ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 627
บทที่ 627
ฉีฉีที่นั่งอยู่บนรถ เห็นไป๋ยี่เฟยกับสวีลั่งพูดคุยเรื่องนี้อย่างไม่หลีกเลี่ยงสักนิด อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “เรื่องที่เร้นลับขนาดนี้ พูดอยู่ต่อหน้าฉัน ไม่ใช่จะฆ่าปิดปากฉันหรือ?”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยกับสวีลั่งล้วนหยุดชะงัก ดูเหมือนในเวลานี้ไป๋ยี่เฟยจึงรู้สึกถึงว่าฉีฉีก็อยู่ในรถด้วย โดยจิตใต้สำนึกจ้องมองเธอหนึ่งที
ฉีฉีมองเห็นสายตาที่ประหลาดใจของไป๋ยี่เฟยนั้น มีการพูดไม่ออกเล็กน้อย แต่ไม่นานก็เป็นลักษณะเย็นยะเยือกต่อไป “ทั้งสองครั้งล้วนพาฉันไปด้วย ให้ฉันเห็นพวกคุณเอาทองคำออกมากับตา คุณหมายความว่าอะไรหรือ??”
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจฉีฉีเลย แต่เธอพูดกับสวีลั่งว่า “ตัดเธอออกได้ เพราะว่าครั้งนี้พาเธอไป กลับไม่ได้เกิดเรื่องใดๆ”
สวีลั่งพยักหน้าต่อๆกัน แสดงให้เห็นว่าเห็นด้วย
ฉีฉีถูกคนมองข้าม โมโหมาก จ้องเขม็งพวกเขาทั้งสอง
ดังนั้นพูดได้ว่า ครั้งนี้ไป๋ยี่เฟยพาเธอไป คือเพื่อที่จะทดสอบเธอหรือ?
ไม่ใช่เลย ไป๋ยี่เฟยพาฉีฉีไป คือกลัวว่าเต้าจ่างจะลงมือกับฉีฉี
ฉีฉีก็ไม่ได้โง่ ดังนั้นก็นึกถึงความเป็นไปได้นี้ด้วยอย่างเร็วมาก แต่ว่าเธอจ้องมองไป๋ยี่เฟยหนึ่งที หัวเราะเหยียดหยามพูดว่า “ไป๋ยี่เฟย คนอย่างคุณแบบนี้ กำหนดให้กลายเป็นฮีโร่ไม่ได้”
“เพราะว่านิสัยของคุณ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดไม่ได้ใส่ใจสักนิด ยิ้มตอบกลับว่า “ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะกลายเป็นฮีโร่หรือว่าวีรบุรุษมาก่อน”
ฉีฉีสงสัยงงงวยแล้ว “งั้นคุณทำไมทำแล้วทำเล่าอย่างนี้ล่ะ? อะไรก็ไม่อยากเป็น ยังไปเตะต้องทองคำเหล่านั้นทำไมหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยพลิกตาขาวมองฉีฉีหนึ่งที
อยู่ดีๆสวีลั่งพูดว่า “สิ่งที่เธอรู้มากเกินไปแล้ว จะจัดการเธอ…….”
“เอ๊ะ รออีกสักหน่อย อย่าร้อนใจ” ไป๋ยี่เฟยรีบส่ายหัว
ใบหน้าฉีฉีเย็นชาจ้องเขม็งพวกเขาอย่างรุนแรง
เงียบไปสักพัก ไป๋ยี่เฟยพูดกับสวีลั่งว่า “พักผ่อนสักวันหนึ่ง จากนั้นพวกเราไปพบเจอกับหลี่จู้คนนั้นสักหน่อย”
สวีลั่งพยักหน้า
มาถึงโรงพยาบาลโว่หลง ทุกคนแตกกระจายกันไป ไป๋ยี่เฟยก็เลยให้เฉินห้าวพาซาเฟยหยางหาสักที่หนึ่งเข้าพัก จากนั้นพูดกับซาเฟยหยางอีกว่า “อาวุโส ท่านอาบน้ำก่อน นอนหลับให้ดีๆ อีกสักครู่ผมจะส่งคนมาเก็บกวาดให้ท่านดีๆ”
“ยังมีก็คือ สิบกว่าปีผ่านมาที่ท่านไม่เคยกลับมาก่อน ที่นี่เปลี่ยนไปอย่างมากมานานแล้ว ผมจัดเตรียมคนไว้อธิบายสภาพการณ์ปัจจุบันนี้ให้ท่านสักหน่อย พรุ่งนี้ค่อยพูดคุยกับท่านให้ดีๆ”
ซาเฟยหยางยิ้มพยักหน้าอยู่ “ทำตามการวางแผนของคุณ……”
วางแผนซาเฟยหยางเสร็จแล้ว ไป๋ยี่เฟยให้ซูต้าหลิวพาอาอู่ไปขังไว้
รอหลังจากเรื่องทั้งหมดกำชับเสร็จแล้ว เขากับสวีลั่งก็ย้ายทองคำเหล่านี้ไปที่ห้องดับจิตอีก แต่ว่าเป็นห้องดับจิตใต้ดินอีกแห่งหนึ่ง
หลังจากทำเสร็จ ไป๋ยี่เฟยพาฉีฉีออกไป สวีลั่งก็กลับบ้านพักผ่อนเช่นกัน
ตอนที่สวีลั่งกลับถึงบ้าน ระมัดระวังอย่างมากส่งเสียงให้เบาที่สุด ถึงยังไงก็ดึกขนาดนี้แล้ว คนในบ้านล้วนนอนแล้ว แต่ว่าเขายังคงทำให้หยางเฉียวตกใจตื่น
แท้ที่จริงสวีลั่งยังคงมีการปรับตัวไม่ทันเล็กน้อย อยู่ดีๆตนเองมีครอบครัว แต่หลังจากรู้ว่าหยางเฉียวไม่ใช่น้องสาวของตนเอง เขาโล่งอกไปหนึ่งที
หยางเฉียวสวมใส่เสื้อคลุมตัวหนึ่งหลังจากออกจากห้องนอนพูดว่า “หิวหรือยัง? ฉันไปต้มหมี่สักถ้วยให้คุณเถอะ?”
ในเวลาที่สวีลั่งมองเห็นหยางเฉียว ในที่สุดรู้สึกดูเหมือนสงบสุขแล้ว เขายิ้มส่ายหัวอยู่ “ไม่ต้องล่ะ รีบกลับไปนอนเถอะ”
หยางเฉียวพยักหน้าต่อๆกัน “โอ๊ะ”
จากนั้นกลับไปห้องนอนแล้ว
สวีลั่งไม่ได้กลับไปพักผ่อน แต่หาเก้าอี้ตัวหนึ่ง นั่งสูบบุหรี่อยู่ในลานบ้าน
เขาระลึกถึงอดีตที่ผ่านมาในหลายปีนี้ของตนเองอยู่ ในใจทอดถอนใจอย่างหดหู่เหลือเกิน
รอบุหรี่ม้วนหนึ่งสูบเสร็จ เขาทิ้งก้นบุหรี่อยู่บนพื้นเหยียบให้ดับ แต่ว่าตอนที่เขากำลังจะกลับห้อง อยู่ดีๆหยุดชะงัก หมุนตัวไป นั่งยองๆอยู่บนพื้น
เขาหยิบก้นบุหรี่ขึ้นมาจากบนพื้นอันหนึ่ง บุหรี่นี้ไม่ใช่บุหรี่ที่พวกเขาสูบอย่างนั้น อีกทั้งก้นบุหรี่ดูแล้วสะอาดมาก น่าจะเพิ่งถูกทิ้งไว้ไม่นาน
สวีลั่งนึกถึงคำพูดของไป๋ยี่เฟยในทันที ในคนเหล่านี้ของพวกเรา มีหนอนบ่อนไส้ของเต้าจ่าง
นึกถึงตรงนี้ สวีลั่งขมวดคิ้วขึ้นมา ทำให้เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างหนึ่ง
หยางเฉียวไม่ได้กลับไปนอนเลย แต่เทน้ำแก้วหนึ่งให้กับสวีลั่ง หลังจากมองเห็นสวีลั่งเข้ามา ก็เลยส่งให้เขา ถามอีกครั้งหนึ่งว่า “ไม่ต้องจริงๆหรือ?”
สวีลั่งส่ายหัว จากนั้นทำท่าถามตามอารมณ์ว่า “วันนี้มีคนมาหรือ?”
พูดจบ สีหน้าหยางเฉียวแข็งทื่อเล็กน้อย จากนั้นแสร้งทำเป็นไม่รู้พูดอีกว่า “ไม่มี”
สวีลั่งเป็นนักฆ่า การสังเกตกับเรื่องใดๆล้วนจะฉลาดหลักแหลมมาก ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของหยางเฉียวนี้เขามองเห็นอยู่นัยน์ตาแต่ว่าเขาไม่ได้พูดมาก เพียงพูดว่า “อืม รีบไปนอนเถอะ”
หยางเฉียวพยักหน้าต่อๆกัน หมุนตัวกลับไปห้องนอนเลย
สวีลั่งไม่ได้ดื่มน้ำ วางมันอยู่บนโต๊ะหยิบมือถือขึ้นมา ลังเลไปสักพักก็วางมือถือกลับไปอีก
……
ไป๋ยี่เฟยที่กลับถึงบ้านได้รับสายของเฝิงจั๋วที่โทรมา
“เถ้าแก่”
ไป๋ยี่เฟยขานรับเสียงหนึ่ง ถามว่า “หลายวันนี้มีความผิดปรกติอะไรไหม?”
เฝิงจั๋วตอบกลับทันทีว่า “มีครับ สวีลั่งไปเมืองเป่ยไห่รอบหนึ่ง แต่ว่าไม่รู้ไปทำอะไร”
ได้ยินคำพูด ไป๋ยี่เฟยพูดเบาๆว่า “โอเค ผมรู้แล้ว”
วางสายลง ไป๋ยี่เฟยไปถึงห้องนอนของตนเอง เปิดไฟ ในห้องนอนโหรงเหรงวังเวง ไม่มีกลิ่นอายคน
ไป๋ยี่เฟยจุดบุหรี่ม้วนหนึ่ง นั่งอยู่บนโซฟา ย้อนคิดเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้อย่างละเอียด
อยู่ดีๆเขานึกถึงจุดหนึ่ง หลังจากยุ่งอยู่ข้างนอกทั้งวันแล้ว กลับถึงบ้านล้วนไม่มีสักคน สิ่งที่เขาทำทั้งหมดล้วนเพื่อที่จะทำให้คนในบ้านได้อยู่ด้วยกันอย่างสงบมีความสุข แต่ว่าตอนนี้ล่ะ? ดังนั้นเขายุ่งอะไรอยู่หรือ?
วันรุ่งขึ้น จางหัวปินก็เลยไปหาไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยพูดถึงเรื่องที่เมื่อคืนเฝิงจั๋วโทรหา จางหัวปินขมวดคิ้วเล็กน้อย “งั้นสวีลั่งเขา…….”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว “ไม่ คุณกับสวีลั่งเป็นคนที่ผมไว้วางใจมากที่สุด”
จางหัวปินพยักหน้าต่อๆกัน ยิ้มแล้วยิ้มอีกกับไป๋ยี่เฟยอีก
ไป๋ยี่เฟยพูดว่า “พวกเราเข้าไปหาอาวุโสซาเถอะ”
……
ตลอดทางที่กลับมาจากหลันเต่า ซาเฟยหยางไม่มีความผิดปรกติอะไรเลย นี่ทำให้ไป๋ยี่เฟยวางใจอย่างมาก และยอดฝีมือคนหนึ่งอย่างนี้ ทิ้งเขาอยู่ข้างๆไม่สน ย่อมไม่เหมาะสมอยู่แล้ว
หลังจากกลับมา จางหัวปินไปสืบอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นบอกผลลัพธ์กับไป๋ยี่เฟยอย่างละเอียด ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า คนคนนี้ก็คือซาเฟยหยางเมื่อยี่สิบปีก่อนเพราะว่าแม้แต่รอยแผลเป็นที่อยู่ข้างหลังหูล้วนเหมือนกัน
จางหัวปินพูดว่า “สิ่งที่น่าเสียดายคือ ในคนเหล่านี้ของพวกเรา อายุมากที่สุดก็คือซูต้าหลิวกับผม ซูต้าหลิวไม่ต้องพูดถึง แต่ผมในเวลานั้นแค่สิบกว่าปี สัมผัสบุคคลแบบนี้ไม่ถึงเลยสักนิด”
ไปถึงที่พักที่เฉินห้าวจัดเตรียมให้กับซาเฟยหยาง ซาเฟยหยางแสดงความขอบคุณต่อไป๋ยี่เฟย จากนั้นไป๋ยี่เฟยวางแผนคนคนหนึ่งทำความสะอาดใหับกับซาเฟยหยางโดยเฉพาะ
รอเขาตระเตรียมเสร็จ ซาเฟยหยางดูแล้วกลับกลายเป็นลักษณะเหมือนเพียงแค่อายุสามสิบกว่าปีเท่านั้น อีกทั้งเพราะว่าอยู่ในถ้ำยาวนาน ไม่ได้ตากแดด ผิวขาวมาก ลักษณะนี้ดูแล้วเหมือนดั่งลูกคุณหนูคนหนึ่ง
แต่ว่า หลังจากซาเฟยหยางรู้ปีในปัจจุบันนี้ บอกว่าตนเองใกล้จะหกสิบแล้ว
ไป๋ยี่เฟยนึกถึงจื่ออีขึ้นมาทันที พวกเขาก็เป็นเช่นนี้ ดังนั้น นี่คงยังไม่สามารถที่จะใช้หน้าตาไปเป็นข้อวินิจฉัยอายุของคนคนหนึ่งจริงๆ
“อาวุโสซา ท่านจำไม่ได้ว่าเพราะอะไรถูกเหลียงหมิงเยว่วางแผนทำร้ายขังอยู่ข้างในแล้วจริงๆหรือ?” ไป๋ยี่เฟยถาม
“แต่ตามที่ผมรู้ พลังความสามารถของเหลียงหมิงเยว่ต่างกันกับท่านอย่างมากจริงๆล่ะ เขาสู้ท่านไม่ได้นะ”
ซาเฟยหยางส่ายหัว “คิดไม่ออกแล้วจริงๆ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดเงียบไปสักพัก หยิบมือถือเครื่องหนึ่งออกมาให้กับซาเฟยหยาง “นี่คือมือถือ มือถือผูกหมัดกับบัตรเครดิตใบหนึ่ง จำนวนเงินข้างในพอที่จะใช้จ่ายยามปกติแล้ว”
“ใช่แล้ว อาวุโสจากนี้ไปคิดที่จะทำอะไรไหม?” ไป๋ยี่เฟยถามอีก
ซาเฟยหยางส่ายหัวต่อๆกัน “ผมไม่รู้ว่าจะทำอะไร โลกภายนอกเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป ผมตามจังหวะไม่ทัน ถ้าหากว่าคุณไม่รังเกียจผมล่ะก็ ผมก็จะติดตามคุณก่อน เป็นบอดี้การ์ดของคุณก็ได้”
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพก็เลยพูดว่า “งั้นก็เป็นอย่างนี้ก่อน วันนี้พักผ่อนวันหนึ่ง พรุ่งนี้ผมมีเรื่องต้องไปจัดการ ถึงเวลานั้นท่านมีเวลาล่ะก็ สามารถไปกับผมสักครั้ง”
ซาเฟยหยางพยักหน้าต่อๆกัน “ไม่มีปัญหา”
หลังจากทั้งสองคนออกมา ไปถึงบนรถ ไป๋ยี่เฟยถามจางหัวปิน “พบเห็นความผิดปกติอะไรหรือไม่?”
จางหัวปินพูดว่า “หน้าตาของเขาไม่สอดคล้องกับอายุ”
ไป๋ยี่เฟยพูดว่า “อันนี้ไม่ต้องพัวพันกันอุตลุด ยังมีอีกไหม?”
“มือถือที่คุณให้เขาเครื่องนั้น เขาแม้แต่ดูสักทีก็ไม่” จางหัวปินพูด
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าต่อๆกัน “มือถือของสิบกว่าปีก่อนกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน สามารถเข้าใจได้”