ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 653
บทที่ 653
ฉีฉีได้ยินแล้วก็สีหน้าโมโหจนน่ากลัว
ซาเฟยหยางที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นภาพแล้ว ก็ยิ้มแล้วเดินจากไป
……
ตอนอยู่บ้าน ไป๋ยี่เฟยจะโทรคุยวิดีโอกับหลี่เสว่ทุกวัน เขาเล่าเรื่องซาเฟยหยางให้หลี่เสว่ฟัง แต่พวกเขาคุยกันเรื่องความผิดปกติของซาเฟยหยาง เขาไม่อยากให้หลี่เสว่เป็นห่วง
แต่หลี่เสว่ก็ดูออกถึงความผิดปกติ
เมืองหลวง อาคารสำนักงานใหญ่สหพันธ์ธุรกิจ ออฟฟิศหลี่เสว่
“ก๊อกก๊อกก๊อก……”
ประตูออฟฟิศถูกเคาะ หลี่เสว่เงยหน้า มองไปที่โจวฉวี่เอ๋อที่อยู่ด้านข้าง โจวฉวี่เอ๋อพยักหน้า ลุกไปเปิดประตู
หน้าประตูเป็นพนักงานของสหพันธ์ เขาถือเอกสารปึกหนึ่งเดินเข้ามา “รองประธาน นี่เป็นเอกสารที่ท่านต้องการ”
“เอกสารแสดงว่า ซาเฟยหยางตายตั้งแต่สิบหกปีก่อนแล้ว”
……
บนทางหลวงที่เชื่อมระหว่างเมืองหลวงและนอกเมือง รถสองคันกำลังขับเร่งอยู่บนทางด่วน
ในคันหนึ่งคือหลี่เสวี่ที่นั่งอยู่ด้วยสีหน้ากังวล
ไป๋ยี่เฟยเล่าเรื่องซาเฟยหยางให้เธอฟัง แต่เธอรู้สึกว่าคนคนนี้มีปัญหา เธอจึงให้คนไปสืบหาข้อมูลของเขา
“ซาเฟยหยางเมื่อยี่สิบปีก่อน เป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยชื่อเสียงโด่งดังท่านหนึ่ง เป็นคนซื่อสัตย์ เคยช่วยเหลือคนมากมาย”
“ซาเฟยหยางกับศิษย์พี่ของเขาชื่อเทียนหัวซาน เทียนหัวซานกับซาเฟยหยางตรงกันข้ามกัน เทียนหัวซานเป็นคนเจ้าเล่ห์หลอกลวง”
“พวกเขาสองคนเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ย เพราะฉะนั้นค่อนข้างลึกลับ หลังจากนั้นทั้งสองก็เสียชีวิต และมีบุคคลท่านหนึ่งเพื่อระลึกถึงซาเฟยหยาง จึงสร้างสุสานให้เขา และนำกระดูกของเขาฝังไว้ข้างใน”
โจวฉวี่เอ๋อเปิดดูเอกสารพวกนั้น แล้วอ่านให้หลี่เสว่ฟัง
ตอนแรกที่หลี่เสว่จะมารับตำแหน่งรองประธานที่เมืองหลวง เธอเคยถามโจวฉวี่เอ๋อ ยินดีมาที่เมืองหลวงกับเธอไหม?
ตอนนั้นคำตอบของโจวฉวี่เอ่อคือ “ยินดี”
รถสองคันจอดอยู่ที่สุสานจินไห่
โจวฉวี่เอ๋อมองดูหลี่เสว่ท่าทางกังวล พูดว่า “เสว่เอ๋อ เธอไม่ต้องกังวลหรอก บางทีซาเฟยหยางอาจจะยังไม่ตาย ในสุสานอาจจะไม่ใช่เขาก็ได้”
หลี่เสว่เดินเข้าไปในสุสาน โจวฉวี่เอ๋อตามไปติดๆ และมีคนชุดดำเดินตามหลังพวกเขา
สี่คนนี้เป็นคนที่ไป๋หยุนเผิงให้หลี่เสว่ ให้ไว้เพื่อปกป้องหลี่เสว่จากอันตราย
หลี่เสว่เดินไปด้วยพูดไปด้วย น้ำเสียงอึดอัด “ได้ยินว่า หลังจากซาเฟยหยางตายแล้วไม่ได้เผาศพ ใช่เขาหรือไม่ เปิดโรงตรวจดูก็รู้ “
โจวฉวี่เอ๋อได้ยินแล้วก็พยักหน้า “ในข้อมูลบอกว่า ขาซ้ายของซาเฟยหยางมีหกนิ้ว แค่เปิดโรงดูว่าขาซ้ายเขามีหกนิ้วหรือไม่ ก็รู้ได้ว่าใช่เขาหรือไม่”
หลี่เสว่พูดกับคนข้างหลังว่า “ติดต่อคนดูแลสุสานหน่อย เอาหนังสือเปิดโรงจากสหพันธ์ธุรกิจให้เขาดูด้วย”
“ครับ”
คนที่เหลืออยู่กับหลี่เสว่ หาในสวนสุสานอยู่สักพัก สุดท้ายเจอสุสานของซาเฟยหยางบนเนินทางเหนือ
ป้ายหน้าสุสานเต็มไปด้วยฝุ่น และหญ้ามากมาย ดูแล้วเหมือนไม่เคยมีคนมาไหว้ ถูกลืมอยู่มุมหนึ่ง
หลี่เสว่เดินไปหน้าสุสาน รู้สึกลังเล เธอกลัวว่าเมื่อเปิดสุสานแล้ว สุดท้ายผลเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากให้เป็น
โจวฉวี่เอ๋อเดินไปข้างหลี่เสว่ พูดปลอบใจ “ไม่ต้องกังวล ผลอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเราคิดก็ได้”
หลี่เสว่ได้ได้ยินก็หรี่ตา จากนั้นก็พูดอย่างหนักแน่น “เปิด”
บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังก็เดินไปข้างหน้า หยิบอุปกรณ์ขึ้นมา เปิดสุสาน
สิบนาทีผ่านไป ก็เห็นโลงศพไม้ ปรากฏอยู่หน้าทุกคน
หลี่เสว่เห็นแล้วตื่นเต้น โจวฉวี่เอ๋อก็เริ่มกระวนกระวาย จ้องโลงศพตาไม่กะพริบ
สุดท้าย หลี่เสว่สูดหายใจเข้าลึกๆ พูดว่า “เปิดเลย”
ในเวลาเดียวกัน ด้านหลังพวกเขา มีชายวัยกลางคนสวมชุดกังฟูโบราณ ชายวัยกลางคนเดินไปหาพวกเขาทีละก้าว ส่วนมือของเขาอยู่กลางอก จับมีดสั้นไว้
พวกหลี่เสว่ไม่รู้ว่ามีคนอยู่ข้างหลัง ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
เมื่อโลงศพไม้ถูกเปิดออก บอดี้การ์ดคนหนึ่งเข้าไปตรวจสภาพศพ พูดกับหลี่เสว่ว่า “ขาซ้าย หกนิ้ว” ได้ยินคำพูดนี้แล้ว สีหน้าหลี่เสว่ซีดขาวไปทันที
มีหกนิ้ว แบบนี้ ก็หมายความว่า ในโรงนั้นเป็นซาเฟยหยางจริง ส่วนข้างกายไป๋ยี่เฟย……
หลี่เสว่ไม่กล้าคิดมาก รีบหยิบมือถือขึ้นมา อยากโทรหาไป๋ยี่เฟย
ขณะเดียวกัน บอดี้การ์ดหลี่เสว่เห็นชายที่อยู่ข้างหลัง รีบร้องถาม “ใคร? จะทำอะไร?”
ชายวัยกลางคนแค่ยกมือเบาๆ ก็ได้ยินเสียงมีดแทงเข้าเนื้อ
“เฟี๊ยะ”
บอดี้การ์ดเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ มือจับคอตัวเองที่กำลังเลือดพุ่ง และล้มไปกับพื้นทันที
โจวฉวี่เอ๋อเห็นภาพนี้แล้วก็ร้องเสียงดัง
“อ๊าก”
บอดี้การ์ดที่เหลืออีกสามคน รีบหยิบอาวุธของตัวเองออกมา ปืน
จากนั้น ชายวัยกลางคนไม่ได้ให้โอกาสพวกเขายิงปืน เขาแค่เดินไปข้างหน้าก้าวเดียว ยกมือเดินผ่านบอดี้การ์ดสามคน
สุดท้ายยืนอยู่ข้างหน้าหลี่เสว่กับโจวฉวี่เอ๋อ
ส่วนบอดี้การ์ดสามคนนั้น ล้มลงกับพื้นโดยไร้เสียง
หลี่เสว่กับโจวฉวี่เอ๋อตกใจ ไม่อยากเชื่อภาพที่เห็น
บอดี้การ์ดสี่คนที่ไป๋หยุนเผิงให้หลี่เสว่ ถึงแม้ไม่ใช่คนฝีมือดีที่สุด สามสี่คนรวมกันก็เท่ากับไป๋หู่หนึ่งคน
แต่ว่า บอดี้การ์ดสี่คนนี้ ยังไม่ได้ลงมืออะไรเลย ก็ถูกแทงตายทันที
หลี่เสว่รู้สึกตกใจ แต่ก็เรียกสติกลับมาแล้วถามว่า “คุณเป็นใคร?”
โจวฉวี่เอ๋อก็ตกใจ และกลัวมาก แต่ก็ขวางอยู่ข้างหน้าหลี่เสว่อย่างกล้าหาญ มองชายวัยกลางคนอย่างระวัง
ชายวัยกลางคนยิ้ม จ้องมองทั้งสองหัวจรดเท้า พูดด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม “เห็นพวกเธอทั้งสองเป็นสาวสวย ฆ่าทิ้งเป็นนี้น่าเสียดาย ไม่อย่างนั้นพวกเธอฆ่าตัวตายละกัน”
พูดจบแล้ว ชายวัยกลางคนก็ทิ้งมีดในมือลงพื้น
โจวฉวี่เอ๋อเห็นแล้วก็รีบเก็บมีดของชายคนนั้นขึ้นมา ชี้มีดไปที่เขา พูดด้วยความหวาดกลัว “อย่าเข้ามานะ ถ้าเข้ามาฉันจะฆ่าคุณ”
ชายวัยกลางคนหัวเราะ “ฮาฮา……”
“เธอฆ่าฉัน?” ชายวัยกลางคนมองเธออย่างดูถูก “มีความกล้าคือเรื่องดี แต่ก็ต้องดูว่าตัวเองทำได้ไหม”
“บอกพวกเธอตามตรง ในเมืองหลวง มีเพียงศิษย์พี่ฉันเต้าจ่างเท่านั้นที่สู้กับฉันได้ คนอื่นไม่มีคนเป็นคู่ต่อสู้ฉัน ฉันอยากฆ่าใครก็ฆ่าใคร”
หลี่เสว่รู้จักเต้าจ่าง เพราะเต้าจ่างเป็นผู้บังคับบัญชาของหลี่เสว่ และเธอก็รู้ว่าเต้าจ่างน่ากลัวขนาดไหน เพราะฉะนั้น หลี่เสว่ผลักโจวฉวี่เอ๋อออกอย่างไม่ลังเล “วิ่ง”
โจวฉวี่เอ๋อตกใจมาก ได้แต่ทำตามสัญชาตญาณ รีบวิ่งหนี วิ่งหนีไปด้วยหยิบมือถือออกมาด้วย อยากโทรเรียกคนช่วย
ชายวัยกลางคนเห็นแล้วก็หัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นก็หันไปวิ่งตามโจวฉวี่เอ๋อ
หลี่เสว่เห็นแล้วสีหน้าเปลี่ยน เก็บมีดที่โจวฉวี่เอ๋อทำหล่นที่พื้น โยนไปที่ชายวัยกลางคน แต่ว่า แรงของเธอน้อยไป ส่วนชายวัยกลางคนเร็วมาก มีดไม่โดนตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
ชายวัยกลางคนเข้าใกล้ตัวโจวฉวี่เอ๋อ ยื่นมือออกไป จับที่คอของโจวฉวี่เอ๋อ
เวลาเดียวกัน “ซู๊ด” ดังขึ้น ก็มีเงาดำวิ่งออกมา
หมัดของเงาดำนั้นชกไปที่แขนของชายวัยกลางคน ชายวัยกลางคนรับมือไม่ทัน ถอยไปหลายก้าว
ยังไม่ทันยืนนิ่ง เงาดำนั้นก็ต่อยมาอีก และเร็วมาก แทบมองไม่เห็นเขายื่นหมัดมาเลย
ชายวัยกลางคนแทบไม่มีโอกาสรับมือเลย โดนต่อยจนต้องถอยหลังตลอด
ส่วนโจวฉวี่เอ๋อที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นคนที่ปรากฏมากะทันหัน เบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ที่รัก?”
ชายวัยกลางคนตกใจมาก เหมือนกับที่เขาพูดก่อนหน้านี้ นอกจากเต้าจ่างแล้ว อีกสองคนยังไม่ต้องพูดถึง ไม่มีคนสู้เขาได้แน่นอน
เขาเชื่อแบบนี้มาตลอด แม้แต่ศิษย์น้องก็สู้เขาไม่ได้ เพราะฉะนั้นเขาคิดมาตลอดว่ามีเพียงเต้าจ่างที่สู้เขาได้
แต่คนที่เจอตอนนี้ ต่อยหมัดต่อเนื่อง เขารับมือไม่ทันเลย
ทันใดนั้นเสียงดัง “ปัง” ชายวัยกลางคนกระเด็นไปไกล
“ป็อก”
เพราะแรงกระแทกจากชายวัยกลางคน สุสานถูกชนจนแตก