ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 671
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่671 มารับมีดแล้ว
พอชายคนนั้นเห็นเข้า เข้าก็ยิ้มออกมาอย่างดูถูก “เลิกแสดงได้แล้ว รอบตัวไป๋ยี่เฟย นอกจากสวีลั่งแล้วก็ไม่มีใครที่ใช้มีดเป็นอาวุธอีก”
“ลงมือ ฆ่าพวกมันให้ตาย!” ชายคนนั้นบอกกับคนฝั่งตัวเอง
พอได้ยินชายหน้าบากพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกใจสั่นขึ้นมานิดหนึ่ง
คนๆ นี้ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของซาเฟยหยางเลย แสดงว่าเต้าจ่างเองก็ไม่รู้เรื่องของซาเฟยหยางเหมือนกัน
ถ้าอย่างนั้น เต้าจ่างก็ไม่ได้เป็นคนช่วยอาอู่ออกไปแล้วฆ่าทิ้งภายหลัง ไม่อย่างนั้นอาอู่คงเล่าเรื่องซาเฟยหยางให้เต้าจ่างไปแล้ว
งั้นก็แสดงว่า เรื่องทองคำยังไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไป
แต่ใครกันล่ะที่เข้ามาช่วยอาอู่แล้วก็ฆ่าเขาทิ้ง?
ในขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่ ไป๋ยี่เฟยก็ต้องเบิ่งตาโต ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เพราะซาเฟยหยางเริ่มลงมือแล้ว
ซาเฟยหยางกำลังเคลื่อนที่อย่างพลิ้วไหวอยู่กลางผู้คน ราวกับว่าเขาอยากเดินไปไหนก็สามารถทำได้อย่างตามใจ และทุกคนที่อยู่ข้างตัวเขาก็จะถูกมีดฟันเข้าไปด้วย
มองดูท่าทางที่ผ่อนคลายของเขา ราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าคนพวกนี้จะเคลื่อนไหวยังไงต่อ เขาจึงฟันมีดไปดักเอาไว้ก่อนจากนั้นคนพวกนี้ก็วิ่งเขามาให้ตัวเองถูกฟัน
ในเวลาเพียงหนึ่งนาที ซาเฟยหยางเดินไปประมาณสิบเมตร แต่ในระหว่างนั้น มีคนเจ็ดแปดคนได้ล้มลงไปแล้ว พอหันมามองซาเฟยหยาง ใบหน้าของเขายังคงยิ้มอยู่และเหมือนเขาจะใช้มือแค่ข้างเดียวด้วย
พอชายหน้าบากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็อึ้งไปเลย
ไม่นาน ก็ไม่มีใครกล้าบุกเข้ามาอีก
สิ่งที่ซาเฟยหยางแสดงออกมานั้นมันช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ท่วงท่าของเขานั้นดูเชื่องช้า แต่ก็ไม่สามารถหลบให้พ้นได้
ตอนนี้ชายหน้าบากยังไม่เชื่อว่าซาเฟยหยางนั้นมีฝีมือจริงๆ เขาจึงยกมีดขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าใส่ เขาฟัดใส่ซาเฟยหยางอย่างรวดเร็ว
แต่ตอนที่มีดของชายหน้าบากยังไม่ทันถึงตัวซาเฟยหยาง มีดของซาเฟยหยางกลับพุ่งมาที่ข้อมือของเขาแล้ว
สีหน้าของชายหน้าบากเปลี่ยนไป จากนั้นก็รีบชักมือกลับทันที
เมื่ออยู่ต่อหน้าการโจมตีที่ดุดันแบบนี้ ยังสามารถชักมือกลับไปได้ เขาเองก็ถือว่าเป็นยอดฝีมือเหมือนกัน
แต่น่าเสียดาย การที่เขาชักมือกลับแบบนี้ มันก็ทำให้สามารถมองเห็นช่องโหว่มากมายที่เกิดขึ้น
มีดของซาเฟยหยางพุ่งใส่ลำคอของชายหน้าบากทันที
ชายหน้าบากยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน เบิ่งตากว้าง พร้อมกับสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
ความจริงเขาได้ตายไปแล้ว
ซาเฟยหยางเดินหน้าต่อไป
คนอื่นๆ ที่เหลือเห็นอย่างนั้น ก็รีบหันหลังวิ่งหนีทันที
ทุกคนต่างกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง พริบตาเดียวเดียวก็ไม่เหลือใครแล้ว
ซาเฟยหยางโยนมีดในมือทิ้ง จากนั้นก็เดินมาหาไป๋ยี่เฟย แล้วถามไปว่า “คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
ในตอนนั้นก๊อกยี่เฟยถึงตั้งสติได้ ความประหลาดใจและความเคารพนับถือถูกแสดงออกอย่างชัดเจนมาทางแววตา เขาได้แต่จ้องมองมาที่ซาเฟยหยาง พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเดียว
บาดแผลของเขานั้นไม่หนัก แค่ถูกบาดนิดเดียวเท่านั้น
พอก๊อกยี่เฟยมองไปยังผู้คนที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเฮือกใหญ่ แล้วตอบไปด้วยท่าทางที่ใจเย็นว่า “เราไปกันเถอะครับ!”
พวกเขารีบขึ้นรถ จากนั้นก็ออกจากจุดให้บริการไป
ตลอดทาง หลงหลิงหลิงไม่ได้ตื่นขึ้นมาเลย เธอจึงไม่รู้เลยว่าพวกเขาเพิ่งถูกดักฆ่ามา
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้กลัวนักฆ่าที่พวกนั้นส่งมา เพราะเขามีซาเฟยหยางอยู่ด้วย แต่ตรงนี้มีคนตายอยู่หลายคน จะอยู่นานไม่ได้ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นได้
เขาขับรถออกจากทางด่วน แล้วดูแผนที่ ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ที่อำเภอลี่ อยู่ตรงกลางระหว่างเมืองเทียนเป่ยกับเมืองหลวง
ตามข้อมูลที่หนิววั่งให้มา สาเหตุที่หลงหลิงหลิงมีไข้สูงนั้นหาไม่เจอ แต่มันไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต แค่ไปฉีดยาที่โรงพยาบาลไข้ก็น่าจะลดแล้ว และไม่มีวิธีอื่นแล้ว
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไปที่โรงพยาบาลของอำเภอลี่ เขาแค่หาโรงแรมสักแห่งเพื่อพักที่นี่สักคืน
ตอนนี้อาการของหลงหลิงหลิงไม่ค่อยสู้ดีนัก ไม่เหมาะที่จะนั่งรถ
พอมาถึงหน้าเคาน์เตอร์ของโรงแรม ไป๋ยี่เฟยก็เปิดห้องสองห้อง เนื่องจากหลงหลิงหลิงยังมีไข้อยู่ ไป๋ยี่เฟยจึงต้องอยู่เฝ้าเธอ พนักงานสาวตรงเคาน์เตอร์ก็เอาแต่มองพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่ปกติ คงคิดว่าพวกเขามอมเหล้าแล้วจะพาหลงหลิงหลิงมาทำมิดีมิร้ายแน่ๆ
แต่ก๊อกยี่เฟยก็ไม่ได้สนใจ เขาแค่แบกหลงหลิงหลิงขึ้นไปชั้นบนเท่านั้น
ซาเฟยหยางนอนห้องหนึ่ง ส่วนไป๋ยี่เฟยก็นอนห้องเดียวกับหลงหลิงหลิง เพราะสะภาพของหลงหลิงหลิงตอนนี้จำเป็นต้องมีคนอยู่ดูแลตลอด
พอเข้ามาในห้อง ไป๋ยี่เฟยก็วางหลงหลิงหลิงไว้บนที่นอน จากนั้นก็ห่มผ้าให้เธอ จากนั้นค่อยเข้าไปจัดการแผลของตัวเองในห้องน้ำ
ตอนที่กำลังล้างแผลอยู่นั้น ภาพของซาเฟยหยางที่กำลังใช้มีดนั้นได้วนเวียนอยู่ในหัวเขา มันช่างน่าตกใจจริงๆ
“ถ้ามีโอกาสต้องไปเรียนรู้กับเขาบ้างแล้ว” ไป๋ยี่เฟยแอบคิดอยู่คนเดียว
ซาเฟยหยางจะเป็นคนดีหรือไม่นั้นมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว การที่มีเขาอยู่ข้างกาย ถ้าคิดจะฆ่าเขามันก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย
หลังจัดการกับแผลเสร็จ เขาก็ออกมาดูอาการของหลงหลิงหลิง แล้วเอามือแตะหน้าผากเธอดู ไข้ยังสูงอยู่
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ “ยาลดไข้ไม่ได้ผลเลย!”
จากนั่นเขาก็นั่งลงบนโซฟาแล้วใช้มือถือค้นหาดูว่ามีวิธีอะไรที่พอจะลดไข้ได้บ้าง
“ใช้แอลกอฮอล์เช็ดทั้งตัว……”
“เช็ดทั้งตัวเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไปแปบหนึ่ง
แบบนี้มันไม่เหมาะมั้ง เธอไม่ใช่หลี่เสว่สักหน่อย จะไปแตะต้องตามใจได้ยังไง ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า “ยังมีวิธีอื่นอยู่อีก!”
พอเลื่อนลงไป ก็เห็นการใช้แอลกอฮอล์เช็ดฝ่าเท้ากับฝ่ามือ ไป๋ยี่เฟยคิดว่าอันนี้ยังพอทำได้ จากนั้นเขาก็โทรสั่งไวน์แดงจากพนักงานที่เคาน์เตอร์มาขวดหนึ่ง
ไป๋ก๊อกเฟยเอาไวน์มาวางไว้ที่หัวเตียงเขาเปิดผ้าห่มออกเล็กน้อยด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็เหลือบไปเห็นขาทั้งสองข้างที่ใส่ถุงน่องเอาไว้
ไป๋ยี่เฟย “……”
ถ้าจะให้ถอดคงไม่ได้ ถ้าถอดไปต่อให้อธิบายยังไงก็คงฟังไม่ขึ้นแล้ว
ว่าแล้วไป๋ยี่เฟยก็กัดฟันฉีกถุงน่องส่วนที่เป็นฝ่าเท้าออก
“แคว็ก!”
ถุงน่องฉีกออก
พอไป๋ยี่เฟยเห็นภาพนี้เข้า หัวใจของเขาก็เต้นรัว กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
เชื่อว่าผู้ชายคนไหนมาเห็นภาพนี้เข้าก็ต้องมีการตอบสนองบ้างแหละ โดยเฉพาะการฉีกถุงน่องเนี่ย
จู่ๆ ความคิดแย่ๆ ก็พูดขึ้นมาในหัวของไป๋ยี่เฟย เขารีบส่ายหน้า “ช่วยคนสำคัญ ช่วยคนสำคัญ”
จากนั้น เขาก็คว้าขาข้างหนึ่งของหลงหลิงหลิงขึ้นมา ตอนที่กำลังจะใช้ไวน์เช็ดฝ่าเท้าให้หลงหลิงหลิงอยู่นั้นก็ได้มีเสียงเคาะประตูที่เร่งรีบดังขึ้น
“ก๊อกๆ ก๊อก……”
ไป๋ยี่เฟยตกใจจนสะดุ้ง เขารีบวางเท้าของหลงหลิงหลิงลง
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกละอายใจ พอเห็นว่าหลงหลิงหลิงยังไม่ตื่น เขาจึงรีบวิ่งไปเปิดประตู “นั่นใคร?”
พอประตูเปิดออก ก็ได้มีผู้หญิงที่หุ่นดีมาก หน้าตาสะสวย แต่งตัวดูดีปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของไป๋ยี่เฟย
ดูเธออายุยังไม่มาก น่าจะแค่ยี่สิบต้นๆ ตอนนี้เธอกำลังยืนพิงอยู่ข้างประตูด้วยท่าทางที่งัวเงีย
พอประตูเปิดออก เธอก็ผลักไป๋ยี่เฟยออก จากนั้นก็เดินเข้าห้องไป
ไป๋ยี่เฟยถึงกับงงไปแปบหนึ่ง จากนั้นก็ถามเธอว่า “ไม่ทราบคุณเป็นใคร? เข้าห้องผิดรึเปล่าครับ?”
หญิงสาวไม่ได้สนใจสิ่งที่ไป๋ยี่เฟยถาม พอเข้าห้องไปเธอก็โยนกระเป๋าลงที่โซฟา จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมออก ส่วนรองเท้าก็ถูกถอดออกอย่างง่ายดาย
เธอเดินโซเซเข้าไปข้างใน ระหว่างที่เดินก็ใส่เสื้อผ้าไปด้วย
ไป๋ยี่เฟยถึงกับอึ้งไปเลย
ตอนนั้นเอง ที่โถงทางเดินก็ได้มีเสียงคนเดินดังขึ้น ไป๋ยี่เฟยจึงรีบปิดประตูลง
จากนั้นก็รีบจามหญิงสาวคนนั้นเข้าไป คว้าแขนเธอไว้ “ผมถามว่าคุณเป็นใคร?”
ตอนนี้บนร่างกายของหญิงสาวเหลือแค่เสื้อซับตัวน้อยกับชุดชั้นในเท่านั้น เธอโซเซหันมามองไป๋ยี่เฟย แถมยังสะอึกด้วย “คุณเป็นใครเนี่ย?”
ไป๋ยี่เฟยแทบสำลัก จากนั้นก็ตะคอกไปว่า “แม่ง นี่มันห้องผมนะ จู่ๆ คุณก็เข้ามาในห้อง แถมยังมาถามว่าผมเป็นใครเนี่ยนะ?”
หญิงสาวสะอึกอีกครั้ง บวกกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่โชยมา
ไป๋ยี่เฟยคิด เธอน่าจะเมาหนักแล้วเข้าผิดห้อง
ว่าแล้วไป๋ยี่เฟยก็โบกมือใกล้ๆ หน้าเธอ “นี่คนสวย คุณพักอยู่ห้องไหนครับ? เดี๋ยวผมไปส่งเอามั้ย?”
สิ้นเสียง หญิงสาวก็ฟุบลงบนตัวของไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยถึงกับอึ้งไปเลย