”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งตะลึงไป
ในตอนนี้ ไป๋ยี่เฟยราวกับเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว ที่นี่เป็นอาณาเขตของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง แล้วสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงก็มีกำลังคนกำลังทรัพย์ แน่นอนว่าสามารถจำกัดควบคุมสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ได้
ตนเองได้ฆ่าประธานสหพันธ์ธุรกิจเป่ยไห่ไปแล้วในตอนแรก ทางด้านของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงแทบจะไม่สนเลยสักนิด ถ้าเกิดคิดจะฆ่าไป๋ยี่เฟยจริงๆล่ะก็ มีเหรอไป๋ยี่เฟยจะหนีไปได้?
ฉีฉีเห็นแล้ว ก็หัวเราะเย้ยหยัน“ทุกที่ในเมืองหลันอยู่ในสายตาของฉันหมด นายจะหนีไปไหนมันก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ อีกอย่าง ถ้าไม่ได้รับการอนุญาต นายคิดว่านายจะหนีออกไปได้ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยหมดคำพูด“แล้วทำไมคุณถึงไม่กักบริเวณผมเลยล่ะ? แถมคุณยังให้ผมหนีอีก แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลับมาหาผม?”
“ก็นายอยู่ที่ฉันไม่สะดวกไม่ใช่หรือไง!” ฉีฉีตอบกลับไปอย่างขี้เกียจ
ไป๋ยี่เฟย“……”
ฉีฉีชำเลืองตามองไป๋ยี่เฟย พร้อมกับพูดขึ้น“เก็บการ์ดใบนั้นไว้ให้ดี มะรืนจะต้องไปเจรจาต่อรองแทนฉันที่บ้านตระกูลจ้าว”
“เจรจาต่อรอง?”ไป๋ยี่เฟยสับสนมึนงงทันที“เจรจาอะไร? กับใคร? ทำไมต้องไปแทนคุณ?”
ฉีฉีตอบอย่างหมดความอดทน“จะพล่ามอะไรมากมาย? นายเชื่อฟังฉันก็พอแล้ว”
พูดจบ ฉีฉีก็โยนหูฟังบลูทูธให้กับไป๋ยี่เฟยหนึ่งเครื่อง“รับไว้ เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ไม่ต้องใช้มือถือ แค่กดก็สามารถโทรสื่อสารกับฉันได้เลย”
ไป๋ยี่เฟยมองหูฟังบลูทูธในมือ“ทำไมผมต้องเชื่อฟังคุณ?”
“อยากโดนสักยก?”ฉีฉีพูดเบาๆไปสามคำก็ทำให้ไป๋ยี่เฟยยอมจำนนได้
ไป๋ยี่เฟยรีบพยักหน้าตอบรับทันที“ฟังคุณก็แล้วกัน”
ฉีฉีพยักหน้าอย่างนิ่งๆ พึงพอใจกับท่าทีของไป๋ยี่เฟยอย่างมาก“เอาล่ะ ไม่มีอะไรก็ไสหัวไปได้แล้ว!”
ไป๋ยี่เฟยเปิดประตูออก แล้วลงจากรถไปอย่างเงียบๆ
คิดในใจอย่างโหดร้าย สักวัน จะต้องเอาคืนแน่นอน จากที่คุณเอาแต่ทุบตีผม ผมจะเอาคืนคุณกลับบ้าง!
“เออใช่ ยังมีอีกเรื่อง ในเหมืองหมายเลขสามไม่มีเชื้อเพลิงน้ำมันที่นายต้องการหรอกนะ นายอย่าเสียแรงเปล่าๆจะดีกว่า” ฉีฉีนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ จึงพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ
ไป๋ยี่เฟย“……”
ไป๋ยี่เฟยทั้งยอมใจทั้งหมดคำพูดจริงๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาล้วนแต่อยู่ในสายตาของเธอทั้งหมด ทุกการกระทำของเขา ฉีฉีมองออกจนทะลุปรุโปร่ง แล้วจะหนีออกไปได้ยังไงวะเนี่ย?
กลับมาถึงร้านอาหาร หลินจื่อก็แบกหยางเฉียวขึ้นไปข้างบนเรียบร้อยแล้ว ไป๋ยี่เฟยนึกถึงสองพี่น้องขึ้นมาได้ ในใจก็รู้สึกผิดอย่างเลี่ยงไม่ได้ การกระทำทั้งหมดของเขาอยู่ในสายตาของฉีฉี แล้วการที่เขาจะพาพวกเขาออกจากที่นี่ ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยน่ะสิ
ไม่มีหวังตั้งแต่แรก กับมีหวังแล้วดันมาหมดหวัง มันต่างกันลิบลับ
ไป๋ยี่เฟยมองดูความเละเทะที่อยู่บนพื้น จากนั้นก็เก็บกวาดด้วยความรู้สึกผิด ถึงยังไงต้นเหตุของเรื่องนี้ก็คือเขา จ้าวเทียนอยากกินอาหารที่เขาทำ แต่เขาไม่อยู่ จึงทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้
ไม่นาน หลินจื่อก็ลงมา
“พี่ของนายเป็นยังไงบ้าง?”ไป๋ยี่เฟยถาม
หลินจื่อตอบกลับไปอย่างนิ่งๆ“มีแค่แผลภายนอกทั้งนั้น รักษาแป๊บเดียวก็หายแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
ทั้งสองคนก้มหัวลงเก็บกวาดด้วยกัน จนถึงตอนค่ำกว่าจะเก็บกวาดจนเสร็จ
ไป๋ยี่เฟยนั่งลงที่โต๊ะที่สะอาดเอี่ยม พร้อมคิดไปพลาง เขาจะทำตามที่ฉีฉีบงการไม่ได้จริงๆ เขาต้องคิดหาวิธีกำจัดฉีฉี
ฉีฉีบอกไว้แล้ว มะรืนต้องไปเจรจาต่อรองกับตระกูลจ้าวแทนเธอ
เขาไม่รู้รายละเอียดการเจรจาต่อรองเลย แต่มีหนึ่งสิ่งที่มั่นใจได้คือฉีฉี จะไม่โผล่หน้าออกมาแน่นอน
ยังจำได้ว่าตอนนั้นฉีฉีก็เคยบอกไว้ สาเหตุที่ต้องขึ้นฝั่งอีกด้านหนึ่ง ก็เพื่อไม่ให้คนรู้ว่าเธอมาแล้ว
แต่ว่า ทำไมไม่อยากให้คนรู้ล่ะ?
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิดแล้ว ก็คิดความเป็นไปได้ออกมาได้สามอย่าง
อย่างแรกคือ เพราะว่ามีตระกูลที่มีความแค้นกัน อีกอย่างคือเพราะว่ามีคนที่เธอไม่อยากเจออยู่ สุดท้าย ก็คือมีคนที่คอยขู่เธออยู่ แต่กลับเป็นคนที่ไม่อยากเจอเธอ
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยคิดเสร็จก็พยักหน้าเล็กน้อย รู้สึกว่าสามารถใช้ประโยชน์จากจุดๆนี้ได้
แต่ว่าก่อนหน้านี้ เขาต้องหาช่องทางการเฝ้าดูของฉีฉีให้เจอก่อน เขาไม่อยากอยู่ในสายตาของฉีฉีตลอดเวลา
ฉีฉีสามารถรู้เบาะแสของไป๋ยี่เฟยได้ตลอดเวลา แสดงว่าถ้าแถวนี้ไม่มีคนของฉีฉี อยู่ ก็ต้องมีกล้องวงจรปิดหรือไม่ก็ของที่คอยระบุตำแหน่งอยู่
แต่ที่นี่มีแต่ถนนหนทางที่ทันสมัยแล้วทั้งนั้น อีกอย่างแถวนี้ก็ไม่เห็นกล้องวงจรปิดเลยสักตัว
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกสงสัย ว่าฉีฉีรู้ตำแหน่งของเขาได้ยังไงกันแน่?
รอเดี๋ยวนะ หรือว่าอุปกรณ์ติดตามจะอยู่ที่ตัวของเขาอย่างนั้นเหรอ?
เป็นไปไม่ได้ ที่ตัวเองไม่เจออะไรที่เหมือนกับอุปกรณ์ระบุตำแหน่งเลย ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่อาบน้ำก็ถอดเสื้อออกตรวจดูหมดแล้วด้วย