ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 633
บทที่633
“ตุ๊บ!”
หวังโหวกระแทกใส่กำแพงของลานหน้าบ้าน จากนั้นก็หล่นลงพื้น เลือดทะลักออกมาจากปากมากมาย เขามองไป๋ยี่เฟยด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อ “นี่……เป็นไปไม่ได้……ทำไมกัน?”
พละกำลังที่ไป๋ยี่เฟยถีบออกมานั้นเป็นสิ่งที่เข้านึกไม่ถึงจริงๆ แถมความเร็วในการโจมตียังเร็วมากด้วย เขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
หวังโหวลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก แล้วชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟย “แกแม่งฉวยโอกาส ไม่นับ!”
ไป๋ยี่เฟยทำหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที แล้วเดินเข้าหาหวังโหวทีละก้าว จากนั้นก็พูดออกมาย่างไม่ชอบใจว่า “ผมไม่มีเวลามาเล่นกับคุณ การมาเล่นลูกไม้ต่อหน้าผม มีแต่จะตายเร็วยิ่งกว่าเดิมเท่านั้น!”
เมื่อหวังโหวได้เห็นสีหน้าและรังสีที่ไป๋ยี่เฟยแสดงออกมา เขาก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันที จากนั้นก็กัดฟัน และฉวยโอกาสตอนที่ไป๋ยี่เฟยยังอยู่ห่างจากตัวเองประมาณสามเมตร ดีดตัวออกไป แล้วเตะใส่ไป๋ยี่เฟยจากกลางอากาศ
ฝีมือของไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าไป๋หู่และสวีลั่งเลย จนอาจจะเก่งกว่าพวกเขาไปหน่อยแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าฝีมืออยู่แค่ระดับครูฝึกซ่านโฉ่วเท่านั้น
มันไม่คณามือเขาเลยสักนิด
ระหว่างนั้น ไป๋ยี่เฟยได้เอวตัวเล็กน้อย จากนั้นก็ยกขาขึ้นมา แล้วหวังโหวก็ถูกถีบกระเด็นไปอีกครั้ง
“ตุ๊บ!”
หลังจากที่หวังโหวล้มลงเขาก็อึ้งไปทันที พร้อมกับมองไป๋ยี่เฟยด้วยสายตาที่มีแต่ความหวาดกลัว
การโจมตีทั้งสองครั้ง มันยืนยันแล้วว่า ความสามารถของไป๋ยี่เฟยนั่นอยู่เหนือกว่าเขา
ในที่สุดเขาก็รู้สึกถึงความกลัวแล้ว
หวังโหวรีบลุกขึ้นมา แล้วคุกเข่าต่อหน้าไป๋ยี่เฟย ร้องขอชีวิตด้วยร่างกายที่สั่นเทา
“พี่ใหญ่ ผมผิดไปแล้ว ให้อภัยผมเถอะ ผมแค่ล้อเล่นกับพี่เท่านั้น ให้อภัยผมเถอะนะครับ……”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองหวังโหวอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณเป็นคนมาหาเรื่องผมก่อน จะมาหาว่าผมโหดเหี้ยมไม่ได้นะ!”
สิ้นเสียง เฉินอ้าวเจียวก็ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ถ้าอย่างคุณเรียกว่าโหดเหี้ยม แล้วอย่างเขาจะให้เรียกว่าอะไร?”
“เมื่อกี้เขาได้ฆ่าครอบครัวที่มีสมาชิกห้าคนไปจนหมดเลย!”
ฟังจบ ไป๋ยี่เฟยก็ต้องตกใจทันที
เมื่อกี้เขาไม่ได้เข้าไปใส่ลานหน้าบ้าน จึงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่สำคัญเขาไม่อยากจะเข้าไปรบกวนคนในบ้านด้วย แต่ใครจะไปคิดว่ากลหวังโหวคนนี้จะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ ถึงกับฆ่าคนทั้งห้าไปเลย!
เฉินอ้าวเจียวจ้องเขม็งมาที่หวังโหว กัดฟันแน่น “หนึ่งในนั้นยังมีคู่แฝดชายหญิงที่อายุแค่สิบขวบเท่านั้น!”
พอไป๋ยี่เฟยฟังจบ สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที ส่วนหวังโหวที่เห็นเข้าก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมา และได้พูดออกมาว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ พี่ใหญ่ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด แค่เข้าใจผิดเท่านั้น”
“คุณลองคิดดูสิ พวกเขาเป็นแค่ชาวนาธรรมดาเท่านั้น ไม่เหมือนกับคุณ คุณเป็นคนที่อยู่สูงขึ้นไป พวกเขาเป็นแค่คนระดับล่าง มันเทียบกันไม่ติดเลย”
“เออจริงด้วย คืออย่างนี้ครับ ก่อนหน้านี้ที่ไปทำร้ายลูกน้องของคุณมันไม่ใช่คำสั่งของผมนะครับ ลูกน้องของผมเป็นคนสั่ง พวกเขาลงมือด้วยพลการ ไม่เกี่ยวกับผมเลยสักนิด!”
หวังโหวพูดออกมาอย่างร้อนรน ตอนนี้แค่สาบานเท่านั้นแล้วที่ยังไม่ได้ทำ
ไป๋ยี่เฟยขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วหยิบมีดจากคนข้างๆ มา พอตวัดมีด มือข้างหนึ่งของหวังโหวก็ถูกฟันขาดไปแล้ว
“อ้า!”
หวังโหวร้องครวญครางออกมา เอามืออีกข้างมากุมข้อมืออีกข้างเอาไว้ เจ็บจนสีหน้าบูดเบี้ยว
ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจ “ความจริงมันเป็นยังไงทุกคนต่างก็รู้ดี อย่ามาพูดให้มากความเลย ผมไม่มีเวลามาเสวนากับคุณ!”
“ไม่! คุณจะฆ่าผมไม่ได้นะ!” หวังโหวกุมข้อมือของตัวเองเอาไว้แน่นๆ มองดูเลือดที่ไหลออกมาไม่ยอมหยุด ความอยากมีชีวิตรอดบังคับให้เขาต้องร้องขอชีวิต “ผมเป็นคนของหลี่จู้ คุณจะฆ่าผมไม่ได้นะ!”
“คุณจะเป็นคนของใครมันก็ไม่สำคัญ!” ไป๋ยี่เฟยได้ชูมีดขึ้นมาแล้ว
“ไม่ๆ ไม่ มันมีความหมายนะครับ มีความหมายอยู่!” หวังโหวพูดออกมาอย่างร้อนรน “ถ้าคุณปล่อยผมไป เก้าแก่หลี่จะต้องซาบซึ้งกับเหตุการณ์ครั้งนี้ คุณกำลังต้องการที่ดินผืนนั้นอยู่ไม่ใช่เหรอครับ? ขอแค่คุณยอมปล่อยผมไป ผมรับรับประกันได้เลยว่าสุดท้ายแล้วที่ดินผืนนั้นต้องตกเป็นของคุณแน่นอน!”
แต่ไป๋ยี่เฟยกลับขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “คุณฆ่าห้าคนนี้จนหมดครอบครัวอย่างโดยที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด แม้แต่หลักการง่ายๆ ของการเป็นคนคุณยังไม่มี จะเก็บไว้ไม่ได้เด็ดขาด!”
หวังโหวร้อนรนอย่างถึงที่สุด
ทันใดนั้น ชายชุดดำคนหนึ่งก็ได้เดินออกมา แล้วยื่นมือถือให้ไป๋ยี่เฟย “นายครับ มือถือของหวังโหวครับ”
การกระทำของไป๋ยี่เฟยหยุดชะงักไป เขาใช้ความคิด จากนั้นก็ยื่นมือไปรับมือถือมา
เขาแค่อยากรู้เท่านั้น สายที่โทรมานี้ น่าจะโทรมาเพื่อขอความช่วยเหรอให้หวังโหว แต่ในเวลาแบบนี้ยังกล้าโทรมาขอร้องอีกนะเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับหวังโหว ก็แสดงว่าเขาต้องมั่นใจมากแน่ๆ ว่าจะสามารถช่วยหวังโหวได้
การที่ไป๋ยี่เฟยรับสายนั่นก็เพื่อให้รู้ว่าคนๆ นี้เอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะสามารถช่วยหวังโหวได้?
เมื่อรับสาย อีกฝ่ายก็รีบพูดขึ้นมาทันที
“หวังโหว รีบหนีเร็ว สิบกว่านาทีก่อนมีรถหลายคันขับไปทางคุณแล้ว คุณ…..”
ไป๋ยี่เฟยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ เขาก็พูดขัดขึ้นมาทันที “หลี่จู้?”
เหมือนจู่ๆ เสียงในโทรศัพท์ก็หายไป เงียบลงในทันที
ไป๋ยี่เฟยไม่พูดต่อ เขารอให้อีกฝ่ายพูดก่อน
หลังเงียบไปพักหนึ่งหลี่จู้ถึงได้พูดขึ้นว่า “ไป๋ยี่เฟย การมีเพื่อนเพิ่มอีกคนดีกว่ามีศัตรูเพิ่มนะครับ เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะปล่อยหวังโหวไป ช่วยเห็นแก่หน้าผมที”
ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้เป็นถึงผู้นำด้านเศรษฐกิจของเมืองเทียนเป่ย ส่วนภรรยาของเขาก็เป็นคนของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง คนระดับนี้ การต้องไปมีเรื่องด้วยถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่า
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยกลับไม่ได้คิดอย่างนั้น “เขาทำร้ายพี่น้องของผม”
หลี่จู้อึ้งไป “คุณหมายความว่ายังไง?”
ไป๋ยี่เฟยขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “เกียรติของคุณมันไม่มีค่าเลยสักนิด!”
พอหลี่จู้ได้ยินอย่างนั้น เขาก็ส่วนกลับไปด้วยความโมโหว่า “ไป๋ยี่เฟย ที่ฉันพูดดีกับแก ไม่ใช่เพราะฉันกลัวแกหรอกนะถ้าแกคิดที่จะทำแบบนั้น ฉันก็ไม่ขัดข้องที่จะสู้ตายกับแก!”
“ฉันจะบอกแกก็ได้ ในตอนที่แกมาฉันก็ได้ส่งคนไปที่โรงพยาบาลแล้วแกคงพาคนไปหมดแล้วสินะ? ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ข้างตัวสวีลั่งเลย ถ้าฉันคิดจะทำอะไรมันก็ง่ายนิดเดียว แกลองคิดดูๆ แล้วกัน”
คำพูดสุดท้ายนั้นมันคือการข่มขู่ชัดๆ
พอไป๋ยี่เฟยฟังจบ เขาก็ขมวดคิ้วเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “คุณอยากตายสินะ!”
ฟังจบ หลี่จู้ก็ขำออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “ถ้าแกยอมปล่อยหวังโหวไป ฉันก็จะสั่งให้คนของฉันกลับมา ส่วนที่ดินผืนนั้นฉันจะแบ่งกรรมสิทธิ์ให้แกหนึ่งส่วนสามก็ได้”
“ไม่อย่างนั้น ลูกน้องของแกก็ไม่รอดแน่….”
ไป๋ยี่เฟยทำหน้าเคร่งเครียด ไม่พูดไม่จา
พอหวังโหวเห็นอย่างนั้น เขาก็เหมือนจะทายอะไรบางอย่างได้ จากนั้นก็ขำออกมาอย่างชั่วร้าย “ไป๋ยี่เฟย! ตอนนี้แกไม่กล้าฆ่าฉันแล้วใช่มั้ย? ถ้าอย่างนั้นก็รีบปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้!”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินหวังโหวตะโกนออกมาอย่างได้ใจแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ เขาแต่หยิบมือถือของตัวเองออกมา แล้วต่อสายออกไปโดยที่ยังไม่ได้วางสายของหลี่จู้
“ผู้อาวุโส ตอนนี้คุณอยู่ที่โรงพยาบาลรึเปล่าครับ? ผมรบกวนคุณช่วยคุ้มครองพี่น้องของผมให้ทีนะครับ ไม่ว่าคุณมีจุดประสงค์อะไรก็ตาม ถือซะว่าเป็นสิ่งตอบแทนที่ผมเชิญคุณออกมาแล้วกันนะครับ”
พอวางสายไป เขาก็หันมาพูดกับหลี่จู้ต่อ “หลี่จู้ คุณฟังให้ดีนะ วันนี้ผมจะล้างแค้นให้พี่น้องของผมก่อน หวังโหวมันต้องตาย!”
“ส่วนคนต่อไป ก็คือคุณ!”
เมื่อหลี่จู้ฟังจบ เขาทั้งโกรธทั้งกลัว “ไป๋ยี่เฟย กล้าเล่นลูกไม้กับฉันเหรอ? ฉันรู้ว่าคนของแกอยู่นี่กันหมด ส่วนที่เมืองเทียนเป่ยนั้นไม่มีใครอยู่เลย ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ปล่อยหวังโหวไปซะ ฉันสามารถ….”
ไป๋ยี่เฟยสั่งเฉินอ้าวเจียวทันที “ฆ่า!”
“ไป๋ยี่เฟย!” หลี่จู้ตะโกนออกมาเสียงดัง
เฉินอ้าวเจียวหยิบมีดของตัวเองออกมาทันที แล้วเดินเข้าหาหวังโหว
หวังโหวอึ้งตาไปเลย แค่มองหน้าไป๋ยี่เฟยก็สามารถรู้ได้เลย ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดเล่น ไป๋ยี่เฟยตั้งใจจะฆ่าเขาจริงๆ
“อย่านะครับอย่า อย่าฆ่าผมนะ ผมขอร้อง ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ ครับ อย่าฆ่าผมเลย!” หวังโหวร้อนรนมากเขาร้องขออย่างสุดชีวิต “ผมขอร้องล่ะ อย่าฆ่าผมเลย ทั้งหมดนี้หลี่จู้เป็นคนสั่งให้ผมทำ เขาเป็นคนสั่งให้ผมไปโยนก้นบุหรี่ใส่ที่หน้าบ้านของสวีลั่งเอง เราไม่ได้อยากฆ่าสวีลั่ง เราแค่ถูกไล่ตามอย่างหนัก ดังนั้น….”
“ฉึก!”
หวังโหวพูดยังไม่ทันจบ มีดเล่มหนึ่งก็แทงจากทางด้านหลัง ทะลุออกมาทางหน้าอก
คนที่ลงมือนั้นไม่ใช่เฉินอ้าวเจียว
หากแต่เป็นลูกน้องผมทองของหวังโหวคนนั้น
ทุกคนต่างก็อึ้งไปตามๆ กัน ได้แต่ยืนมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เลือดสดๆ ไหลตามปลายมีดที่แหลมคมลงมา หวังโหวเบิ่งตาโต “ตุ๊บ” ล้มลงพื้นไป ตาทั้งที่ยังลืมตาอยู่
ไป๋ยี่เฟยมองหน้าลูกน้องคนนี้ด้วยสายตาที่เคร่งขรึม แล้วพูดขึ้นว่า “ผมพอจะคาดเดาได้ว่าคุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรแต่คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมเป็นคนรักษาคำพูด ไม่มีทางผิดคำพูดเด็ดขาด แต่คุณต้องจำไว้ว่า ถ้าคุณกล้าหาเรื่องผม ก็ยอมรับในสิ่งที่จะตามมาด้วย!”
ลูกน้องคนนั้นโยนมีดเล่มนั้นออกไป จากนั้นก็คุกเข่าลงตรงหน้าไป๋ยี่เฟย
……
คนอื่นๆ กลับไปที่เมืองเทียนเป่ยแล้ว ส่วนไป๋ยี่เฟยกลับพาจางหัวปินกับเฉินอ้าวเจียวเดินทางไปที่เมืองเป่ยไห่
เดิมทีวันนี้ก็ตั้งใจจะไปพบหลี่จู้อยู่แล้ว