ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 616
บทที่ 616
ไป๋ยี่เฟยมองฉีฉี พบว่าสายตาที่ควรประกายนั้น หยิ่งยโสนั้น กลายเป็นหวาดกลัวและระวัง
ในใจคิดว่าเธออาจจะเป็นน้องสาวของสวีลั่ง และดูเธอเหมือนหนักมาก หน้าผากมีเหงื่อ จึงเดินเข้าไป เอากระเป๋ามา
ฉีฉีกลับตกใจในพฤติกรรมของเขา “คุณจะทำอะไร?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่เอากระเป๋าของฉีฉีมาแบกเอง พูดเสียงเรียบ “ไป”
เฉินห้าวรู้สึกแปลกใจ ทำไมพี่ชายไม่ต่อว่าเธอยังช่วยเธออีก?
ฉีฉีตะลึง พอเฉินห้าวดึงเชือก เธอถึงรู้ตัว แล้วเดินไปฝั่งชายหาด
ยี่สิบนาทีผ่านไปพวกเขามาถึงชายหาด แต่พอเห็นภาพตรงหน้าแล้ว ก็ตะลึงอยู่กับที่
“เรือไปไหน?” เฉินห้าวถามอย่างมึนงง
ริมหาด เดิมแล้วควรมีเรือจอดรอพวกเขากลับมาแต่เรือไม่อยู่แล้ว
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วก็เข้าใจทันที “ไป รีบกลับเข้าไป”
พูดจบ ก็หันตัวรีบวิ่งกลับไป
เฉินห้าวกับฉีฉีเห็นก็ไม่ทันคิดอะไรแล้ว วิ่งตามไป๋ยี่เฟยเข้าไป
เดินไปสักพัก พวกเขาก็เห็นเงาคน จึงรีบซ่อนตัวในโพรงหญ้า
ระหว่างทางกลับไป พวกเขาหลบคนอยู่สามกลุ่ม
ไป๋ยี่เฟยสีหน้าหนักใจ คิดเรื่องราวหน้าหลังแล้ว ยิ่งคิดยิ่งระแวง
เต้าจ่างไม่ธรรมดา
พวกเขานึกว่าเต้าจ่างจะรอขวางทางที่ท่าเรือ แต่ความจริงกลับมาเฝ้าจับคนตรงนี้ ต้องยอมรับว่า ความคิดเขาเหนือชั้นกว่า
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะตัวเอง ทำไปครึ่งค่อนวัน เขากลับลืมวิธีที่ง่ายที่สุด
กลับไปถึงกลุ่มต้นไม้ใหญ่ ทั้งสามคนรู้สึกโล่งอก ไป๋ยี่เฟยคิดไปคิดมา พูดว่า “พวกเธอกลับไปก่อน ฉันติดต่อจางหัวปิน”
ไป๋ยี่เฟยเป็นห่วงจางหัวปิน ถ้าฝ่ายตรงข้ามใช้วิธีเฝ้าจับกระต่ายแบบนี้ ดังนั้นเรือก็เป็นเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุด ต้องเห็นแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่ขับเรือออกไป
ครั้งนี้ ไป๋ยี่เฟยพกมือถือมาด้วย และยังพกเพาเวอร์แบงก์มาด้วย แต่เมื่อกี้อยู่ในถ้ำไม่มีสัญญาณ อยากติดต่อก็ติดต่อไม่ได้
อีกอย่าง ไป๋ยี่เฟยกำลังหยิบมือถือออกมา ยังไม่ได้เปิด ก็ได้ยินเสียงคนพูด “ที่แท้ คือที่นี่”
ไป๋ยี่เฟยตกใจ มองไปตามเสียง
มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากข้างหลังพวกเขา คนที่เป็นหัวหน้านั้นหน้าตาดูดี
ผู้ชายคนนี้ไป๋ยี่เฟยรู้จัก เขาคืออาอู่
คนกลุ่มนี้ล้อมพวกไป๋ยี่เฟยไว้
ไป๋ยี่เฟยกวาดสายตามองไปหนึ่งรอบ มีประมาณยี่สิบกว่าคน และสามคนพกปืน
มากันขนาดนี้ ไป๋ยี่เฟยรู้สึกปวดหัว ไม่ต้องบอกว่าพกปืน ลำพังแค่อาอู่ก็สู้ไม่ไหวแล้ว
ไป๋ยี่เฟยทั้งสามคนทำได้แค่ไม่ขยับตัว
อาอู่ไม่ได้มองไป๋ยี่เฟย แต่เดินไปข้างหน้าฉีฉี กวาดสายตามองไปรอบหนึ่ง หัวเราะพูดว่า “ศิษย์น้อง ไม่เจอกันตั้งนาน”
ฉีฉีจ้องหน้าอาอู่ สีหน้าไม่ดี
อาอู่เป็นคนของเต้าจ่าง ถ้าเธอตกอยู่ในมือของอาอู่ เรียกเทวดานางฟ้าก็ช่วยไม่ได้ ฉีฉีมีแต่ตายทางเดียว
เมื่อเทียบแล้ว เธอยอมตกอยู่ในมือของไป๋ยี่เฟยมากกว่า
อาอู่เห็นฉีฉีจ้องหน้า ยกมือตบหน้าเธอ
“เพี๊ยะ”
อาอู่หัวเราะเย็นชา “จ้องอะไร?”
ฉีฉีเอียงหน้า มีเลือดซึมออกจากปาก แต่สายตาของเธอก็ไม่เปลี่ยนเลย เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ยิ่งกว่ามองไป๋ยี่เฟยอีก
อาอู่เห็นแล้วหัวเราะ “เธอนี่มันกล้านัก ยังกล้าจ้องฉันอีก? เธอนึกว่ามีอาจารย์คอยหนุนหลังก็ไม่กลัวอะไรเลยใช่ไหม? ฉันทำเธอตายอยู่นี่ อาจารย์ก็ไม่รู้”
พูดไป อาอู่ยกมือจะตบฉีฉีอีก แต่กลับโดนไป๋ยี่เฟยขวางไว้ “หยุด ถ้าแกกล้าทำร้ายเธออีก ฉันไม่มีวันบอกในเรื่องที่พวกแกอยากรู้แน่”
“โอ้……” อาอู่หันไปมองไป๋ยี่เฟย “นี่จะตายอยู่แล้ว ยังอยากเป็นฮีโร่เหรอ?”
“แต่ว่าไป ฉันก็ต้องขอบคุณนาย ถ้าไม่ใช่นาย ฉันคงชนะศิษย์น้องไม่ได้ ตอนนี้ เบาแรงไปเยอะเลย”
ฉีฉีกำลังมองไป๋ยี่เฟยด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมไป๋ยี่เฟยต้องขวางอาอู่ไว้
ไป๋ยี่เฟยไม่น่าจะใส่ใจความเป็นความตายของเธอ และเธอถูกทำร้ายดูถูก เขายิ่งไม่ใส่ใจ
กับสิ่งนี้ เฉินห้าวก็ไม่เข้าใจ
อาอู่หัวเราะอีกครั้ง สายตานั้นเต็มไปด้วยความดูถูก เขายื่นมือไปดึงผมของไป๋ยี่เฟยไว้ พูดว่า “งั้นก็ได้ แกเล่าสิ่งที่พวกเราอยากรู้มา ฉันจะได้ปล่อยพวกแกไป เป็นไง?”
“อย่าเชื่อมัน” ฉีฉีพูด
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจฉีฉี พูดว่า “ได้”
ฉีฉีฟังแล้ว รู้สึกกังวล “คุณอย่าไปฟังมัน มันไม่ยอมปล่อยเราไปแน่ คุณอย่าบอกมัน”
“เพี๊ยะ”
อาอู่ผลักฉีฉีออก แล้วตบหน้าเธออีกครั้ง “หุบปากเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันฆ่าเธอแน่”
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วก็ตะโกนเสียงดัง “หยุด”
อาอู่มือชะงัด มองไปที่ไป๋ยี่เฟย “ทำไมฉันต้องฟังแก?”
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วก็หัวเราะ “เพราะฉันรู้ว่าสิ่งที่พวกแกอยากได้อยู่ไหน ไม่มีฉันนำทาง พวกแกเข้าไปไม่ได้หรอก”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็โยนกระเป๋าที่แบกอยู่ไปด้านหนึ่ง
“แคร้ง……”
ไม่มีกระเป๋าบัง ทองคำแท่งก็ตกลงมา
อาอู่เห็นภาพแล้ว ก็ตะลึงจนเบิกตากว้าง
คนอื่นๆเมื่อเห็นภาพนี้ ก็ตะลึงเช่นกัน
ไม่ต้องพูดถึงทองคำแท่งทั้งกระเป๋า แค่แท่งเดียว ก็ทำให้คนตาแดงได้แล้ว ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้ ตรงนี้มีถึงสามกระเป๋า
อาอู่สูดหายใจเข้าแรงๆ สายตาที่มองเห็นทองคำแท่งนั้นเป็นประกาย
อาอู่รีบจับไป๋ยี่เฟยไว้ แล้วรีบพูด “พาฉันไป พาฉันไปเดี๋ยวนี้ ฉันรับรองว่า จะปล่อยพวกแกไป”
ฉีฉีเห็นแล้วเหมือนอยากพูดอะไร แต่เธอเห็นไป๋ยี่เฟยเอามือไว้ข้างหลัง โบกมือให้เธอ
ฉีฉีจึงรีบหุบปาก
ไป๋ยี่เฟยไม่ใช่คนโง่ แน่นอนเขาไม่เชื่อคำพูดของอาอู่อยู่แล้ว
อีกอย่าง อาอู่เป็นคนฝีมือดีที่สุดในนี้ คาดว่าถ้าเห็นทองคำแท่งแล้ว ต้องฆ่าพวกเขาทิ้งแน่นอน
อาอู่เป็นคนของเต้าจ่าง รู้ว่าเต้าจ่างทำงานไม่ทิ้งร่องรอย เพราะฉะนั้นอาอู่ก็เหมือนกัน
แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยมีคำถาม ต่อหน้าทองคำแท่งพวกนี้แล้ว อาอู่ยังจงรักภักดีต่อเต้าจ่างไหม?
คำถามนี้ยังไม่มีคำตอบ
และตอนนี้ไป๋ยี่เฟยก็ทำอะไรไม่ได้ มีแค่วิธีนี้ถึงจะยึดเวลาไว้ได้ อีกอย่าง ถ้าเข้าไปในถ้ำแล้ว พวกเขาอาจมีทางรอด
ไป๋ยี่เฟยพูดเสียงเย็นชา “ปล่อย”
อาอู่สีหน้าเปลี่ยน ใกล้จะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่ก็กลั้นไว้ แล้วยิ้ม “ได้ ขอแค่นายพาฉันไป ฉันจะฟังนาย”
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วก็พูดอย่างเอือมระอา “บันได”
เฉินห้าวได้ยินแล้วก็หยิบบันไดออกมา หาต้นไม้ใหญ่เจอ จากนั้นก็โยนขึ้นไป
ไป๋ยี่เฟยพูดเสียงเรียบ “ไป”
พูดจบแล้วก็เหมือนคิดอะไรได้ จึงพูดอย่างจริงจัง “เข้าไปแล้วต้องตามติดกันด้วย ไม่อย่างนั้นไปโดนอะไรเข้า อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
อาอู่ชะงัด “ข้างในยังมีอันตราย?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูด อันตรายไม่มีอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่พูด เมื่อเข้าไปในถ้ำแล้วอาอู่ต้องฆ่าพวกเขาแน่
อาอู่เดินตามหลังไป๋ยี่เฟย คอยระวังว่าเขาจะทำอะไร ขึ้นไปตามต้นไม้ แล้วลงมา อาอู่ก็รู้สึกตะลึง
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”
“มหัศจรรย์มาก”
นี่เป็นของสิบกว่าปีก่อน น่ามหัศจรรย์จริง
แต่ตอนที่พวกเขาเดินมาถึงทางแยก ไป๋ยี่เฟยหยุดเดิน