ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 656
บทที่ 656
ฉุงลี่หย่าเรียกสติกลับมา รีบวิ่งไปดูจ้างหลง “พี่จ้าว ไม่เป็นไรใช่ไหม?
“ไม่……เอื้อก” พูดไปแค่คำเดียว ก็กระอักเลือดออกมา
ฉุงลี่หย่ามองเลือดบนพื้นอย่างตกใจ และเลือดที่เปื้อนเสื้อตัวเอง แล้วมองไปที่ไป๋ยี่เฟยกับฉีฉี แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ไป๋ยี่เฟยกับฉีฉีคุยไปด้วย แล้วเดินเข้าไปหาสองคนนี้
ฉุงลี่หย่ารู้สึกกลัว แต่ก็ยังยืนขวางอยู่ข้างหน้าจ้าวหลง พูดด้วยความกลัว “ไป๋ยี่เฟย คนที่จะฆ่านายคือฉัน ไม่เกี่ยวกับเขา นายอยากฆ่าก็ฆ่าฉัน ปล่อยคนอื่นไป”
แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยกับฉีฉีไม่ได้สนใจคำพูดของเธอเลย เพียงแค่พูดไปด้วยเดินไปด้วย และเดินผ่านพวกเขาไป ไม่มองแม้แต่น้อย
ฉุงลี่หย่าจากหวาดกลัว เป็นตะลึง จากนั้นก็โมโห
ไป๋ยี่เฟย ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
เธอเป็นลูกสาวของตระกูลในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง ตั้งแต่เล็กจนโตมีแต่คนคอยประคับประคอง ไม่มีใครกล้าดูถูกเธอ?
ฉุงลี่หย่าโกรธมาก แต่ภาพที่เห็นเมื่อกี้ทำให้เธอรู้สึกกลัว เธอแก้แค้นให้พี่ชายไม่ได้ เธอเสียใจ นั่งลงไปกับพื้น ร้องไห้
จ้าวหลงจับหน้าอกตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวดลุกขึ้นจากพื้น เห็นฉุงลี่หย่านั่งร้องไห้อยู่ เวลาเดียวกัน ชายชุดขาวก็ปรากฏตัว
จ้าวหลงเห็นเขาแล้ว เม้มปากอยากพูดอะไร ชายชุดขาวส่ายหน้าให้จ้าวหลง
เห็นแล้ว จ้าวหลงก็ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา จากนั้นก็บอกลูกน้องตัวเองจากไป
ภายในซอย เพียงครู่เดียว ก็เหลือแค่ชายชุดขาวกับฉุงลี่หย่าที่นั่งร้องไห้อยู่
ชายชุดขาวก็คือฉางเชี่ยว
เขานั่งลง จากนั้นก็หยิบกระดาษออกมา ยื่นให้ฉุงลี่หย่า
ฉุงลี่หย่ายื่นมือไปรับ แล้วเงยหน้าขึ้น พบว่าเป็นฉางเชี่ยว ก็รู้สึกชะงัก หยุดร้องไห้ทันที
ฉางเชี่ยวไม่ได้พูดอะไร แค่ยื่นมือไป
ฉุงลี่หย่าเห็นก็ยื่นมือตัวเองไป ให้ฉางเชี่ยวดึงตัวเธอขึ้นมา
เวลานี้ ฉางเชี่ยวค่อยๆพูดขึ้น “ลี่หย่า สำหรับผมแล้ว เพื่อนทุกคนล้วนสำคัญ เพราะฉะนั้นไม่ว่าใคร ผมก็ทะนุถนอม”
“พี่ชายคุณเป็นเพื่อนที่โตด้วยกันมากับผม ถึงเขาจะทำเรื่องเลวร้ายไว้เยอะ ผมยังเห็นเขาเป็นเพื่อน แต่ว่า เรื่องของไป๋ยี่เฟยนั้นเขาเป็นคนผิด เขาจะฆ่าไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยป้องกันตัว ถึงได้ฆ่าเขา นี่เป็นเรื่องปกติ โทษใครไม่ได้”
“แต่ผมว่า สำหรับคุณแล้ว ไม่ว่าพี่ชายคุณทำอะไรลงไป เขาก็ยังเป็นพี่ชายคุณ ไป๋ยี่เฟยฆ่าพี่ชายคุณ คุณอยากแก้แค้น มันก็ไม่ผิด”
“แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยไม่มีวันให้คุณฆ่าเขาแน่ เขาต้องโต้ตอบ ไม่อย่างนั้น คนที่ตายก็คือเขา”
“ผมรู้ว่าตอนนี้คุณฟังไม่เข้าไปแน่ แต่ผมแค่อยากแสดงความคิดเห็นของตัวเอง ไป๋ยี่เฟยก็เป็นเพื่อนผม คุณอยากฆ่าเขา ผมไม่นิ่งดูดายแน่ ผมต้องช่วยเขา”
“ก็เหมือนกัน ถ้าเขาจะฆ่าคุณ ผมก็จะช่วยคุณเหมือนกัน เอาชีวิตผมไปช่วยคุณ”
“พวกคุณสำคัญกับผมทั้งนั้น เพราะฉะนั้นผมไม่หวังว่าพวกคุณคนใดคนหนึ่งเกิดเรื่อง มันอาจจะดูสับสน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้”
“แต่ว่าคุณวางใจได้ ไป๋ยี่เฟยรู้ความสัมพันธ์ของเราสองคน เขาไม่ทำร้ายคุณก่อนแน่”
เมื่อพูดจบแล้ว ฉุงลี่หย่าก็เข้าไปกอดฉางเชี่ยวไว้ กัดไหล่ของเขา แล้วร้องไห้เสียงดัง
ฉางเชี่ยวรู้สึกเจ็บ แต่ก็ไม่ได้ผลักเธอออก แต่กอดเอวเธอไว้เบาๆ ให้เธอกัดตามใจเธอ
ฉุงลี่หย่าอยากแก้แค้นให้พี่ชาย ความคิดนี้ไม่อาจลบล้างได้ เพราะฉะนั้นฉางเชี่ยวไม่ได้ให้ฉุงลี่อย่าล้มเลิกความคิดที่จะแก้แค้น เขาแค่เล่าความคิดของเขาให้เธอฟัง ให้เธอรู้ ว่าในใจเขา เธอสำคัญเหมือนกัน
……
ทางด้านไป๋ยี่เฟย เขาเดินหาซาเฟยหยางจนเจอในตลาดของเก่า
ตอนนี้ซาเฟยหยางนั่งอยู่หน้าร้านขายของเก่าแห่งหนึ่ง เจ้าของร้านเป็นชายวัยกลางคนใส่แว่น แต่งกายค่อนข้างย้อนยุค
เจ้าของร้านเห็นซาเฟยหยางถือสินค้าชิ้นหนึ่งเป็นหยกเล็กๆ ยิ้มแล้วถามว่า “น้องชายท่านนี้แววตาใช้ได้”
ซาเฟยหยางเงยหน้าอย่างสงสัย “หมายความว่ายังไง?”
เจ้าของร้านมองไปรอบด้าน จากนั้นก็ยื่นคอไปกระซิบบอกซาเฟยหยาง “อันนี้เป็นของดี ผมบอกตรงๆ ผมเพิ่งได้มาไม่นาน ผมซื้อมาแค่สามร้อย”
“สามร้อย?” ซาเฟยหยางไม่ค่อยเข้าใจ “ของแค่นี้ สามร้อย?”
เจ้าของร้านพยักหน้า “แน่นอน นี่มันของเก่าของโบราณแล้ว สามร้อยถือว่าถูกแล้ว”
ซาเฟยหยางได้ยินแล้วก็วางของลง เจ้าของร้านเห็นก็รีบพูด “คุณอย่ามองว่าของมันชิ้นเล็ก มีแค่ร้านผมเท่านั้นที่มี ผมไม่บอกคุณว่ามันเป็นของราชวงศ์หมิง ผมกล้าพูดเลยว่ามันเป็นของราชวงศ์ชิง คุณคิดดู แค่เป็นงานของราชวงศ์หมิง ราคานี้ก็ถูกมากแล้ว”
“คุณว่า ของชิ้นนี้มันราคาสามร้อยไหม?” เจ้าของร้านถาม
ซาเฟยหยางได้ยินก็พยักหน้า “ครับ”
เจ้าของร้านรีบพูด “ใช่ ผมว่าคุณชอบนะ ผมขายอย่างขาดทุนเลย ห้าร้อยเป็นไง?”
แต่ซาเฟยหยางแค่พยักหน้า “ไม่เอา”
จากนั้นก็ถามดาบสั้นในร้านอีกชิ้นหนึ่งว่า “อันนี้เท่าไหร่?”
เจ้าของร้านเห็นก็ยิ้มแล้วยื่นดาบให้กับซาเฟยหยาง “น้องชาย ผมว่าคุณนี่ตาดีมาก มีดนี้เป็นของสมัยราชวงศ์หมิง ถ้าคุณชอบ ก็ไม่ต้องต่อราคาแล้ว สองพัน เอาไปเลย”
ซาเฟยหยางถือดาบสั้นไว้ในมือ ดูไปดูมา รู้สึกลังเล
เจ้าของร้านเห็นแล้วกัดฟัน จากนั้นก็ยื่นของที่เขาหยิบเมื่อกี้ให้เขา พูดว่า “เอาอย่างนี้ ยังไงก็ถือว่ามีวาสนา วันนี้ถ้าน้องชายถูกใจอะไรในร้าน ซื้อดาบนี้ไป ของชิ้นนี้ก็แถมให้เลย”
ซาเฟยหยางได้ยินแล้วก็ลังเล จากนั้นก็หยิบมือถือออกมา จ่ายเงินอย่างเสียดาย
เมื่อได้รับข้อความการชำระเงิน เจ้าของร้านก็ยิ้มแย้ม “มา น้องชาย ผมห่อให้”
ภาพนี้ถูกไป๋ยี่เฟยที่ยืนอยู่ไกลๆ มองเห็นทุกอย่าง เขาไม่เข้าใจ ถ้าซาเฟยหยางไม่ใช่ซาเฟยหยาง เขาคือใคร?
พฤติกรรมเมื่อครู่ของเขาดูแล้วเหมือนคนที่ติดอยู่บนเขาเป็นเวลานานมาก ตอนนี้แม้แต่เด็กอายุเจ็ดแปดขวบก็รู้ว่าร้านขายของเก่าแบบนี้เชื่อใจไม่ได้ แต่เขากลับดูไม่ออก
คิดไปคิดมา อย่างน้อยจนตอนนี้ ไป๋ยี่เฟยไม่รู้ว่าซาเฟยหยางมีแผนการอะไร ไม่ได้คิดร้ายกับเขา หยุดคิดเรื่องนี้ก่อน เดินเข้าไปหาเขา
“ผู้อาวุโส”
ซาเฟยหยางเห็นไป๋ยี่เฟยก็ยิ้มกว้าง “มาแล้วเหรอ”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า จากนั้นก็มองไปที่เจ้าของร้าน
เจ้าของร้านเห็นแล้วก็รู้สึกไม่ดี จากนั้นก็ก้มหน้าเริ่มเก็บของ และพูดไปด้วย “อ้ายยา นึกขึ้นมาได้ว่ามีธุระที่บ้าน ต้องรีบกลับไป วันนี้อยู่ดึกไม่ได้แล้ว”
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วก็เหยียบผ้าปูโต๊ะของเขาไว้ พูดอย่างเย็นชา “เถ้าแก่ มีความรู้ด้านของโบราณจริงเหรอ?”
“หมายความว่ายังไง?” เจ้าของร้านดูไป๋ยี่เฟยเหมือนไม่ได้มาดี ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะ “ผมหมายความว่ายังไงคุณไม่รู้เหรอ? คุณมีหน้าไปหลอกเงินคนแก่คนหนึ่ง? คุณยังมีจิตสำนึกอยู่ไหม?”
เจ้าของร้านอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วหันไปมองซาเฟยหยาง จากนั้นก็พูดว่า “หน้าน้องชายคนนี้เหรอ คุณว่าเขาเป็นคนแก่? ล้อผมเล่นใช่ไหม?”
“อีกอย่างผมไปหลอกน้องชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ผมพูดความจริง น้องชายคนนี้ซื้อดาบสั้นของราชวงศ์หมิงไป นั่นถือว่าเขาโชคดี ที่อื่นไม่ได้โชคดีขนาดนี้”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินก็หัวเราะ “คุณนึกว่าผมโง่เหรอ? พลอยบนดาบดูก็รู้ว่าทำจากพลาสติก สมัยราชวงศ์หมิงก็ใช้พลาสติกทำพลอยได้แล้วเหรอ?”
“ผมว่าคุณตั้งใจหลอกคน”
เจ้าของร้านได้ยินแล้วสีหน้าก็ซีดขาวไปทันที แต่เงินสองพันถึงมือแล้ว เขาไม่มีวันคืนแน่ จึงพูดอย่างไม่สนใจ “ใช่แล้วยังไง? อาชีพอย่างเราก็มีกฎแบบนี้ เงินถึงมือแล้ว ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน”
“ถ้าซื้อได้ของปลอม ก็ถือว่าตัวเองโชคร้าย โทษใครไม่ได้”
ไป๋ยี่เฟยพูดสีหน้าไม่ดี “หมายความว่าไม่คืนแล้ว?”
“ไม่คืน” เจ้าของร้านเปลี่ยนสีหน้า พูดเด็ดขาด
เห็นสถานการณ์แบบนี้ ไป๋ยี่เฟยกำลังจะพูดอะไรต่อ ก็ได้ยินซาเฟยหยางหัวเราะพูดว่า “ไม่คืนก็ดี ไม่คืนก็ดีแล้ว”
ทั้งสองคนก็อึ้งไปทันที จากนั้นก็หันไปมองซาเฟยหยาง
ไป๋ยี่เฟยถามอย่างสงสัย “ผู้อาวุโส ดาบเล่มนั้นเป็นของปลอม”
ซาเฟยหยางพยักหน้าตอบ “อันนี้ฉันรู้”
“รู้แล้วทำไมยัง……” ไป๋ยี่เฟยยิ่งไม่เข้าใจ
ซาเฟยหยางโยนดาบลงพื้น หัวเราะแล้วพูดว่า “ดาบเล่มนี้ไม่มีประโยชน์ ความจริงฉันอยากได้อันนี้”