ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 680
บทที่680 แรงฮึกเหิม
ไป๋ยี่เฟยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วพูดไปว่า “พวกคุณช่วยรอตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมขึ้นไปดูก่อน แล้วทำทุกอย่างตามที่วางแผนไว้”
หลี่เสว่พยักหน้า “ค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยเดินขึ้นชั้นบนไป
แต่หลังจากที่เขาขึ้นไปได้ไม่นาน ก็มีรถสปอร์ตที่ค่อนข้างโดดเด่นคันหนึ่งขับเข้ามาในโรงพยาบาล จากนั้นก็จอดอยู่ที่หน้าประตูของโรงพยาบาล
ซุนเหาลงมาจากรถคันนั้น แถมยังถือกุหลาบมาด้วยช่อหนึ่ง สิ่งเดียวที่เขาเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้ก็คือ เขามาในชุดสูทที่ไม่เหมือนเดิม สีน้ำเงินประกายมุข มันทำให้เขายิ่งดูดีขึ้นไปอีก
เขาถือช่อกุหลาบเข้ามาในห้องโถง เดินมาถึงตรงหน้าของหลี่เสว่ ยื่นช่อกุหลาบให้หลี่เสว่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “เสว่เอ๋อ กุหลาบช่อนี้ให้คุณครับ”
พอหลี่เสว่ได้เห็นซุนเหา สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันอยู่ที่นี่?”
หลี่เสว่ไม่ได้รับดอกไม้ แต่ซุนเหาก็ยังดึงดันที่จะยัดมันให้เธอ เขาตอบคำถามของหลี่เสว่ไปแล้วตั้งคำถามไป “แปลกตรงไหนครับ? ในเมืองหลวงแห่งนี้ การที่ผมอยู่รู้ว่าคนๆ ไปไหนบ้างมันก็เป็นเรื่องที่ง่ายมากเลยไม่ใช่เหรอครับ?”
หลี่เสว่ผลักดอกไม้ของซุนเหาออกไป แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจว่า “ซุนเหา คุณรู้แล้วนี่คะว่าฉันแต่งงานแล้ว คุณอย่าทำแบบนี้อีกเลยนะคะ”
ซุนเหาถูกหลี่เสว่ปฏิเสธอีกครั้ง แน่นอนว่าสีหน้าต้องดูไม่ดีบ้าง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา เหมือนเขาจะยังรู้สึกเสียดายหลี่เสว่อยู่ “เสว่เอ๋อ ทั้งๆ ที่คุณเพียบพร้อมขนาดนี้ สวยขนาดนี้ คุณควรได้อยู่กับผู้ชายที่ดีกว่านั้น แต่ทำไมคุณถึงต้องไปแต่งานกับนักธุรกิจต๊อกต๋อยจากเมืองเล็กๆ นั่นด้วย?”
“เสว่เอ๋อ คุณไม่คิดจะหันมามองผมบ้างเลยเหรอครับ? ผมหล่อกว่ามัน รวยกว่ามัน แถมยังทรงอำนาจมากกว่า ดีกว่ามันทุกอย่าง คุณมองไม่เห็นผมบ้างเลยเหรอครับ?”
“เสว่เอ๋อ คุณช่วยพิจารณาผมหน่อยจะได้มั้ยครับ? หย่ากับนักธุรกิจต๊อกต๋อยนั่นซะ มันไม่สามารถเติมเต็มความสุขให้คุณได้หรอกครับ ผมต่างหากล่ะที่ทำได้ ไม่ว่าคุณต้องการอะไร ผมก็สามให้คุณได้ทั้งนั้น”
“ที่สำคัญ คุณเองก็รู้ว่าพ่อผมนั้นเป็นรองประธานของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงด้วยเหมือนกัน ถ้ามีเขาอยู่ด้วย การทำงานของคุณก็จะง่ายขึ้นแน่นอน ถ้าคุณต้องการละก็ แม้แต่ตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจรุ่นต่อไปก็สามารถจัดการให้คุณได้นะครับ”
หลังจากหลี่เสว่ได้ฟังสิ่งที่ซุนเหาพูดมาทั้งหมด สิ่งที่เธอสนใจมีเพียงแค่คำเดียวก็คือ นักธุรกิจต๊อกต๋อย นับตั้งแต่ที่ไป๋ยี่เฟยรับโหวจวี๋กรุ๊ปมา ก็ไม่เคยมีใครเรียกเขาว่านักธุรกิจต๊อกต๋อยมาก่อนเลย
แต่ถ้าลองมาคิดดูแล้วมันก็จริง เดิมทีซุนเหาก็ดูถูกนักธุรกิจที่สุดแล้วการที่เขาจะพูดแบบนี้ออกมามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เขาเองก็เป็นคนของทางสหพันธ์ ส่วนนักธุรกิจเหล่านั้นก็ถูกควบคุมโดยทางสหพันธ์ ถ้าเขาออกไปทำงานข้างนอก แล้วเจอกับพวกนักธุรกิจเข้า ด้วยฐานะของเขา นักธุรกิจเหล่านั้นก็จะปฏิบัติกับเขาดีเป็นพิเศษ จนถึงขั้นประจบประแจงเอยพูดจาเยินยอเอย
สรุปสุดท้าย ซุนเหาจึงรู้สึกว่านักธุรกิจเหล่านั้นเป็นคนที่อยู่ระดับต่ำกว่าตัวเองอยู่แล้ว เขาจึงไม่ให้เกียรติพวกเขานั่นเอง
พอซุนเหาเห็นว่าหลี่เสว่ไม่พูดอะไร เขาจึงได้ก้าวมาข้างหน้า ยื่นมือมาพร้อมกับพูดออกมาอย่างเร่งรีบว่า “เสว่เอ๋อ คุณช่วยพิจารณาผมหน่อยได้มั้ยครับ?”
แต่เธอก็ก้าวถอยหลังตามไป เพื่อหลบมือที่ยั้วเยี้ยของซุนเหา แล้วยิ้มอย่างไม่ชอบใจ “ซุนเหาคะ การกระทำของคุณนี่มันตลกสิ้นดี”
ซุนเหาชะงักไป จากนั่นก็ขมวดคิ้ว “นี่คุณหมายความว่ายังไง?”
หลี่เสว่ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจอีกครั้ง “คำพูดกับการกระทำของคุณมันทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงมากเลยค่ะ ที่สำคัญคุณไม่ได้รู้จักสามีของฉันเลยสักนิด สามีของฉันนั้นรวยมาก รวยกว่าคุณอีก อีกอย่าง ตอนนี้ฉันก็เป็นรองประธานของสหพันธ์แล้ว ตำแหน่งของฉันอยู่สูงกว่าคุณ เหตุผลที่เราอยู่ด้วยกันนั้นไม่ได้เป็นเพราะเงิน และไม่ได้เป็นเพราะอำนาจด้วย”
“เป็นไปไม่ได้!” ซุนเหาไม่เชื่อ จู่ๆ เขาก็โมโหขึ้นมา “ผู้หญิงน่ะต้องชอบเงินอยู่แล้ว และพวกผู้หญิงต่างก็ปากแข็งกันทั้งนั้น ปากบอกไม่ชอบ แต่ในใจนั้นรักยิ่งกว่าชีวิต พวกคุณก็แค่อยากให้คนอื่นมองว่าตัวเองใสซื่อบริสุทธิ์เท่านั้น”
“อีกอย่างนะ ที่คุณบอกว่ามันรวยกว่าผมน่า อย่ามาล้อเล่นหน่อยเลย”
“รถสปอร์ตที่จอดอยู่หน้าประตูน่ะเห็นมั้ย? สามีของคุณมันซื้อไหวมั้ย? ผมว่านะ อย่าว่าแต่ซื้อเลย แม้แต่เห็นยังไม่เคยเห็นเลยมั้ง!”
“ผมรู้นะว่าเมื่อกี้ตอนที่พวกคุณน่ะนั่งแท็กซี่ที่โรงพยาบาล มันไม่มีรถเป็นของตัวเองเลยด้วยซ้ำ แล้วยังจะมาบอกผมว่ามันรวยอีกนะเหรอ?”
“เสว่เอ๋อ ขอแค่คุณเลือกผม ผมสามารถซื้อรถสปอร์ตให้คุณได้ ให้คุณได้นั่งรถสปอร์ตทุกวัน”
“เสว่เอ๋อ มาอยู่กับผมนะ ผมรักคุณมากกว่ามัน ผมจะทำดีกับคุณด้วยหัวใจ”
ระหว่างที่พูดนั้น ซุนเหาก็เริ่มคึกขึ้นมาอีกครั้ง จนอยากจะยื่นมือไปหาหลี่เสว่อีก
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
จู่ๆ เสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเยือกเย็นก็ดังขึ้น
ไป๋ยี่เฟยเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกับเข็นหลงหลิงหลิงที่นั่งอยู่บนรถเข็น พอออกมาก็เห็นซุนเหาที่กำลังจะลงไม้ลงมือกับหลี่เสว่เข้าพอดี ซึ่งตอนนี้เขากำลังมองหน้าซุนเหาด้วยสายตาที่เย็นเยือก
พอซุนเหาเห็นว่าเป็นไป๋ยี่เฟย เขาก็หยุดการกระทำของตัวเองลงทันที
ไปไป๋ยี่เฟยเข็นหลงหลิงหลิงมาถึงตรงหน้าของหลี่เสว่ จากนั้นก็ปล่อยมือออกจากรถเข็น ยืนอยู่ตรงหน้าของหลี่เสว่พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ซุนเหา แล้วพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “คุณชื่อซุนเหาใช่มั้ย? คิดจะทำอะไรกับภรรยาของผมอย่างนั้นเหรอ?”
ตอนอยู่ที่อาคารสหพันธ์ธุรกิจ ซุนเหานั้นคำนึงถึงคนอื่นๆ จึงได้รักษาภาพพจน์ที่เป็นสุภาพบุรุษของตัวเองเอาไว้ แต่ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล การถูกไป๋ยี่เฟยมาขัดขวางการที่กำลังทำดีกับหลี่เสว่แบบนี้ เมื่อเอาความโกรธของทั้งสองครั้งมารวมกันมันก็ทำให้เขาแสดงต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
ซุนเหาพูดกับไป๋ยี่เฟยพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจ “บอกมาว่าแกต้องการเงินเท่าไหร่?”
“เงินเหรอ?” ไป๋ยี่เฟยรู้สึกงงเล็กน้อย
ซุนเหายิ้มอย่างไม่ชอบใจต่อไป “แกต้องการเท่าไหร่ถึงยอมหย่ากับเมียของแก?”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไป
เมื่อสองปีก่อน ไป๋ยี่เฟยนั้นอยู่เพื่อเงินจริงๆ และเคยถูกเอาเงินฟาดหัว แต่ในตอนนี้ เขาไม่ได้ขาดแคลนเลยสักนิดเหมือนนานมากแล้วที่ไม่มีคนเอาเงินมาฟาดหัวเขาแบบนี้
ไป๋ยี่เฟยแสยะยิ้มออกมา “นี่คุณเห็นผมจนขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ซุนเหาขำออกมาอย่างดูถูก “ตั้งแต่หัวจรดเท้าก็มีแต่ของราคาถูก ถ้าอย่างแกไม่เรียกว่าจน แล้วแบบฉันรึไงถึงเรียกว่าจน? เห็นรถสปอร์ตที่จอดอยู่ข้างหน้านั่นมั้ย? ยี่สิบกว่าล้าน มันเป็นของฉัน แกมีปัญญาซื้อมันมั้ย?”
ไป๋ยี่เฟยไม่อยากสนใจพฤติกรรมที่ปัญญาอ่อนแบบนี้เลยแม้แต่น้อย ว่าแล้วเขาก็กันไปพูดกับหลี่เสว่ว่า “ที่รักครับเดี๋ยวผมมีอะไรดีๆ ให้คุณดู”
หลี่เสว่พยักหน้า
ไป๋ยี่เฟยเข็นรถเข็นออกไปด้านนอก หลี่เสว่เดินตามอยู่ข้างหลัง ซาเฟยหยางก็ตามไปเหมือนกัน
ระหว่างทาง หลงหลิงหลิงก็ได้ทักทายกับหลี่เสว่ “เสว่เอ๋อ ไม่เจอกันนานเลยนะ”
หลี่เสว่ยิ้มให้เธอ จากนั้นก็พูดไปว่า “ดูท่าทางเธอจะป่วยหนักอยู่นะ เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
หลงหลิงหลิงยิ้มออกมาด้วยความจนใจ “ความจริงมันไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่ท่านประธานเป็นคนให้ฉันนั่งรถเข็นเองค่ะ”
พวกเขาเดินออกไปด้านนอก พูดคุยกันไป โดยไม่มีใครสนใจซุนเหาเลย
ซุนเหายืนอึ้งอยู่กับที่ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยมีใครเมินเฉยใส่เขาแบบนี้มาก่อน
ว่าแล้วเขาก็หันหลังตามไป จากนั้นก็ตะโกนใส่ไป๋ยี่เฟยว่า “ไป๋ยี่เฟย! อย่าแสร้งทำเหมือนตัวเองสูงส่งเลย ฉันรู้ว่าพวกแกมันต้องการเงิน ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง บอกมาว่าแกต้องการเท่าไหร่?”
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจซุนเหาเลยแม้แต่นิดเดียว เขาแค่พูดกับหลี่เสว่และหลงหลิงหลิงว่า “ดูนี่นะครับ”
ทันทีที่ไป๋ยี่เฟยชี้ไปยังท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอก หลี่เสว่กับหลงหลิงหลิงก็เงยหน้าขึ้นไปมอง
“ตู้มต้าม!”
“ปั้ง!”
จู่ๆ บนท้องฟ้าก็มีดอกไม้ไฟมากมายปะทุขึ้น ทำให้ท้องฟ้าที่มืดมิดเมื่อกี้ส่องแสงสว่างไสวไปด้วยสีสันมากมาย
ดอกไม้ไฟระเบิด สีสันสวยงาม
หลี่เสว่กับหลงหลิงหลิงต่างก็อึ้งไปเลย
ผู้หญิงนั้นต้องชอบความงดงามที่อลังการดังความฝันแบบนี้อยู่แล้ว พอได้เห็นมันก็เหมือนได้เห็นความงดงามที่ไม่อาจเป็นไปได้
แม้แต่ซาเฟยหยางยังอึ้งไปเลย
ซุนเหาที่อยู่ด้านหลังพวกเขาได้เงียบและยื่นนิ่งไปแล้ว ราวกับว่าถูกกดปุ่มหยุดเอาไว้
ส่วนฉินซานที่กำลังอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลนั่น ตอนแรกก็ตั้งใจจะจับข้อมือของโจวฉวี่เอ๋อไว้ ก็ถูกโจวฉวี่เอ๋อเหวี่ยงทิ้งไป ทันใดนั้นเอง เสียงของดอกไม้ไฟบนท้องฟ้าก็ดังขึ้นโจวเสว่เอ๋อกับฉินหัวยืนนิ่งอยู่กับที่ เงยหน้าไปมองท้องฟ้าราวกับลืมเหตุการณ์รอบตัวไปจนหมด
ส่วนคู่รักที่อยู่บนท้องถนน เพื่อนฝูง เถ้าแก่ที่กำลังจัดร้าน คนแก่ตามสวนสาธารณะ ใครก็ตามที่เห็นดอกไม้ไฟนี้เข้าต่างก็ลืมเรื่องที่ตัวเองกำลังทำอยู่ พากันเงยหน้าขึ้นมามอง
จนผ่านไปพักใหญ่ ซุนเหาก็ได้สติกลับมา แล้วพูดอย่างดูถูกว่า “ก็แค่ดอกไม้ไฟนี่? ไม่เห็นพิเศษตรงไหนเลย? ดอกไม้ไฟมันจะแพงสักแค่ไหนเชียว?”
ไป๋ยี่เฟยนังคงไม่สนใจ แต่จู่ๆ เขาก็กางแขนทั้งสองข้างออก
ทันใดนั้นเอง
“ตู้มต้าม! ตู้มต้าม!”
จู่ๆ เมืองหลวงครึ่งหนึ่งก็มีดอกไม้ไฟพุ่งออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน ท้องท้องฟ้าสว่างขึ้นมาทันที
ท้องฟ้ากว่าครึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้ไฟหลากสี
แต่มันยังไม่จบแค่นั้น
ดอกไม้ไฟยังพุ่งขึ้นไปไม่หยุด ลอยขึ้นไปเบ่งบานอยู่บนท้องไฟอย่างไม่ขาดสาย
ซุนเหาอึ้งไปอีกครั้ง
การที่จะทำให้เมืองกว่าครึ่งส่องแสงไปด้วยดอกไม้ไฟนั่นมันต้องใช้เงินไม่น้อยเลย
หลี่เสว่กับหลงหลิงหลิงถูกภาพนี้สะกดไปเรียบร้อยแล้ว พวกเธอในตอนนี้ กำลังเพลิดเพลินกับความงามที่แสนอลังการของดอกไม้ไฟพวกนี้อยู่ จนลืมผู้คนแล้วทุกอย่างรอบตัวไปจนหมด
ตอนท้ายของดอกไม้ไฟที่แสนอลังการเหล่านั้นก็ได้ปรากฏอักษรใหญ่ห้าตัวว่า
“เสว่เอ๋อ ผมรักคุณ”