ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 67
ตอนที่ 67
ในเวลานี้ คนงานที่สวมใส่ชุดคนงานได้ลากรถเข็นบรรทุกปูนมุ่งหน้ามาทางพวกเขา
“ดูเหมือนกำลังซ่อม……”
ไป๋ยี่เฟยพูดได้เพียงครึ่งเดียว ก็มองเห็นรถเข็นปูนของคนงานที่อยู่ด้านข้างกำลังเอียงมาทางพวกเขา
ทันใดนั้น ไป๋อี้เฟยจึงหันกลับมาโผเข้าหาหลี่เสว่ ทั้งสองคนจึงล้มลงไปกับพื้น
“เสว่เอ๋อ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” ไป๋ยี่เฟยดึงตัวหลี่เสว่ลุกขึ้น
หลี่เสว่กำลังคิดจะตอบกลับไป แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเธอคู่นั้นก็เบิกกว้าง ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
เพียงเพราะเบื้องหน้าของพวกเขา มีคนงานที่เพิ่งจะอยู่ตรงข้ามพวกเขามาอยู่ตรงหน้า ไม่เพียงเท่านั้น ในมือของคนงานคนนั้นยังมีมีดสั้นเล่มหนึ่งอยู่ในมือ
เมื่อคนงานนั้นได้เห็นไป๋ยี่เฟยหลบไป มีความแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบ มองดูทั้งสองคนอย่างเย็นชา แล้วพยายามโจมตีอีกครั้ง
ไป๋ยี่เฟยมองคนตรงหน้าอย่างระมัดระวัง เมื่อกี้นี้เขาไม่ได้สังเกต ตอนนี้เมื่อมองดู ทั้งตัวคนคนนี้ล้วนแต่ขัดข้อง
คนคนนี้มีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีเข้ม เป็นคนอ้วนคนหนึ่ง มองแวบแรกก็ไม่เห็นอะไร แต่แววตาของเขาที่แสนเย็นชา ราวกับหิมะและน้ำแข็งที่ปกคลุมไปทั่วผืนดินในฤดูหนาว หนาวเยือกเย็นมาก
นอกจากนี้ในรอบ ๆ บริเวณนี้ยังถูกล้อมเอาไว้ คนงานทั้งหมดล้วนอยู่ด้านใน ไม่ควรจะเอารถบรรทุกปูนมาไว้ด้านนอก อีกอย่าง มือของคนคนนี้สะอาดมาก ไม่เหมือนกับมือของคนงานเลยแม้แต่น้อย
ในขณะช่วงเวลานั้น ไป๋ยี่เฟยรับรู้ได้ถึงอันตรายและได้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้น มีดสั้นนั้นก็คงจะถูกแทงเข้าไปในร่างกายของเขาแล้ว
“คุณเป็นใคร” ไป๋ยี่เฟยถามไปอย่างใจเย็นสงบนิ่งที่สุด
ดวงตาทั้งคู่ของคนคนนั้นดูแหลมคม ราวกับเขี้ยวพิษ จ้องไปยังไป๋ยี่เฟยอย่างหนัก “คนที่จะมาเอาชีวิตคุณ!”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ดึงตัวหลี่เสว่แล้ววิ่งนี้
“วิ่ง!”
หลี่เสว่ถูกทำให้ตกใจตั้งแต่แรก ตอนนี้ยังมาได้ยินคำพูดแบบนี้อีก ร่างกายก็ตอบสนองอย่างไม่รู้ตัว ผนวกกับการลากดึงของไป๋ยี่เฟย จึงทำให้เธอไม่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
ไป๋ยี่เฟยไม่รู้ว่าไป๋หู่อยู่ที่ไหน เนื่องจากยังไม่ปรากฏออกมา ดังนั้นจึงอาจจะไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ จะรอให้ไป๋หู่มาช่วยพวกเขาก็ไม่อาจจะเป็นความจริงได้ ดังนั้นวิธีการจึงมีหนทางเดียว นั้นก็คือวิ่ง!
ชายคนนั้นมองไปยังไป๋ยี่เฟย ไม่ได้รีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อไล่ล่า สำหรับเขาแล้ว ไล่ตามคนสองคนนั้นมันง่ายมาก ตอนนี้เขาก็แค่เล่นเกมส์แมวจับหนู ไม่เร่งรีบเลยสักนิด
ไป๋ยี่เฟยไม่มีความสงบนิ่งแล้ว และบังเอิญพาหลี่เสว่วิ่งหนีเข้าไปยังอาคารที่หยุดการก่อสร้าง
หลังจากมองไปรอบบริเวณ ไป๋ยี่เฟยก็หันไปมองทางด้านหลัง ลากตัวหลี่เสว่วิ่งขึ้นไปชั้นบน “พวกเราขึ้นไปข้างบนกัน”
หลี่เสว่ตามไป๋ยี่เฟยไปอย่างฉุกละหุก สมองได้สูญเสียประสิทธิภาพในการคิดไปแล้ว
และสิ่งที่ไป๋ยี่เฟยคิดก็คือ ขึ้นไปชั้นบนเพื่อเป็นการถ่วงเวลา อีกอย่างแม้พวกเขาจะวิ่งได้เร็ว ก็ไม่แน่ว่าอาจจะได้หลบซ่อนอยู่ในห้องใดห้องหนึ่ง ถึงอย่างไรก็มีหลายชั้นขนาดนี้ มีห้องมากมายขนาดนี้ เขาจะค้นหาทีละห้องๆ ก็เป็นการยากมาก
ชายคนนั้นเดินมายังเขตก่อสร้างอย่างไม่เร่งรีบ มองไปยังทางขึ้นบันได แล้วเยิ้มอย่างเหยียดหยาม “คิดว่าทำแบบหนีแล้วจะหลบพ้นหรือไง”
ที่ชั้นบน ไป๋ยี่เฟยคิดอยู่สักพัก ท้ายที่สุดก็ล้มเลิกความคิดที่จะซ่อนตัวอยู่ในห้อง ซึ่งการซ่อนตัวในนั้นดูเหมือนจะเป็นการรอความตาย!
ดังนั้น ทั้งสองคนเริ่มหอบ มุ่งตรงไปจนถึงชั้นดาดฟ้า ที่ดาดฟ้ายังมีสิ่งของอักมากมายที่ยังไม่ได้ถูกนำออกไป ยังคงมีเศษหินกรวดและรถลากบางส่วนวางอยู่
ไป๋ยี่เฟยต้องการจะไปดู จึงปล่อยมือของหลี่เสว่ ขณะที่จะไป ก็ได้ถูกหลี่เสว่คว้ามือไว้
“ไป๋ยี่เฟย……” เสียงของหลี่เสว่สั่นเป็นอย่างมาก
ไป๋ยี่เฟยได้ยินดังนั้นก็รีบหันกลับไป พูดอย่างใจเย็น “ไม่ต้องกลัว ผมไปหาของนิดหน่อย แป๊บเดียวก็กลับมา”
หลี่เสว่ตาแดงก่ำ พยักหน้า และปล่อยมือของไป๋ยี่เฟยอย่างไม่เต็มใจ
ในขณะที่ไป๋ยี่เฟยปล่อยมือ ก็รู้สึกไม่ค่อยจะเต็มใจนัก หากเป็นเมื่อก่อน ก็คงยากที่จะมีโอกาส แต่ตอนนี้ แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เอื้อให้เขาคิดเรื่องอื่น
ไป๋ยี่เฟยเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว ผลักรถเข็นสองสามคันเข้ามา จากนั้นก็หยิบเอาเสื่อน้ำมันผืนใหญ่มาด้วย “เสว่เอ๋อ มานี่ มาซ่อนที่มุมนี้กัน”
หลี่เสว่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ไปยืนนิ่งอยู่ที่มุม
ไป๋ยี่เฟยนำรถเข็นและเสื่อน้ำมันเข้ามา ให้หลี่เสว่หมอบลง สุดท้ายก็ปกปิดหลี่เสว่ไว้ทั้งตัว
เมื่อทำเสร็จสิ้นแล้ว กลับไม่พาตนเองเข้ามา
“ไป๋ยี่เฟย ทำไมคุณไม่เข้ามา” หลี่เสว่ไม่ได้มีความกลัวแบบเมื่อกี้แล้ว แต่กลับเป็นกังวล
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า “เป้าหมายของเขาคือผม! คุณซ่อนตัวให้ดี รอให้ผมสู้กับเขา คุณค่อยพุ่งออกไป แล้วอย่าหันกลับมา ผมจะพยายามรั้งเขาไว้ให้เต็มที่!”
“ไม่นะ!” หลี่เสว่ส่ายหัวอย่างแน่วแน่
ในใจของไป๋ยี่เฟยเคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่สถานการณ์ก็คับขัน จึงพูดว่า “เสว่เอ๋อ ผมจะไม่เป็นอะไร คุณออกไปแล้วก็แจ้งตำรวจนะ ผมก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
หลี่เสว่เห็นดังนั้นดวงตาก็แดงก่ำอีกครั้ง ไป๋ยี่เฟยยังคงคิดถึงเธอในสถานการณ์ที่คับขันแบบนี้ ความรู้สึกนี้ จะไม่ทำให้เธอประทับใจได้อย่างไร
“ฉัน……” หลี่เสว่ต้องการที่จะอยู่ต่อ แต่เธอรู้ดี ว่าตนเองอยู่ต่อไปก็อาจจะทำให้ไป๋ยี่เฟยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากมากยิ่งขึ้น ดังนั้นได้แต่พยักหน้าอย่างอดทน
ไป๋ยี่เฟยได้เห็นดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ในเวลานี้ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้า
“รีบซ่อนตัวให้ดี!”
หลี่เสว่ตกใจเมื่อได้ยิน จึงรีบหมอบอยู่ตรงนั้นไม่เคลื่อนไหว ไป๋ยี่เฟยยื่นมือออกมาใช้เสื่อน้ำมันคลุมหลี่เสว่ไว้
ส่วนตนเองก็เดินไปอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว ไปในจุดที่ห่างจากหลี่เสว่ เพื่อไม่ให้คนสงสัยว่ามีใครซ่อนอยู่ตรงนั้น
ไป๋ยี่เฟยยืนขึ้นแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรไปหาไป๋หู่ ทันทีที่เขากำลังโทรออก ผู้ชายคนนั้นก็ขึ้นมาแล้ว
ผู้ชายคนนั้นกวาดสายตามองไปรอบด้าน มองไม่เห็นผู้หญิงคนนั้น ขมวดคิ้วขึ้น มองไปยังไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยเอามือไพล่หลัง ถ่วงเวลาไว้ให้ได้นานที่สุด แล้วถามออกไป “ใครต้องการฆ่าผม”
ผู้ชายคนนั้นตอบอย่างเย็นชา “ต้องขอโทษด้วย นี่เป็นกฎของวิชาชีพ ไม่สามารถบอกได้!”
“อย่างนั้นแกเป็นใคร” ไป๋ยี่เฟยถามไปอีกครั้ง
ผู้ชายคนนั้นตะโกนขึ้น “บอกแกไปก็คงจะไม่เป็นอะไร เพราะยังไงแกก็ต้องตาย ตายก็จะได้ตายตาหลับ”
“ฉันคือนักฆ่าอันดับหนึ่งของเมืองหลวง!”
“อะไรนะ” ไป๋ยี่เฟยตะลึง
นักฆ่าอันดับหนึ่งของเมืองหลวง อุตส่าห์มาถึงที่นี่เพื่อจะฆ่าเขาอย่างนั้นหรือ
ไป๋ยี่เฟยหายใจเข้าลึกๆ และบังคับให้ตนเองสงบลง
เนื่องจากเขาเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ดังนั้นทักษะของเขาก็ต้องดีมาก ไม่แน่ว่าแม้แต่ไป๋หู่ก็อาจจะแก้ไขไม่ได้
เขาไม่สามารถจัดการอะไรได้มากนัก ทำได้แค่ถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด
“อย่างนั้นจะบอกเหตุผลของนายจ้างได้ไหมว่าทำไมถึงจะฆ่าผม” ไป๋ยี่เฟยถาม
ผู้ชายคนนั้นได้ยินก็ขมวดคิ้ว ครุ่นคิด แล้วตอบกลับไป “แกกำลังขวางทาง”
ไป๋ยี่เฟยสีหน้าเคร่งขรึม ขวางทางอย่างนั้นหรือ
เขาไม่รู้จักใครในเมืองหลวงเลย จะไปขวางทางใครได้ หรือจะพูดได้ว่า จะมีความเกี่ยวข้องกับพ่อของตนเองหรือเปล่า
เมื่อคิดเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยดูเหมือนจะพบประเด็นสำคัญ ในใจก็เข้าใจอะไรได้เล็กน้อย
“เขาจ่ายให้เท่าไร ผมจะให้คุณสองเท่า!”
ผู้ชายคนนั้นกวาดสายตามองไปทั่วร่างของไป๋ยี่เฟย แล้วพูดว่า “ฉันเป็นนักฆ่าที่มีหลักการ”
“……”
ไป๋ยี่เฟยเป็นกังวลมาก ไม่มีอะไรเปลี่ยนเจ้านักฆ่าคนนี้ได้ เขากำลังจะลากต่อไปไม่ไหวแล้ว
ตอนนี้ นักฆ่าก็ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แกกำลังถ่วงเวลาใช่ไหม”
พูดจบเขาก็ตะคอก “ไม่มีประโยชน์หรอก! คนข้างกายแกคนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน!”
ในฐานะนักฆ่า โดยธรรมชาติแล้วจะต้องมีการสืบข้อมูลของบุคคลที่เป็นเป้าหมายของตนเองให้ชัดเจน รวมถึงต้องตรวจสอบทุกคนรอบตัวให้ละเอียดชัดเจนด้วย มิฉะนั้นหากเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมา ตัวเองจะเป็นตายอย่างไรก็ไม่อาจจะรู้ได้!
หัวใจของไป๋ยี่เฟยเต้นแรง เป็นไปตามที่คิดไว้ ไป๋หู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”
นักฆ่าพูดต่ออีกว่า “คนข้างกายแกคนนั้น ฝึกฝนวิชากังฟูมาแค่ไม่กี่ปี ก็คิดว่าตนเองอยู่ยงคงกระพันแล้วหรือไง จะบอกแกให้นะ ฉันเรียนมาตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนนี้ ก็เป็นเวลากว่ายี่สิบปีแล้วล่ะ!”
ใครจะเก่งกว่ากัน ไม่ต้องพูดก็รู้!
“รู้จักหลินเซียวไหม”
ไป๋ยี่เฟยหัวใจเต้นแรง “หลินเซียวหรือ”
“ใช่แล้ว ก็หลินเซียวคนที่แกคิดนั่นแหละ หลินเซียวคนที่ชนะการแข่งขันแชมป์โลก และแชมป์ต่อสู้อิสระแห่งชาติ ฉันเป็นคนทำให้เขาตายเอง!