ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 685
บทที่ 685 คนคนนี้ฉันดูไม่ออก
ไป๋ยี่เฟยฟังจบแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ถามขึ้น“ถ้าอย่างนั้นพี่อยู่ระดับไหน?”
ซาเฟยหยางพูดยิ้มๆ“ถ้าเป็นเมื่อสิบหกปีก่อน ฉันจัดอยู่ในระดับที่สอง แต่พอผ่านมาหลายปี ระดับที่สองนี้ของฉันนี้ก็เกรงว่าจะไม่ตรงกับความเป็นจริงอยู่ไม่น้อยแล้วเหมือนกัน”
ไป๋ยี่เฟยนิ่งขรึมไปสักพัก ก่อนจะถามขึ้นต่อ“คนที่ชื่อฉินซานที่พวกเราเห็นตรงทางเข้าโรงพยาบาลคนนั้น คุณรู้สึกว่าเขาอยู่ระดับไหน?”
ซาเฟยหยางขมวดคิ้วครุ่นคิด จากนั้นก็ส่ายหัวพูดขึ้น“ตัวเขาไม่มีวิชาเสริมพลังอ้านจิ้งไว้เลย ดูทรงแล้วน่าจะระดับที่สามชั้นสูง แต่ว่าเขาก็ให้ความรู้สึกอันตรายอยู่ไม่น้อย”
“แต่ฉันก็เคยได้ยินว่ามีคนประเภทที่ไม่ฝึกฝนวิชาเสริมพลังอ้านจิ้งเลย แต่กลับสามารถจัดอยู่ในระดับสองได้ คนคนนี้ฉันดูไม่ออก แต่สามารถสัมผัสได้ว่าเขาแข็งแกร่งมาก”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็นึกถึงอาจารย์ของตัวเอง ไม่รู้ว่าเขาจัดอันดับอยู่ที่ระดับไหน
ระหว่างพูดคุยกัน พวกเขาก็มาถึงสนามบิน จากนั้นทุกคนก็ขึ้นไปบนเครื่องบิน บินสู่เมืองหลวง
……
ณ เขตคฤหาสน์สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง
ในห้องใต้ดินของคอนโดหลังหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งถูกโซ่เหล็กล่ามสองมือสองเท้าเอาไว้ กางแขนกางขา ชายคนนั้นทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด ก้มหน้าอยู่ นี่ก็คือหนิววั่งนั่นเอง
ส่วนข้างๆมีผู้ชายที่เด็กมากอยู่หนึ่งคน ชายคนนี้เป็นลูกชายของหนิววั่ง
เสื้อผ้าของหนิววั่งถูกซ้อมจนขาดเละไปหมด สามารถมองทะลุไปเห็นรอยแผลมากมาย บางแผลถึงขนาดที่ยังมีเลือดไหลออกมาอยู่ ใบหน้าก็มีรอยเลือด สรุปคือทั่วทั้งตัวมีบาดแผลรอยฟกช้ำอยู่เต็มไปหมด
ลูกชายของเขาสภาพก็ไม่ต่างอะไรกับเขามาก ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล แถมนิ้วก้อยข้างซ้ายยังขาดอีกด้วย
ในเวลานี้ตรงหน้าของพวกเขามีคนสองสามคนกำลังล้อมพวกเขาไว้อยู่ หนึ่งในนั้นคือซุนเหาสวมชุดสูทสีน้ำเงิน
ซุนเหาหน้าสดใสดูดี ตรงกันข้ามกับสภาพที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำของทั้งสองคน
เขาเดินตรงไปหยุดตรงหน้าของหนิววั่ง มองเขาด้วยความรังเกียจและดูแคลนสุดๆ พร้อมกับพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน“ถึงยังไงก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หักหลังมันอยู่แล้ว ทำอีกสักครั้งมันจะเป็นไรไป? เพื่อแลกกับชีวิตของลูกแกไงล่ะ!”
ในสายตาของซุนเหา คนแบบหนิววั่ง เป็นคนประเภทที่น่าสมเพช น่าอัปยศอดสู การที่ให้เขาลดตัวมาสอบสวนด้วยตัวเองแบบนี้ มันช่างลดระดับสถานภาพของเขาสุดๆ
แต่ซุนหมิงเจี้ยนบอกว่า นี่เป็นโอกาสที่เขาร้องขอมาจากเต้าจ่างโดยเฉพาะเลย เพราะว่าเต้าจ่างอยากรู้มากๆ ว่าไป๋ยี่เฟยออกทะเลไปทำไมกันแน่?
ดังนั้นเต้าจ่างจึงใช้ลูกชายของหนิววั่งมาข่มขู่เขาในตอนแรก แต่ในตอนนั้นหนิววั่งแค่ยอมร่วมมือทรยศไป๋ยี่เฟยเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกเต้าจ่างว่าเป้าหมายที่ไป๋ยี่เฟยไปหลันเต่านั้นคืออะไร
ครั้งนี้พวกเขาจับตัวหนิววั่งมาได้แล้ว ดังนั้นเต้าจ่างจึงอยากจะล้วงความลับนี้ออกมา ด้วยเหตุนี้ซุนหมิงเจี้ยนจึงขอโอกาสนี้มาจากเต้าจ่าง แล้วเขาก็มอบโอกาสนี้ให้กับลูกชายของตัวเอง เป้าหมายเพื่อให้ลูกชายของตัวเองมีหน้ามีตาในสหพันธ์ธุรกิจมากขึ้นนั่นเอง
ส่วนเรื่องที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ถ้าพวกเขารู้ความลับพวกนี้แล้ว จากนิสัยใจคอของเต้าจ่างแล้ว จะเก็บพยานที่รู้เห็นเรื่องราวไว้ยังไงเหรอ?
หนิววั่งพูดขึ้นอย่างอ่อนแรง“ถูกทรยศไปครั้งหนึ่งแล้ว……ไม่มีทางทรยศได้อีกแล้ว……พวกแกฆ่าฉันซะเถอะ……”
ตอนที่พูด มุมปากของเขาก็ยังคงมีเลือดไหลออกมา
ซุนเหาถอยหลังไปสองก้าวด้วยความรังเกียจทันที คิ้วขมวด ใช้มือกุมจมูกของตัวเองเอาไว้“ให้ตายสิ น่าขยะแขยงสิ้นดี!แกอยากตายขนาดนั้น ฉันจะบอกแกให้นะ ไม่มีทางหรอก!”
“ถ้าแกยังไม่พูดออกมาอีก ฉันก็จะตัดนิ้วลูกของแกอีกหนึ่งนิ้ว!”
หนิววั่งเงยหัวขึ้นมา ทั้งตกใจทั้งโมโห“อย่าไปแตะต้องตัวเขา ถ้าจะทำก็มาทำกับฉัน!”
ซุนเหายิ้มอย่างเย้ยหยัน“ทำกับแกแล้วจะมีประโยชน์เหรอ? แกไม่ยอมพูดออกมา ลูกของแกก็ไม่รู้ แถมแกก็ใส่ใจลูกของแกขนาดนี้ ดังนั้นทำกับมันนี่แหละดีที่สุดแล้ว!”
“ถ้าแกกล้าทำอะไรลูกฉัน ต่อให้ฉันตายกลายเป็นผีก็ไม่มีทางปล่อยแกไปแน่!”หนิววั่งจ้องซุนเหาตาเขม็ง
หนิวต้าย ก็เป็นลูกชายของหนิววั่ง เขามองหนิววั่งด้วยความทุกข์ทรมาน“พ่อ พ่อบอกพวกเขาไปเถอะ……ผมไม่อยากตาย……ผมกลัว……”
หนิววั่งเห็นสภาพที่น่าอนาถของลูกชายตัวเอง ก็รู้สึกเจ็บปวดใจสุดๆ แต่กลับพูดขึ้นอย่างกล้ำกลืน“ลูก พ่อขอโทษลูกด้วยนะ พ่อพูดไม่ได้ ถ้าพูดไปแล้ว พวกเราก็จะมีแต่ตายเร็วขึ้นเท่านั้น”
“อีกอย่าง พ่อทำเรื่องผิดพลาดมาเยอะแล้ว ไม่อยากจะทำผิดพลาดอีก เพื่อลูกแล้ว พ่อถึงกับต้องทำร้ายพี่น้องของตัวเอง พ่อไม่อยากทำผิดพลาดอีกต่อไปแล้ว พ่อรู้ว่าไม่ควรให้ลูกมาแบกรับผลที่ตามมาแบบนี้ แต่ว่า ลูกเป็นลูกของพ่อนะ!”
หนิววั่งรู้ดี ถ้าเต้าจ่างรู้ความลับนี้แล้ว ถึงตอนนั้น ด้วยจิตใจที่ชั่วร้ายและความโลภความต้องการของเต้าจ่าง จะนำพาภัยพิบัติหายนะมาให้กับมนุษย์โลกแน่นอน
ดังนั้นเขาทำแบบนี้ไม่ได้
หนิวต้ายร้องไห้คร่ำครวญ ร่างกายสั่นไปหมด“พ่อ แต่ว่าผมไม่อยากตายจริงๆ……”
หนิววั่งเห็นสภาพแบบนี้ของลูกชาย ก็เจ็บปวดใจจนถึงที่สุด ยิ่งกล้ำกลืนฝืนทนมากขึ้นไปอีก
ซุนเหามองภาพตรงหน้านี้ ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ถึงขนาดที่ยังหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยันด้วยซ้ำ“ไหนๆก็เป็นแบบนี้แล้ว ฉันก็จะทำให้สาสมใจพวกแกก็แล้วกัน มานี่ ตัดนิ้วของมันอีกหนึ่งนิ้ว”
ชายกำยำที่ยืนอยู่ข้างๆพยักหน้า จากนั้นก็หยิบกรรไกรที่ใช้ตัดกิ่งไม้เดินตรงไปยังหนิวต้าย
หนิวต้ายตกใจจนสั่นไปทั้งตัว ในตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขัดขืนอย่างสุดชีวิต ด้วยแรงขัดขืนทำให้โซ่เหล็กที่ตรึงเอาไว้ขยับจนเกิดเสียงดัง
“อย่านะๆ พ่อ ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย พ่อบอกพวกเขาไปสิ อย่านะ!”
หนิววั่งมองภาพตรงหน้านี้ พร้อมกับกัดฟันกรอดๆ เนื่องด้วยความตื่นตัวทำให้กระอักเลือดออกมา
ซุนเหายังคงไม่รู้สึกอะไร
เขาแค่รู้สึกกระอักกระอ่วนกลิ่นคาวของเลือดที่เหม็นคลุ้งไปทั่วทั้งห้องนี้เท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงถอยหลังไปอีกสองสามก้าว จากนั้นก็หันไปพูดยิ้มๆกับสาวสวยที่ยืนอย่างเชื่อฟังอยู่ข้างหลัง“ตื่นเต้นไหม? บอกแล้วว่าจะพาพวกคุณมาดูสิ่งที่มันน่าตื่นเต้น ผมไม่ได้โกหกใช่ไหมล่ะ!”
“อา คุณหนูฟาง คุณสูงส่งมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเส้นสายของพ่อผม วันนี้ก็คงจะไม่สามารถเชิญคุณมาได้แน่ๆ!”
มีผู้หญิงรูปร่างดีประมาณห้าหกคนยืนอยู่ข้างหลังของเขา พวกเธอแต่ละคนแต่งกายวับๆแวมๆ
ถ้าโจวฉวี่เอ๋ออยู่ที่นี่ด้วยล่ะก็ เธอจะต้องตกใจจนร้องออกมาแน่นอน เพราะว่าสาวสวยพวกนี้ล้วนแต่เป็นดารากันทั้งนั้น สองสามคนในนี้ก็เป็นเกิร์ลกรุ๊ปหน้าใหม่ โจวฉวี่เอ๋อก็เป็นแฟนคลับของพวกเธอด้วยเหมือนกัน
คนพวกนี้สามารถดังขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แค่มีเส้นสายจากซุนหมิงเจี้ยน ในวงการบันเทิง การแอบเล่นเส้นแบบนี้มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ดูจากตอนนี้แล้ว ผู้หญิงพวกนี้ เป็นผู้หญิงที่ซุนหมิงเจี้ยนและซุนเหาสามารถจะใช้การได้ตามใจชอบ
ยกเว้นฟางหยันคนเดียว
ฟางหยันหน้าตาสวยงาม ซุนเหาอยากจะมีอะไรกับเธอมาโดยตลอด แต่ฟางหยันไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย ซุนเหาทำได้แค่ใช้เส้นสายจากพ่อของเขาเท่านั้น ถึงเชิญเธอมาได้
ผู้หญิงพวกนี้ล้วนแต่ถูกเลี้ยงดูเหมือนไข่ในหิน ไม่เคยเห็นภาพที่โชกเลือดอะไรแบบนี้มาก่อน จึงต่างพากันตกใจกลัวไม่กล้าพูดอะไร
ฟางหยันก็ตกใจเหมือนกัน เธอสีหน้าซีดขาว ส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้น“ไม่ใช่นะคะ คุณชายซุนเข้าใจผิดแล้วค่ะ ช่วงนี้ฉันตารางงานแน่นมาก ไม่ค่อยมีเวลา ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณเป็นคนเชิญ ฉันจะกล้ามาได้ยังไง?”
ฟางหยันรู้สึกกลัวมาก เธอกลัวว่าถ้าซุนเหาไม่สบอารมณ์ จะจับตัวเธอไว้ จากนั้นก็จะใช้วิธีการพวกนี้มาจัดการกับเธอเหมือนกัน
“อ๊าก!”
เสียงร้องที่ดังขึ้นอย่างน่าอนาถใจ ทำให้ผู้หญิงพวกนี้ตกใจจนสะดุ้งสั่นไปทั้งตัว
ในเวลานี้เอง หนิววั่งด่าทอออกมาด้วยความโกรธ“ซุนเหา ไอ้ชาติชั่ว!”
นิ้วข้างหนึ่งของหนิวต้ายถูกตัด ตกลงบนพื้น เขาเจ็บปวดจนหมดสติไปเรียบร้อยแล้ว
ซุนเหาไม่ได้หันไปมองพวกเขา เขาเองก็ไม่อยากมองภาพพวกนี้ให้สกปรกลูกตา ตอนนี้เขาสนใจแต่ดาราสาวสวยที่ชื่อว่าฟางหยันคนนี้เท่านั้น
มองดูเธอที่ตกใจกลัวจนตัวสั่น เกิดความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในใจ เลื่อนสายตามองไปยังสองก้อนของเธอ ก่อนจะกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเอาเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน
“ว้าย!”
ฟางหยันร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่กลับไม่กล้าขัดขืนอะไรเขา
ซุนเหากอดสาวสวยที่ใจของตัวเองปรารถนาและต้องการ สบายจิตสบายใจสุดๆ ก้มลงจูบฟางหยันด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย แล้วก็ไม่สนว่าที่นี่จะมีคนอยู่เยอะแยะมากมายขนาดไหน
เสียงด่าทอของหนิววั่งดังขึ้นมาอีกครั้ง“ไอ้ชั่ว!แกไม่ได้ตายดีแน่!แกจะต้องถูกไป๋ยี่เฟยจับได้แล้วสับแกเป็นชิ้นๆแล้วโยนให้หมาแดกสักวัน!”
ซุนเหาไม่สนใจพวกนี้เลยสักนิด แต่เขาได้ยินชื่อของไป๋ยี่เฟย สองตาก็หรี่ลง ผลักฟางหยันออก แล้วหันไปมองหนิววั่ง
จากนั้นเขาก็หยิบแซ่ในมือของชายกำยำที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะฟาดลงไปอย่างแรง“ไป๋ยี่เฟย!อย่ามาพูดถึงชื่อนี้ให้ฉันได้ยิน แกพูดขึ้นมาหนึ่งครั้งฉันก็จะฟาดแกไปหนึ่งที!”
“เพี๊ยะๆ……”
เสียงของแซ่ดังก้องไปทั่วท้องห้องใต้ดิน ผู้หญิงพวกนั้นรวมถึงฟางหยันสีหน้าต่างพากันซีดขาว
หนิววั่ง ตัวเองก็แค่หมอธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ถูกแซ่ฟาดไปขนาดนี้ ก็แทบจะรับไม่ไหว แต่เขาก็กัดริมฝีปากอย่างแรง ไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมา
ในที่สุด ซุนเหาก็ฟาดจนเหนื่อยแล้ว จึงหยุดลง
ส่วนหนิววั่งสงบลงเล็กน้อยก่อนจะเริ่มด่าเขาอีกครั้ง
ความเจ็บปวดที่ถูกแซ่ฟาดเข้าไปที่เนื้อหนังทำให้เขาเจ็บจนชาไปเรียบร้อยแล้ว แทนที่จะให้เขาตัดนิ้วลูกชายของตัวเอง ก็เบี่ยงบนความสนใจของเขาให้มาตีตัวเองดีกว่า
ผู้หญิงพวกนั้นพอเห็นภาพตรงหน้านี้ต่างก็ทนไม่ไหว แต่พวกเธอก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว
ซุนเหาหันไปตามคำด่าของเขา หยิบแซ่ขึ้นมาฟาดไปอีก จนกระทั่งหนิววั่งหมดสติไป เขาจึงหยุดลง
ซุนเหาทิ้งแซ่ลง พร้อมกับสบถหึออกมาอย่างเย้ยหยัน“หมานี่หว่า อ่อนแอสิ้นดี!”
พอพูดจบก็ถุยน้ำลายใส่หนิววั่งไปอีกหนึ่งที“ถุ้ย!”