ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 623
บทที่ 623
ไป๋ยี่เฟยพูดว่า “พรุ่งนี้ให้หลิวเสี่ยวอิงทำการตรวจดีเอ็นเอให้พวกคุณโดยตรง ก็จะได้รู้ว่าตกลงเป็นน้องสาวของคุณใช่หรือไม่แล้วล่ะ?”
“อีกทั้ง ผมรู้สึกว่า หยางเฉียวไม่ใช่น้องสาวของคุณ”
สวีลั่งกลับยิ้มขมหนึ่งที “หวังว่าล่ะ”
เรื่องที่สวีลั่งปรารถนาที่สุดก็คือหาน้องสาวของตนเองเจอ ดังนั้นตอนนี้หาเจอแล้ว กลับหวังว่าเธอไม่ใช่ ดังนั้นจะไม่ได้บ่งบอกให้รู้ว่าสวีลั่งรักหยางเฉียวไปแล้วหรือ?
อาจจะสวีลั่งคือรับความรู้สึกที่มีคนรอเขากลับไปกินข้าวอยู่ในบ้านแบบนั้น ความรู้สึกที่มีคนกังวลแบบนั้น
แต่สวีลั่งพูดว่า “หลิวเสี่ยวอิงไปเมืองหลวงแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงัก “เธอทำไมไปเมืองหลวงแล้วล่ะ?”
สวีลั่งตอบกลับว่า “สองวันก่อนโทรหาคุณไม่ติด พี่น้องไปเมืองหลวงแล้ว เธอก็ตามไปด้วยเช่นกัน เธอบอกว่าสามารถรักษาโรคของพี่น้องหายได้”
ไป๋ยี่เฟยดีใจขึ้นมาทันที หลี่เสว่จะมีโรคอะไรหรือ? นอกจากมีบุตรไม่ได้ งั้นก็พูดได้ว่าหลิวเสี่ยวอิงสามารถจัดการปัญหาที่ไม่สามารถมีบุตรนี้ได้แล้ว
แต่ว่าทำไมหลี่เสว่ไปอย่างรีบเร่งขนาดนี้ล่ะ?
ไป๋ยี่เฟยแยกกันไปกับสวีลั่ง กลับถึงบ้านแล้ว
หลังจากผ่านไปนานมาก จางหัวปิน หลงหลิงหลิง เฉินห้าวกับไป๋หู่เข้ามาแล้ว
หลังจากนั่งลง จางหัวปินก็เลยพูดว่า “มีข่าวสองเรื่อง ดีหนึ่งร้ายหนึ่ง”
เดิมทีไป๋ยี่เฟยจะไปเทน้ำชาให้กับพวกเขา แต่ว่าโดนหลงหลิงหลิงแย่งไป ดังนั้นไป๋ยี่เฟยก็เลยพูดกับจางหัวปินว่า “ผมอยากจะฟังข่าวร้ายก่อน”
“เย่ฮวนเริ่มลงมือแล้ว พื้นดินของเมืองหัวซ่างผืนนั้น เขาได้หารือบางอย่างร่วมกันหลี่จู้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพูดได้ว่า งานการประมูลราคาหลัง 10 วันถัดมา น่าจะเพียงแค่ทำตามพิธี”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินกลับไม่เป็นห่วง พูดเบาๆว่า “ไม่มีคนไหนที่ไม่ชอบเงิน”
พูดจบพูดอีกว่า “งั้นข่าวดีคืออะไรหรือ?”
“ซาเฟยหยาง ผมสืบได้แล้ว” จางหัวปินพูด
พลังความสามารถของซาเฟยหยางเห็นประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ยอดฝีมืออย่างนี้คนหนึ่ง ช่วยเขาออกมา ถ้าหากว่าสามารถรับใช้ไป๋ยี่เฟย งั้นหลังจากเขาไปถึงเมืองหลวงแล้ว จะไม่หวาดกลัวคนอื่นๆใดๆอีก แต่ว่า เขาอยากจะเข้าใจว่าซาเฟยหยางคนนี้ ตกลงว่าแต่ก่อนเป็นคนดีหรือว่าคนร้ายล่ะ?
ไป๋ยี่เฟยรอไม่ไหวถามว่า “รีบพูด”
จางหัวปินค่อยๆเล่าออกมา “ยี่สิบกว่าปีก่อน ซาเฟยหยางเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลแห่งยุคสมัยคนหนึ่ง เขาเป็นปรมาจารย์ดูฮวงจุ้ยที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่ง ตอนเวลานั้นกับเทียนหัวซานเรียกคู่กันเป็นอาจารย์ดูฮวงจุ้ยผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองในเมืองหลวง”
“เทียนหัวซานเป็นคนชั่วที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง ซาเฟยหยางกลับตรงข้ามกับเขา เขานิสัยซื่อตรง เคยช่วยเหลือคนมากมายมาก่อน ก็เนื่องเพราะเป็นเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้เก่งกว่าเทียนหัวซาน แต่ทุกคนล้วนชินที่จะเรียงลำดับเขาอยู่ข้างหน้าเทียนหัวซาน”
“ตามที่เล่าลือมาในยี่สิบปีก่อน เทียนหัวซานอยากจะปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยในเมืองหลวง หลังซาเฟยหยางรู้แล้วไปขัดขวางเขา สุดท้ายความชั่วร้ายไม่สามารถเอาชนะความดี เทียนหัวซานโดนซาเฟยหยางฆ่าไปเลย แต่ก็มีคนบอกว่าประสบความพินาศด้วยกัน เพราะว่าหลังจากการต่อสู้ของพวกเขาแล้ว ทั้งสองคนล้วนหายสาบสูญไปเลย”
หลังจากไป๋ยี่เฟยฟังจบ พยักหน้าต่อๆกันดั่งเหมือนคิดอะไรอยู่ จากนั้นจ้องมองไปยังเฉินห้าวอีก
เฉินห้าวพูดทันทีว่า “ผมเคยเห็นโซ่ล่ามของอาวุโสซามาก่อน เวลาผ่านไปนานเกินไปขึ้นสนิมแล้ว ถ้าหากว่าอยากจะคลายล็อก ใช้ได้เฉพาะเครื่องมือทำลายมืออาชีพเท่านั้น”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดคิดแล้วคิดอีก ก็เลยคิดว่า “งั้นก็ไปจัดเตรียมเถอะ ซื้อเรือเร็วสามลำใหญ่หน่อย จากนั้นจัดเตรียมเครื่องมือทำลายให้ดีๆอีก คืนนี้ออกเดินทางเป็นความลับ ช่วยอาวุโสซาออกมา”
“ไป๋หู่ หลิงหลิง พวกคุณตามผมมา” ไป๋ยี่เฟยกวักมือแล้วกวักมืออีก
จากนั้น พวกเขาแยกกันไปดำเนินการ
จางหัวปินกับเฉินห้าวไปจัดเตรียมเรือเร็วกับเครื่องมือทำลาย ส่วนไป๋หู่ขับรถพาไป๋ยี่เฟยกับหลงหลิงหลิงไปยังเขตทางเหนือ
บนรถ ไป๋หู่ที่ไม่ค่อยพูดมาโดยตลอดอยู่ดีๆเอ่ยปากอย่างอัตโนมัติแล้ว
เขาพูดอย่างจริงจังมากว่า “ถ้าหากว่าคุณประสบพบกับอันตราย ผมน่าจะสู้สุดชีวิต”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองไป๋หู่หนึ่งที ไม่ได้พูด
ไป๋หู่เห็นสภาพคิดว่าตนเองแสดงออกให้เห็นไม่ชัดขนาดนั้น ก็เลยพูดอีกว่า “ความหมายของผมคือ ไม่ว่าจะประสบพบกับอันตรายอะไร และไม่ว่าเป็นใครทำให้คุณตกอยู่ในอันตราย”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร หลงหลิงหลิงกลับประหลาดใจจ้องมองไปยังไป๋หู่
ในใจหลงหลิงหลิงสั่นไหวเล็กน้อย ดูเหมือนหาพบความรู้สึกที่เห็นอกเห็นใจกันและกันเล็กน้อยแล้ว
เพราะว่าการเลือกเช่นนี้ ก่อนหน้านั้นเธอเคยทำมาก่อนแล้ว
ไป๋ยี่เฟยใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งสักรอบ เข้าใจถึงคำพูดของไป๋หู่
สิ่งที่ไป๋หู่พูด ไม่ว่าเป็นอันตรายอะไร ไม่ว่าเป็นใครทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย ไม่ว่าข้างใน ก็ร่วมกับอู๋กุ้ยเซียงเช่นกัน
ไป๋หู่เห็นไป๋ยี่เฟยยังคงไม่มีปฏิกิริยา ก็เลยพูดอีกว่า “ผมจะไม่ทรยศคุณ แต่ว่า ผมจะตายก่อนคุณ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดดูเหมือนยังคงไม่มีสีหน้าอะไร เพียงแค่พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกกับไป๋หู่ “รู้แล้ว”
……
เมืองหลวงตระกูลไป๋
หลังจากอู๋กุ้ยเซียงอาบน้ำเสร็จออกมา มองเห็นไป๋หยุนเผิงพิงอยู่บนหัวเตียงอ่านหนังสือ เธอทั้งเช็ดผมทั้งเดินเข้าไป ถามอย่างตามอารมณ์มากว่า “เรื่องที่จิงหลัวกับเต้าจ่างโดนคนไล่กลับมาจากเมืองเทียนเป่ย คุณรู้หรือยัง?”
ไป๋หยุนเผิงไม่ได้เงยหน้าขึ้น พูดเบาๆว่า “ได้ยินมาเล็กน้อย”
“เมืองเทียนเป่ยมียอดฝีมืออย่างนี้ ทำให้คนมีความประหลาดใจเล็กน้อย”
อู๋กุ้ยเซียงจ้องมองไป๋หยุนเผิงหนึ่งที เม้มปากถามว่า “คุณรู้สึกว่าเป็นใครหรือ? จะเป็นญาติกันหรือไม่?”
ในที่สุดไป๋หยุนเผิงก็วางหนังสือลง จ้องมองไปยังอู๋กุ้ยเซียง “คุณน่าจะไม่อยากถามเรื่องนี้มั้ง?”
อู๋กุ้ยเซียงได้ยินคำพูดทอดถอนใจหนึ่งที พูดว่า “จิงหลัวเป็นบอดี้การ์ดติดตัวของไป๋เซี่ยว เขาไปพบหน้ากันกับเต้าจ่างที่เมืองเทียนเป่ย คุณรู้ไหมว่าแสดงถึงอะไร ดังนั้น คุณไปตักเตือนไป๋เซี่ยวสักหน่อยได้หรือไม่ ยี่เฟยเป็นพี่ชายแท้ๆของเขานะ”
ไป๋หยุนเผิงได้ยินคำพูดยิ้มขมพูดว่า “จะตักเตือนยังไงหรือ? หรือว่าคุณจะไปล่ะ?”
“ฉันไม่มีความกล้าหาญไปเผชิญหน้ากับเขา” อู๋กุ้ยเซียงส่ายหัวต่อๆกัน
ไป๋หยุนเผิงยิ้มขมอีกหนึ่งที “ผมจะไม่ใช่ที่ไหนล่ะ? ตอนนี้เขาเป็นเช่นนี้ ล้วนเป็นพวกเราทำให้เกิด”
“ให้เขาไปก่อกวนเถอะ ก็ถือว่าเป็นการฝึกฝนยี่เฟยเช่นกัน” ไป๋หยุนเผิงพูดอย่างจนใจ
อู๋กุ้ยเซียงทอดถอนใจ “ถ้าหากว่าข้างในของพวกเขามีสักคนที่ไม่ฉลาดขนาดนั้นเล็กน้อยก็ดีแล้ว”
“แต่น่าเสียดาย พวกเขาพี่น้องทั้งสองไม่มีสักคนไม่ฉลาด” ถึงแม้ว่าไป๋หยุนเผิงพูดเช่นนี้ นัยน์ตากลับมีความเย่อหยิ่งอยู่
อยู่ดีๆ อู๋กุ้ยเซียงนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา พูดว่า “สองวันก่อนไป๋หู่โทรหาฉัน บอกว่ายี่เฟยถามเขาเรื่องหนึ่ง”
ไป๋หยุนเผิงถามว่า “เรื่องอะไรหรือ?”
อู๋กุ้ยเซียงพูดว่า “น่าจะเป็นเรื่องการเลือก ยี่เฟยดูเหมือนพบเห็นความลับใหญ่เรื่องหนึ่ง แต่ว่าเขาไม่ไว้ใจไป๋หู่ ก็พูดได้ว่า เขาไม่ไว้ใจพวกเรา”
ไป๋หยุนเผิงพูดเบาๆว่า “นี่เป็นปกติมาก พวกเราไม่คุ้มที่จะให้เขาไว้วางใจ”
หยุดชะงักหนึ่งที ไป๋หยุนเผิงถามว่า “คุณพูดกับไป๋หู่ยังไงหรือ?”
“ฉันถามความคิดเห็นของไป๋หู่ เขาพูดว่าเขาจะไม่ทรยศฉัน แต่ว่าเขาจะไปตายแทนยี่เฟย” อู๋กุ้ยเซียงยิ้มแล้วยิ้มอีกพูดอยู่
ไป๋หยุนเผิงก็ยิ้มแล้วยิ้มอีกเช่นกัน “เป็นเด็กดีคนหนึ่ง”
ใกล้จะพักผ่อนแล้ว อู๋กุ้ยเซียงพูดอีกว่า “พวกผู้ใหญ่เหล่านั้นในตระกูลไม่ใช่พูดว่า เพียงแค่ยี่เฟยคว้าพื้นที่ของแถบรถไฟความเร็วสูงหัวซ่างผืนนั้นได้ก็สามารถกลับเมืองหลวงได้แล้ว คุณมีความคิดอะไรหรือ?”
ไป๋หยุนเผิงได้ยินแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเย็นชา “ไอ้แก่เหล่านั้นผมไม่เคยวางไว้ในสายตา แต่ว่าผมก็อยากทำให้ยี่เฟยกลับเมืองหลวงได้เช่นกัน”
“แต่ว่า เขาไม่แน่ที่จะยอม” อู๋กุ้ยเซียงพูด
ไป๋หยุนเผิงกลับยิ้มแล้วยิ้มอีก “เรื่องนี้คุณวางใจ เขาจะมาแน่นอน อีกทั้งยินยอมอย่างมาก” เพราะว่า หลี่เสว่อยู่เมืองหลวง
……
เมืองเทียนเป่ย
หลงหลิงหลิงให้ไป๋ยี่เฟยรายงานอยู่บนรถ “ช่วงนี้ไอ้หัวล้านหลิวไปก่อเรื่องไว้ หลบหนีแล้ว ใครๆก็ไม่กล้าเจอ”
“ฉันสืบได้แล้ว สถานบันเทิงที่เขาอยู่” หลงหลิงหลิงพูดต่ออีก รถเข้าไปในเขตทางเหนือแล้ว
ไป๋ยี่เฟยมีความประหลาดใจเล็กน้อย ถามว่า “เขาไปก่อเรื่องอะไรหรือ? อยู่ในเมืองเทียนเป่ยยังมีสิ่งที่เขากลัวหรือ?”
อยู่ดีๆหลงหลิงหลิงยิ้มแล้วยิ้มอีก “ดูเหมือนว่ากำลังหลบผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นหนี้ความรัก”
ไป๋ยี่เฟย “……”
หนีความรักหรือ? หลบผู้หญิงคนหนึ่งหรือ?
ไป๋ยี่เฟยคิดอยู่ มีความสนุกเล็กน้อย
ไปถึงสถานบันเทิง พวกเขาขึ้นไปชั้นห้าโดยตรง
แต่ว่าอยู่หน้าปากทางของบันไดชั้นห้าโดนยามรักษาความปลอดภัยขวางไว้แล้ว “ขอโทษครับ ชั้นห้าถูกแขกวีไอพีของพวกเราเหมาแล้ว จะต้องมีการ์ดเชิญจึงเข้าไปได้”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดก็เลยพูดว่า “จะมาหาไอ้หัวล้านหลิว”
ยามรักษาความปลอดภัยได้ยินคำพูดอึ้งชะงักเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุสามสิบกว่าปีปรากฏตัวออกมา เธอมองเห็นสภาพการณ์ฝั่งนี้ ก็เลยยิ้มพูดว่า “คุณผู้ชายท่านนี้ ขอโทษจริงๆ ที่นี่ถูกแขกวีไอพีเหมาหมดแล้ว ท่านยังคงลงไปเล่นข้างล่างได้นะ”