ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 605
บทที่ 605
หลิวเห้อรีดหมัดไปสองสามครั้ง ก่อนที่จะหยุดลง จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
เขาก็ไม่ใช่คนโง่อะไร เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่สามารถสู้กับไป๋ยี่เฟยได้ ดังนั้นเขาจึงหยิบบัตรธนาคารในมือขึ้นมาและพูดกับทั้งสองว่า “วันนี้เพราะกูเห็นแก่เงินกูเลยยกโทษให้พวกมึงไปชั่วคราว!”
“พวกมึงไอ้หมาชายหญิงรอกูอยู่นี่นะ! ”
“กูขอเตือนอีกครั้งว่า ถ้าพวกมึงเปลี่ยนรหัสผ่าน กูจะกลับมาแน่นอน!”
” จงยู่ถิง คุณก็รอไปนะสักวันเมื่อเขาไม่อยู่!”
“มึงกล้าล้อเล่นกับกูเหรอ กูนั่นแหละที่จะฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่อยู่! ฆ่ามึงและลูกสาวมึงทิ้งสะ!”
เมื่อพูดจบ หลิวเห้อ ก็จากไปอย่างภาคภูมิใจ
ในที่สุดจงยู่ถิงก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เสียง “ปัง” ดังขึ้นและล้มลงกับพื้น พร้อมกับใช้มือทั้งสองปิดหน้าไว้ และร้องไห้อย่างเงียบๆ
ไป๋ยี่เฟยเห็นดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหัว และปิดประตูไว้
หลี่เสว่เดินเข้าไปและย่อตัวลง พร้อมกับปลอบใจจงยู่ถิง
จงยู่ถิงส่ายหัว และฝืนยิ้ม “ต้องขอโทษด้วยนะคะ…”
……
พวกเขาทำให้จงยู่ถิงสงบจิตใจลงและไป๋ยี่เฟยพวกเขาก็จากไป
ในระหว่างทางอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขาต่างก็หนักอึ้ง
ในขณะที่ทุกคนกำลังนิ่งเงียบอยู่นั้น กัปตันก็ยืนขึ้น พร้อมกับขับเรือออกไป แม้ว่าเขาจะเป็นโรคมะเร็ง และยังไงตอนจบก็เหมือนกัน แต่เขาก็ยังช่วยเหลือพวกเขาได้ตั้งหลายคน
พวกเขาไม่เพียงแต่เห็นจงยู่ถิงโดนเชฟรังแกเท่านั้น แต่ยังโดนอดีตสามีตัวเองรังแกอีก เช่นนั้นนั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่กัปตันจะหวังว่าลูกสาวของเขาจะกลับมามีชีวิตปกติได้
ปิดภัตตาคารและอยู่ห่างจากอดีตสามี
หลี่เสว่ถอนหายใจอย่างสะเทือนใจ และทันใดนั้นก็ถามไป๋ยี่เฟยขึ้นว่า “ที่รัก ถ้าหากเราต้องหย่ากันในสักวันคุณจะกลายเป็นแบบนั้นไหม?”
ไป๋ยี่เฟยตะลึง และมองไปที่หลี่เสว่ “ทำไมอยู่ๆ คุณถึงถามแบบนี้ล่ะ?”
“คุณแค่ตอบฉันมาก็พอแล้ว”
“งั้นคุณตอบผมก่อน”
“ไม่ คุณต้องตอบฉัน”
“……”
หลี่เสว่และไป๋ยี่เฟยเคยผ่านพ้นทุกอย่างมาด้วยกัน และในช่วง 2 ปีแรกนั้นหลี่เสว่คิดว่าชีวิตของหล่อนคงพังพินาศไปแล้ว และความรักก็ได้หายไปแล้วเช่นกัน แต่ต่อมา หล่อนก็พบว่าตัวเองตกหลุมรักไป๋ยี่เฟยเข้าแล้ว
หล่อนจึงได้รับความรักที่ตัวเองต้องการ
ยิ่งไปกว่านั้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ไป๋ยี่เฟยก็เคยทุ่มเทกายใจเพื่อหล่อนมาแล้ว และแม้ในตอนที่ตัวเองสูญเสียความทรงจำและกลายเป็นคนบ้าเขาก็ไม่ยอมทิ้งหล่อนไปไหน
เมื่อไม่นานมานี้เพียงเพราะเรื่องการให้กำหนดบุตรของตัวเอง จึงทำให้ตัดสินใจเลือกห่างไป๋ยี่เฟยไปนั้น สุดท้ายแล้วก็พบว่า ตัวเองโง่แค่ไหน
ในตอนนี้หลี่เสว่ก็ได้เลือกหนทางใหม่แล้วดังนั้นหล่อนจึงหวงแหนความรู้สึกระหว่างตัวเองกับไป๋ยี่เฟย
จริงๆ แล้วไป๋ยี่เฟยเข้าใจความคิดของหลี่เสว่เป็นอย่างมาก และในใจก็มีความสุขมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในใจของหลี่เสว่นั้นห่วงใยเขาจริงๆ
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงตอบกลับไปอย่างจริงจังหลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง “ที่รักครับ ผมจะไม่มีวันหย่ากับคุณ ดังนั้น สิ่งที่คุณสมมติฐานขึ้นมานั้นจึงไม่มีอยู่จริง และต่อจากนี้ก็จะไม่มีอยู่จริงเช่นกัน”
ริมฝีปากของหลี่เสว่ยกขึ้น หล่อนรู้สึกหวานเจี๊ยบอยู่ในใจ “ใช้ได้นิ ฉันพอใจมาก หลังจากกลับแล้วฉันมีรางวัลให้”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินดังนั้น ก็สั่นไปทั้งตัวและรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
รางวัลเหรอ…
ทันทีที่เขานึกถึงรางวัลนั้น ไป๋ยี่เฟยก็เหยียบคันเร่งด้วยความตื่นเต้น และรถก็แล่นอย่างรวดเร็ว
หลี่เสว่เห็นดังนั้น ก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
แต่…
หลี่เสว่ก็ตอบกลับมาทันทีว่า “เดี๋ยวก่อน แล้วสวีลั่งล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยตอบโต้กลับมาทันที “เอ่อ ลืมเขาไปเลย!”
“ยังไม่กลับอีกเหรอ?” หลี่เสว่พูด
ไป๋ยี่เฟยกลับพูดว่า “โธ่เอ๊ย เป็นถึงผู้ใหญ่คนหนึ่งไม่หลงทางหรอก เขารู้ทางอยู่”
……
หลิวเห้อเดินโซเซและโบกรถแท็กซี่คันหนึ่ง
รถแท็กซี่ขับไปได้ 10 กว่านาที และหยุดอยู่ที่ถนนแคบๆ เก่าๆ สายหนึ่ง
ภายในเป็นซอยเล็กๆและในซอยเล็กๆ นั้นก็ยังสามารถมองเห็นแสงไฟมากมายได้
หน้าซุ้มของห้องหมากรุกบางส่วนก็ยังเปิดอยู่
หลังจาก หลิวเห้อลงจากรถก็โยนเงิน 100 หยวนไปให้คนขับรถ และพูดอย่างเมาสะลึมสะลือว่า “ไม่ต้องทอน!”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินโซเซเข้าไปในซอยเล็กๆ นั้น
เมื่อเขาเดินเข้าไปในซอยเล็กๆนั้น เงาดำก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาทันที และเงาดำนั้นก็ปกคลุมไปด้วยความมืด โดยไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
เห็นเพียงเงาดำนั่นฟาดเข้าที่ใบหน้าของหลิวเห้อ ไปหมัดหนึ่ง และ หลิวเห้อก็โดนทุบตีจนกระเด็นออกไป
“ปัง!”
หลิวเห้อกระแทกกำแพง และล้มลงกับพื้น
“โอ๊ย!”
หลิวเห้อเพิ่งนึกขึ้นได้เท้าข้างหนึ่งก็เหยียบหน้าเข้าที่อกของเขา
“เชฟอ้วนอยู่ที่ไหน?”
สวีลั่งก้มหน้าลง และมองไปที่ หลิวเห้ออย่างหม่นหมอง
หลิวเห้อฟื้นขึ้นมา ถึงไม่ฟื้นก็โดนปลุกด้วยความปวด หลังจากที่เห็นสวีลั่งเขาก็ถามขึ้นว่า “แก…แกเป็นใคร?ต้องการ…ทำอะไร?”
สวีลั่งใช้ดาบสันโคงกดที่คอของหลิวเห้อ และถามว่า “เชฟอ้วนอยู่ไหน พูดสิ!”
หลิวเห้อตกใจจนตัวสั่น ความรู้สึกเยือกเย็นของมีดซึ่งกดที่คอทำให้ร่างกายของเขาเริ่มสั่นสะท้าน และเมื่อมีดของสวีลั่งเจาะลึกลงไปหลิวเห้อก็ตกใจกลัวอย่างไม่สิ้นสุด และรีบชี้ไปที่ห้องหมากรุกห้องหนึ่งทันที
“พัฟ!”
มีดเสียบลงไปที่คอ
สวีลั่งก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน “ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด”
ในซอยนั้นเงียบมากและมีเพียงไฟดวงเล็กๆ เพียงสองสามดวงที่ยังกะพริบอยู่นอกประตูเท่านั้น
จากนั้นไม่นาน ซอยที่เงียบสงบนั้นก็เสียงดังขึ้นทันที
ทันใดนั้น ประตูห้องเล่นหมากรุกห้องหนึ่งก็โดนคนเปิดออก จากนั้น คนถึงยี่สิบสามสิบคนก็รีบพุ่งออกมา สายตาของแต่ละคนนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เหตุฆาตกรรม!”
“เหตุฆาตกรรม!”
มีคนกรีดร้องดังลั่น
เมื่อผู้คนวิ่งหนีกันไปหมดแล้ว ก็เห็นว่า บนโต๊ะไพ่นกกระจอกโต๊ะหนึ่ง มีชายร่างอ้วนนอนคว่ำอยู่
คอของชายร่างอ้วนนั้นมีเลือดสดไหลออกมาและไหลเปรอะไปทั่วโต๊ะ กับพื้น
หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึง
ในซอยนั้นก็มีการล้อมไปด้วยสายเตือนภัยทันที
เมื่อชาวเมืองได้ยินการเคลื่อนไหวพวกเขาก็พากันออกมาดูสถานการณ์ และมองจากด้านนอกไปด้านในของวงล้อมสายเตือน เพื่อดูว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“นี่มันเป็นอะไรไป?”
“เหตุฆาตกรรม!”
“เชี้ย! เหตุฆาตกรรมจริงๆเหรอ? ”
“จะทำเป็นกระต่ายตื่นตูมไปทำไม ที่นี่ไม่ใช่ว่ามีคนตายบ่อยๆ อยู่แล้วเหรอ?”
“ก็ใช่ เมื่อแพ้ก็เสียเงินเยอะ พอร้อนใจพอกระตุ้น ก็ต้องทำอะไรสักหน่อยไม่ใช่เหรอ?”
สวีลั่งมองไปยังท่ามกลางฝูงชนที่กำลังพากันวิพากษ์วิจารณ์อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป
เขาเป็นฆาตกรคนหนึ่งเป็นฆ่าตกรที่ต้องการเก็บเงิน
นอกจากไป๋ยี่เฟยแล้ว ครั้งนี้เขาก็ได้ฆ่าคนไปฟรีๆแล้ว
ไป๋ยี่เฟยบอกว่า มีบางคนเลวก็คือเลวจริง แต่ก็ไม่ถึงกับต้องตาย ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้สวีลั่งทำลายแค่ขาของหลิวเห้อและมือของเชฟอ้วนก็พอแล้ว
แต่ครั้งนี้สวีลั่งกลับไม่ได้ทำตามที่ไป๋ยี่เฟยสั่ง
เขาจะไม่ตัดสินระดับความผิดของคนคนหนึ่งแล้วใช้สิ่งนี้มาเป็นมาตรฐานในการตัดสินว่าจะฆ่าหรือไม่ฆ่า
เพราะสำหรับเขาแล้ว เพียงแค่ให้ทั้งสองคนนี้ตายไป จงยู่ถิงก็จะไม่ได้รับการทำร้ายจากพวกเขาอีกต่อไปและก็เป็นการช่วยจัดการความเป็นห่วงเป็นกังวลของพวกเขาได้