ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 621
บทที่ 621
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าจำเป็นต้องอธิบายกับเธอสักหน่อย ไม่อย่างนั้นความเข้าใจผิดนี้เป็นต่อไปเรื่อยๆจะหน่วงถ่วงคน ก็เลยพูดว่า “ฟังผมพูด คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่มีความหมายแบบนั้นกับคุณเลย คุณเข้าใจไหม?”
ฉีฉีเหลือบตามองไป๋ยี่เฟยหนึ่งที อยากจะยกกำปั้นของตนเองชกเขา
แต่นึกถึงว่าตนเองไร้เรี่ยวแรงทั้งตัว สู้ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ หมดปัญญา ได้เพียงแต่เก็บกำปั้นกลับมา
ไป๋ยี่เฟยจนใจส่ายหัว หยิบบุหรี่ม้วนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตนเอง “พูดกับคุณตามตรง ครั้งนี้ออกไปไม่ได้แล้วจริงๆ”
หลังจากฉีฉีได้ยินสีหน้าขาวซีดทันทีเลย
ฉีฉีไม่ได้เนื่องเพราะกลัวตายจนหน้าขาวซีดเลย ที่จริงแล้วสามารถทำให้ความลับนี้ซ่อนไว้ตลอดกาล เธอยังไงก็ได้
แต่ว่า ที่นี่มีเพียงเธอเป็นผู้หญิงคนเดียว คนอื่นๆล้วนเป็นผู้ชาย นึกถึงตรงนี้ในใจฉีฉีหวาดกลัวพักหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองฉีฉีหนึ่งที ดูเหมือนรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ คิดแล้วคิดอีก พูดว่า “ไม่ว่ายังไงล้วนออกไปไม่ได้แล้ว ผมก็พูดกับคุณตามตรงเถอะ”
“คุณไม่ใช่ถามผมว่า เคยเจอกับพี่ชายของคุณไหม?”
ฉีฉีได้ยินคำพูดจ้องมองไปยังไป๋ยี่เฟยทันที ถามอย่างรีบเร่งว่า “คุณเคยเจอมาก่อนจริงๆหรือ? เขาอยู่ที่ไหนล่ะ?”
สีหน้าไป๋ยี่เฟยยิ้มอย่างเยือกเย็น “เคยเจอ ก็อยู่ที่นี่”
ฉีฉีหยุดชะงัก ไป๋ยี่เฟยพูดต่อว่า “ก็คือผม”
“เป็นไปไม่ได้!” ฉีฉีรู้สึกว่าไป๋ยี่เฟยกำลังหยอกเล่นกับเธออยู่ “คุณเหลวไหล!”
ไป๋ยี่เฟยกลับยิ้มแล้วยิ้มอีกพูดว่า “ผมไม่ได้พูดโกหกนะ รู้ว่าเพราะอะไรไหม? เพราะว่าผมเห็นไฝสองเม็ดที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของคุณแล้ว”
“ตอนนี้คุณย้อนคิดดูหน่อย ใช่หรือไม่ว่าตอนที่ผมเห็นไฝสองเม็ดที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของคุณ ก็ไม่ได้กลั่นแกล้งคุณอีกเลย ยังปกป้องคุณตลอดเวลาด้วยล่ะ?”
ฉีฉีได้ยินคำพูดล้วนอึ้งชะงักเลยทั้งตัว
ในสมองย้อนนึกถึงภาพที่อยู่บนเรือในวันนั้น ถึงสุดท้ายเป็นแบบนี้จริงๆ
แต่ว่าฉีฉีก็ยังไม่ได้เชื่อ “ไม่ ยังคงเป็นไปไม่ได้! คุณเป็นลูกชายของไป๋หยุนเผิง!”
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วยิ้มอีก พูดว่า “พอแล้ว ไม่หลอกคุณแล้ว ผมไม่ใช่พี่ชายแท้ๆของคุณจริงๆ แต่ว่าผมกับพี่ชายแท้ๆของคุณเป็นพี่น้องที่ดีนะ คุณเรียกผมว่าพี่ชายสักคำไม่ใช่สมควรหรือ?”
ฉีฉีหยุดชะงัก ทั้งกังวลและเฝ้ารอคอยถามว่า “งั้น พี่ชายของฉันเป็นใครล่ะ?”
ตอนนั้นที่พวกเขาแยกจากกัน ฉีฉีก็เพิ่งอายุหกเจ็ดปีเท่านั้น และสวีลั่งก็เพิ่งอายุสิบเอ็ดปีเช่นกัน ตอนนี้ล้วนผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว ล้วนเติบโตแล้ว แน่นอน ถึงแม้ว่าพวกเขาเจอหน้ากันและกันย่อมจำฝั่งตรงข้ามไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพกลับลังเลหนึ่งที สุดท้ายส่ายหัวพูดว่า “ช่างมันเถอะ คุณยังคงไม่จะรู้ดีกว่า”
“ทำไมล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยกลับยิ้มขมหนึ่งที “ผมกับพี่ชายคุณเป็นพี่น้องที่ดี คุณรู้สถานะของเขาแล้ว งั้นคุณจะทรยศต่อสำนักของคุณไหม? หรือพูดว่า คุณจะไม่ทรยศสำนัก ฆ่าผมโดยตรงเลยล่ะ? งั้นพี่ชายคุณจะไม่เห็นด้วยนะ”
คำพูดสุดท้ายที่ไป๋ยี่เฟยพูดนั้นน้ำเสียงมั่นคงมาก
ฉีฉีนิ่งอึ้งไปแล้ว
ไป๋ยี่เฟยพูดเบาๆว่า “นี่ยากมาก แต่จำเป็นต้องเลือก ดังนั้น น่าจะทำให้คุณกับพี่ชายคุณยากที่จะเลือก สู้ว่าให้ผมมารองรับคนเดียวดีกว่า คุณรู้สึกว่ายังไงล่ะ?”
ฉีฉีเงียบไปเลย
ไป๋ยี่เฟยหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาเอาให้ฉีฉี พูดว่า “กินเลยเถอะ ถึงแม้ว่าผมสู้สุดชีวิตก็จะปกป้องน้องสาวของเขาไว้ให้ได้ อีกทั้ง ผมก็ไม่อยากต่อสู้อย่างเข้าตาจนกับน้องสาวของเขา”
ฉีฉีเห็นสภาพจ้องมองยาเม็ดนั้นหนึ่งที สุดท้ายยังคงหยิบขึ้นมากินเลย นี่ เธออัตโนมัติเองนะ
เป็นครั้งแรกที่กินยานี้อย่างอัตโนมัติ
ก็เหมือนที่ไป๋ยี่เฟยพูด เรื่องบางเรื่อง ไม่รู้จึงจะดีที่สุด
เวลานี้ “ปั้ง” เสียงหนึ่ง ประตูเหล็กโดนอาอู่เตะออกเลย
อาอู่แสยะยิ้มเดินเข้ามา “ไอ้หนุ่ม ยาของคุณหมดฤทธิ์แล้ว! กำลังของกูฟื้นฟูแล้ว! ฮ่าฮ่า……”
ไป๋ยี่เฟยกับฉีฉีจ้องมองไปยังเขา ไป๋ยี่เฟยถามว่า “คุณอยากจะทำอะไรหรือ?”
“ผมอยากจะทำให้คุณตาย!” อาอู่พูดอย่างโหดเหี้ยม
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพกลับใช้สายตาที่ชื่อบื้ออย่างหนึ่งจ้องมองอาอู่
อาอู่แสยะยิ้มเดินไปยังข้างหน้าไป๋ยี่เฟย “ไอ้หนุ่ม วันนี้กูก็จะฆ่ามึงเลย! แม่มึงเอ่ยให้คนมาคุกคามกูหรือ!”
พูดจบ อาอู่ยกกำปั้นขึ้นก็จะไปชกไป๋ยี่เฟย
กลับอยู่ในเวลานี้ ก็มีเงามืดเงาหนึ่งโผล่ออกมาอีก
“ปั้ง!”
ฉับพลันนั้นอาอู่ตีลังกาลอยออกไป ชนอยู่บนกำแพงแผ่นเหล็ก และตกลงมาอยู่บนพื้นอีก
“ปุ้ง!”
ฉากเดียวกันแสดงใหม่อีกครั้ง อาอู่เพิ่งลงมือ ก็โดนผู้ชายคนนั้นเตะออกไปอย่างรวดเร็ว ยังสำลักเลือดออกมาด้วย
อาอู่เขารู้สึกว่ากำลังของตนเองฟื้นฟูแล้ว คิดว่าตนเองสามารถล้างแค้นได้แล้ว ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยการกระหายใหม่อีกครั้งแบบนั้นทำให้เขาสูญเสียสติไปเลย
ก็ดีใจจนเหลิงอย่างนี้มาหาไป๋ยี่เฟย ยังคิดจะฆ่าไป๋ยี่เฟย
แต่ว่า เขาก็เนื่องเพราะดีใจจนเหลิง ลืมผู้ชายบ้าที่แข็งแกร่งเหลือเกินคนนั้นไปเลย
ไป๋ยี่เฟยเดินเข้าไปนั่งยองๆอยู่ข้างหน้าอาอู่ สงสัยงงงวยอย่างมากจริงๆ “ผมว่า ตกลงคุณคิดอะไรกันแน่?”
มุมปากของอาอู่เลือดไหลอยู่ หัวเราะ ฮึฮึ พูดว่า “ผมลืมเขาไปแล้ว”
ไป๋ยี่เฟย “…….”
“เก่งมากเลย! พี่น้อง!” ไป๋ยี่เฟยตบหน้าของอาอู่ ตบแล้วตบอีก จากนั้นหยิบยาเม็ดหนึ่งยัดเข้าไปในปากของอาอู่
……
หลังจากไป๋ยี่เฟยลุกขึ้นมา ผู้ชายจับข้อมือของไป๋ยี่เฟยไว้เหมือนดั่งก่อนหน้านั้นทันที จากนั้นพูดไม่สละสลวยว่า “ตามผมมา”
ผู้ชายพาไป๋ยี่เฟยไปยังห้องนอนที่เขาตากผลไม้ห้องนั้น จากนั้นพูดอย่างฮึกเหิมว่า “ผม ผมคิดออกแล้ว ว่าผมเป็นใคร”
ตาทั้งคู่ของไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักเล็กน้อย ถามว่า “งั้น ท่านคือ……”
ผู้ชายที่มีพลังความสามารถอย่างนี้จะต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก เพียงแค่รู้ว่าเขาชื่ออะไร หลังจากออกไปแล้วก็สามารถสืบได้ว่าเขาเป็นใคร ตกลงว่าเขาเป็นคนดีหรือว่าคนชั่ว
แต่ว่า ตอนนี้จะออกไปได้ยังไง นี่ยังคงเป็นปัญหา
ดังนั้น ถึงแม้รู้ว่าเขาเป็นใคร ดูเหมือนก็ไม่มีความหมายอะไรอีกเลย
อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนั้นแล้ว
แต่ผู้ชายกลับตื่นเต้นมาก เขาพูดว่า “ซาเฟยหยาง นี่เป็นชื่อของผมพวกเขาล้วนเรียกผมว่า นายซา”
ซาเฟยหยางหรือ?
นายซาหรือ?
ชื่อเรียกสองคำนี้ทำให้ไป๋ยี่เฟยมีความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างหนึ่ง ดูเหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมา กลับนึกไม่ออก
ไป๋ยี่เฟยกำลังครุ่นคิดอยู่ อยู่ดีๆได้ยินเสียง
“กึกกึก!”
ไป๋ยี่เฟยมองไปทันที พบเห็นซาเฟยหยางนั่งยองๆอยู่บนพื้น จากนั้นงัดพื้นไม้ออกเลย
ไป๋ยี่เฟยนิ่งอึ้งไปแล้ว นี่ก็ยังสามารถงัดออกได้หรือ?
“ดู!” ซาเฟยหยางชี้พื้นไม้ชี้แล้วชี้อีก ให้ไป๋ยี่เฟยเข้ามา
ไป๋ยี่เฟยเข้าไปทันทีที่เห็น ตื่นตะลึงเลย
คาดไม่ถึงเป็นทางเดินเส้นหนึ่ง!
ซาเฟยหยางพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “ตลอดเวลาไม่มีคนมา ผมคิดอยากจะเก็บพวกคุณไว้อยู่เป็นเพื่อนผม แต่ว่า ช่างมันเถอะ พวกคุณไปเถอะ”
ความประหลาดใจที่ไป๋ยี่เฟยพูดไม่ออก
เขารู้ว่า ซาเฟยหยางอยู่ที่นี่สิบกว่าปีแล้ว ยังอยู่ในช่องว่างที่ปิดมิดชิดแบบนี้ ถ้าเป็นคนล้วนจะต้องถูกบีบคั้นจนบ้า แต่ว่าเขายืนหยัดอยู่มาได้แล้ว
นี่ต้องมีความเชื่อมั่นแรงกล้าขนาดไหนจึงจะยืนหยัดอยู่มาได้ล่ะ?
แต่ไป๋ยี่เฟยสามารถเข้าใจถึงความรู้สึกที่ซาเฟยหยางอยากจะเก็บพวกเขาไว้เช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิดไปสักพัก จากนั้นหยิบยาเม็ดกำหนึ่งออกมาจากบนกายส่งให้ซาเฟยหยางพูดว่า “อาวุโส คนคนนั้นก็เอาไว้ให้ท่านแก้เซ็งเถอะ ผมจะรีบกลับมาพาท่านออกไปให้ได้”
ซาเฟยหยางรับเม็ดยามา หัวเราะ แฮ่ๆ แล้ว
ต่อจากนี้ ไป๋ยี่เฟยพาฉีฉีกับเฉินห้าว เข้าสู่ทางเดินออกไป แต่หลังจากพวกเขาออกไปซาเฟยหยางก็วางพื้นไม้กลับไปใหม่อีก
ทางเดินนี้ดีกว่าทางเดินตอนที่พวกเขามานั้นมากเลย เพราะว่ามันสูงเท่าขนาดคนไม่ต้องคลานเอา สามารถเดินตัวตรงออกไป
หลังจากเดินไประยะหนึ่ง พวกเขามาถึงพื้นที่ว่างที่หนึ่ง คาดไม่ถึงว่าอยู่บนพื้นที่ว่างมีเครื่องจักรไม่รู้จักชื่อวางไว้มากมาย
ในเวลาพร้อมกันนี้ทั้งสามคนประหลาดใจก็อยากรู้อยากเห็นเหลือเกินเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยเดินเข้าไปมองแล้วมองอีก เข้าใจทันทีเลย