ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 628
บทที่ 628
จางหัวปินกลับพูดว่า “สิบกว่าปีก่อน อาจไม่มีการชำระเงินออนไลน์สำหรับโทรศัพท์มือถือ”
ไป๋ยี่เฟยทันทีที่ได้ยิน ชะงักงันอย่างกะทันหัน
เป็นเช่นนี้จริงๆ สิบกว่าปีก่อนไม่ได้รองรับการชำระเงินผ่านมือถือ ถึงแม้ว่าเป็นบัตรเครดิตก็ไม่เยอะ งั้นตอนนั้นเขาบอกว่า มือถือผูกกับบัตรธนาคาร ซาเฟยหยางดูเหมือนไม่ประหลาดใจสักนิดเลย
เขาไม่ถามอะไรเลย แม้แต่อยากรู้อยากเห็นก็ไม่มี
นี่พูดถึงอะไรหรือ?
ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิดพูดว่า “อาจจะ คือพวกเราคิดมากเกินไปแล้ว”
“หวังว่าเป็นเช่นนี้เถอะ” จางหัวปินพูดว่า “แต่ว่าเขาไม่ป้องกันไม่ได้”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า
……
ตอนเที่ยง โรงเรียนซินอิงเลิกเรียนแล้ว
พวกเด็กนักเรียนตัวน้อยๆพายกระเป๋าหนังสือเล็กๆที่น่ารักของตนเอง ต่างคนต่างวิ่งออกมาจากประตูโรงเรียน
หลี่โย่วเซิงวิ่งออกมาจากประตูโรงเรียนอย่างดีใจ ทันทีก็ได้เห็นสวีลั่งที่ยืนอยู่ที่นั่น จากนั้นวิ่งเข้าไปเลย
“พ่อ ท่านทำไมมาแล้วล่ะ? แม่ของผมล่ะ?”
ในที่สุดสวีลั่งดูเหมือนปรับตัวให้เข้ากับชื่อเรียกนี้ได้แล้ว ไม่มีปฏิกิริยาอะไร
หลี่โย่วเซิงก็เป็นอย่างนั้นเช่นกัน หลังจากติดตามสวีลั่งแล้ว เขาก็เปลี่ยนคำเรียก เรียกสวีลั่งว่า พ่อ ตอนแรกไม่ค่อยชิน เรียกบ่อยแล้วก็จะชินเอง
สวีลั่งได้ยินหลี่โย่วเซิงเรียกหยางเฉียวเป็นแม่ สีหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย จึงพูดว่า “วันนี้ผมว่างอยู่”
เด็กน้อยหิวเร็ว หลี่โย่วเซิงลูบท้องของตนเองลูบแล้วลูบอีก เงยหน้าจ้องมองสวีลั่ง “พ่อ ผมหิวแล้ว”
สวีลั่งจับมือของหลี่โย่วเซิงไว้พูดว่า “งั้นไปเถอะ ผมพาแกไปกินข้าว”
หลี่โย่วเซิงหยุดชะงักแล้วหยุดชะงักอีก ถามว่า “พวกเรากินอยู่ข้างนอก แม่จะไม่พอใจนะ?”
สวีลั่งหยุดชะงัก “ทำไมจะไม่พอใจหรือ?”
“ก็แม่ยากที่จะทำกับข้าวเสร็จ รอพวกเราอยู่ที่บ้านพวกเรากลับไม่ไปกินยังกินอยู่ข้างนอกด้วย ย่อมไม่พอใจอยู่แล้วล่ะ!” ใบหน้าน้อยๆของหลี่โย่วเซิงเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม ดูแล้วมีความตลกขบขันเล็กน้อย
หลังจากสวีลั่งฟังจบ อึ้งชะงักแล้วอึ้งชะงักอีก จากนั้นพูดว่า “งั้นพวกเรากลับไปกินที่บ้านเถอะ”
“อืม!” หลี่โย่วเซิงพยักหน้าอย่างดีใจ
ระหว่างทาง สวีลั่งถามเขา “ช่วงเวลาที่ผมออกไป ในบ้านเคยมีคนมาไหม?”
หลี่โย่วเซิงส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีกก่อน จากนั้นดูเหมือนนึกอะไรได้ พยักหน้าอีกพูดว่า “เมื่อคืนตอนที่ผมไปเข้าห้องน้ำ ได้ยินแม่พูดคุยกับคนอื่นอยู่”
……
ไป๋ยี่เฟยพาจางหัวปิน เฉินห้าว ไป๋หู่ หลงหลิงหลิงกับซูต้าหลิว พวกเขาไปถึงห้องดับจิตที่ใต้ดิน จากนั้นสั่งอาหารดีๆที่เอร็ดอร่อยมาเต็มโต๊ะ
แน่นอน ถึงแม้ว่าเป็นอาหารดีๆที่เอร็ดอร่อยยังไง วางอยู่ในห้องดับจิต คาดว่าก็จะไม่เอร็ดอร่อยถึงไหนเช่นกัน
แต่ว่าถ้าคนหิวโหยแล้ว ไม่ว่าวางอยู่ที่ไหน ล้วนจะกินอย่างเอร็ดอร่อยมาก
ดังนั้นพวกเขาล้วนรู้สึกถึงความอึดอัดในใจ กินคำใหญ่ๆอยู่
อาอู่ถูกหมัดไว้อยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง อีกทั้งก็ให้เขานั่งอยู่ข้างพวกเขา จ้องมองพวกเขากินอาหารดีๆที่เอร็ดอร่อยเหล่านั้น
อาอู่ดมกลิ่นเนื้อหอมที่โชยมา กลืนน้ำลายอย่างไม่หยุดยั้ง จ้องมองเนื้อที่อยู่ในจานมาโดยตลอด
กลับมาจากหลันเต่าจนถึงปัจจุบันนี้ ไป๋ยี่เฟยล้วนไม่ได้ให้คนเอาของกินมาให้เขา ตะกละถึงขนาดนี้ ก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน
สุดท้าย อาอู่อดไม่ไหวแล้วจริง “ให้ผมกินสักคำได้หรือไม่? ทุบตีผมหนึ่งยกก็ได้!”
เฉินห้าวขัดใจดมเนื้อที่อยู่ในมือของตนเองดมแล้วดมอีก ทำท่าเหมือนลักษณะที่เสพสุขมาก “หอมเหลือเกินนะ อร่อยจริงๆ”
อาอู่โมโหใกล้จะเป็นบ้าแล้ว “อ่า! ขอร้องพวกคุณให้ผมกินสักคำเถอะ! ผมอยากกินอาหาร!”
พอดีอยู่ในเวลานี้ น่องไก่ข้างหนึ่งตกอยู่ข้างหน้าอาอู่ ตาทั้งคู่ของอาอู่สว่างขึ้นทันที จากนั้นยื่นคอยาวจะไปกัดน่องไก่ แต่ทุกครั้งล้วนกัดไม่ถึง มักจะห่างกันแค่ไม่กี่เซ็นนั้น
จากนั้นเขาไม่สนใจไยดีไปข้างหน้า อยากจะกัดน่องไก่ให้ได้ แต่ว่าเห็นใกล้จะกัดได้แล้ว ไป๋ยี่เฟยจับน่องไก่ขึ้นมา วางไปยังข้างหลังอีกสามเซ็น
อาอู่ถูกไป๋ยี่เฟยแกล้งจนโมโหอย่างมาก “ไป๋ยี่เฟย! ผมเย็ดแม่ง!”
“เพียะ!”
ไป๋ยี่เฟยตบอาอู่หนึ่งที จากนั้นกินเป็ดย่างที่อยู่ในมืออย่างใจเย็นอีก พูดเบาๆว่า “เป็นเด็กดีเชื่อฟัง ผมถามอะไรคุณตอบอย่างนั้น ทำให้ผมพอใจแล้ว ก็ให้คนกินสักคำ”
อาอู่โมโหมาก แต่ก็อยากกินอาหาร ได้แต่ประนีประนอม “ได้ คุณถาม คุณรีบถาม”
“คุณ ฉีฉี เต้าจ่าง พวกคุณทั้งสามเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันหรือ?” ไป๋ยี่เฟยถาม
อาอู่พยักหน้า “ใช่ เต้าจ่างเป็นศิษย์พี่ใหญ่ ผมอยู่ระดับที่สี่ ฉีฉีเป็นศิษย์น้องอยู่ระดับที่ห้า”
“งั้นอาจารย์ของพวกคุณเป็นใครหรือ?” ไป๋ยี่เฟยถามต่อ
อาอู่หยุดชะงักทันที
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองเขา เห็นสีหน้าของเขาอยู่ดีๆซีดขาวขึ้นมา กัดปากไว้อย่างแน่น ในสายตาเต็มเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว
เห็นสภาพนี้ ไป๋ยี่เฟยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา “ไม่อยากจะพูดหรือ? หรือว่าไม่กล้าพูด?”
อาอู่เพียงแค่ส่ายหัวอย่างไม่หยุดยั้ง
ไป๋ยี่เฟยตกเข้าสู่การใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง
เขายินยอมที่จะปล่อยให้ตนเองหิวก็ไม่ยอมพูดว่าอาจารย์ของตนเองเป็นใครก็พูดได้ว่า มีเรื่องอะไรที่จะทำให้เกิดการคุกคามที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ ดังนั้นจึงไม่กล้าพูด แม้เพียงสักคำก็ไม่มี
ไป๋ยี่เฟยไม่พัวพันกันอุตลุดอยู่ในปัญหานี้ ดังนั้นถามเขาต่อว่า “เต้าจ่างวางแผนคนอยู่ข้างกายผมใช่ไหม?”
อาอู่ได้ยินคำพูดจ้องมองไปยังไป๋ยี่เฟย ไม่ใช่คำถามก่อนหน้านั้นทำให้อาอู่ไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนั้นเล็กน้อย ความหวาดกลัวก็น้อยลงหลายส่วนเช่นกัน จากนั้นพยักหน้าตอบกลับว่า “ใช่……”
ไป๋ยี่เฟยถามว่า “เป็นใครหรือ?”
อาอู่ส่ายหัวต่อๆกัน “เรื่องนี้ผมไม่รู้จริงๆ ผมเพียงแค่ถูกศิษย์พี่จับมาช่วยเขาเป็นเวลาชั่วคราว”
ไป๋ยี่เฟยสบตากันกับจางหัวปินหนึ่งที เห็นลักษณะ อาอู่ไม่เหมือนพูดโกหก
ถึงแม้ว่าถามอะไรออกมาไม่ได้ แต่แน่ใจได้ว่า การคาดเดาของไป๋ยี่เฟยไม่ได้ผิด ระหว่างพวกเขามีหนอนบ่อนไส้ของเต้าจ่างจริงๆ
จากนั้น ไป๋ยี่เฟยถามต่ออีกหลายข้อ มีบางเรื่องที่เขาพูดแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีบางเรื่องเขาไม่กล้าพูดเลยสักนิด ยังมีบางเรื่องที่เขาไม่รู้
จากนี้ได้เห็นว่า เขากับเต้าจ่างห่างกันไกลเกินไป อีกทั้งแม้แต่ฉีฉีก็สู้ไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยหยิบหมั่นโถวเนื้อขาว โยนไปให้อาอู่ “กินอันนี้เถอะ”
อาอู่ใกล้จะร้องไห้แล้ว “น่องไก่ที่ตกลงกันไว้ล่ะ?”
……
หลังจากกินข้าวเสร็จ พวกเขาทั้งกลุ่มล้วนออกจากห้องดับจิต อาอู่ถูกซูต้าหลิวขังไว้ต่อ
จางหัวปินทอดถอนใจหนึ่งที “นอกจากรู้ว่ามีหนอนบ่อนไส้ของเต้าจ่างอยู่จริงๆ พวกเราล้วนไม่ได้รับข่าวที่มีประโยชน์อะไร”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า อดไม่ได้ที่จะหนักอึ้งขึ้นมา “อาอู่ไม่พูด อาจจะไม่รู้ ก็อาจจะเป็นไปได้ที่เขารู้แต่ไม่กล้าพูด”
“สาเหตุที่ไม่กล้าพูด เป็นไปได้มากคือภูมิหลังของฝั่งตรงข้ามแข็งแกร่งเกินไป หรือว่าคือ……”
คำพูดของไป๋ยี่เฟยยังพูดไม่จบ หลงหลิงหลิงพูดต่อจากคำนั้นว่า “หนอนบ่อนไส้ก็อยู่ในระหว่างเราไม่กี่คน”
พูดจบ คนทั้งหลายล้วนเงียบไปเลย
ไป๋ยี่เฟยกวาดผ่านคนทั้งหลาย ยิ้มส่ายหัวอยู่พูดว่า “เป็นไปไม่ได้ ถ้าหากว่า เป็นคนใดคนหนึ่งในพวกคุณ อยากจะทำให้ผมตายยังจะไม่ง่ายหรือ?”
ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ล้วนซาบซึ้งใจมาก
ไป๋หู่ เฉินห้าว หลงหลิงหลิง จางหัวปิน พวกเขาล้วนติดตามไป๋ยี่เฟยมาโดยตลอดก็ไม่กี่คนที่ไป๋ยี่เฟยไว้วางใจที่สุดถึงปัจจุบันนี้
นอกจากไป๋หู่กับหลงหลิงหลิงคืออู๋กุ้ยเซียงส่งมา เขาไม่มีเหตุผลอะไรสงสัยพวกเขาคนใดๆเลย
ไป๋ยี่เฟยทอดถอนใจพูดว่า “วางเรื่องนี้ไว้ก่อนเถอะ พรุ่งนี้พวกเราไปเมืองเป่ยไห่ พี่จางยังคงอยู่ต่อเหมือนเดิม คนอื่นๆยังมีสวีลั่งตามผมไปด้วย”
หลายคนพยักหน้า
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองไปยังหลงหลิงหลิงอีก “หลิงหลิง เล่าสภาพของหลี่จู้ให้ผมฟังสักหน่อย”
หลงหลิงหลิงพยักหน้าพูดว่า “ก่อนหน้านั้นฉันส่งผู้จัดการธุรกิจคนหนึ่งไป เขาบอกว่าเย่ฮวนติดต่อกับหลี่จู้ไปแล้ว ระหว่างพวกเขาหารือร่วมกันเสร็จแล้ว หลี่จู้เห็นด้วยที่จะยกโครงการให้กับเย่ฮวน”
“ดังนั้นหลังจากไม่กี่วันการประมูลราคาเพียงทำแค่เป็นพิธีเท่านั้น”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดยิ้มแล้วยิ้มอีก “ผมคิดว่าผมคาดเดาได้ว่าเย่ฮวนกับหลี่จู้หารือร่วมกันอะไรได้สำเร็จแล้ว”
จางหัวปินได้ยินคำพูดก็เลยชิดเข้ามา พูดเบาๆว่า “งั้นพวกเราจะต้องไปจัดเตรียมหรือไม่?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัวต่อๆกัน “ผมรู้ว่าสิ่งที่คุณพูดคือทองคำ แต่ว่าเหลียงหมิงเยว่ล้วนไม่เคยเตะต้องทองคำมาก่อน บ่งบอกได้ชัดว่าคือมีปัญหาอยู่ ก่อนที่ยังไม่ได้ชัดเจน ยังเตะต้องไม่ได้เป็นเวลาชั่วคราว”