ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 691
“คุณ……” ซุนหมิงเจี้ยนมองหนานหนานอย่างไม่น่าเชื่อ
หนานหนานพูดอย่างลำบาก “ท่านซุน……นี่……คือ…..ระดับ……สอง……”
ยังพูดไม่จบ ก็สลบไป
ซุนหมิงเจี้ยนมองตาค้าง
เขามองไม่เห็นซาเฟยหยางลงมือเลย หนานหนานก็กระเด็นออกไป นี่มันฝีมือคนละระดับกัน
ระดับสอง ซุนหมิงเจี้ยนคิด คำพูดสุดท้าย น่าจะเป็นยอดฝีมือ
ยอดฝีมือระดับที่สอง
ซุนหมิงเจี้ยนกลืนน้ำลาย
ซาเฟยหยางยิ้มให้ซุนหมิงเจี้ยน “คุณอยากเดินออกไปเองหรือให้ผมหามคุณออกไป?”
ซุนหมิงเจี้ยนได้ยินแล้วก็เข่าอ่อน คุกเข่าลงกับพื้น ขอร้องด้วยความหวาดกลัว “ปล่อยผมไปเถอะ ผมขอร้องปล่อยผมไปเถอะ ขอแค่ปล่อยผมไป อยากได้เงินเท่าไหร่ผมให้หมด”
ซาเฟยหยางส่ายหัว “เงิน? ทองคำเหรอ?”
ซุนหมิงเจี้ยนนึกว่าเขาอยากได้ทองคำ จึงรีบพยักหน้า “ทองคำก็ได้ ทองคำก็ได้ ถ้าอยากได้ผมให้หมด”
เมื่อซาเฟยหยางได้ยินคำว่าทองคำรอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไป
ทองคำ?
หลายปีนี้มา เขาดูทองคำทุกวัน นอนอยู่บนพื้นทองคำ แม้แต่ห้องน้ำก็ทำจากทองคำ เขาไม่เคยขาดทองคำ
จนกระทั่งทำให้เขารู้สึกเกลียดทองคำ
สิ่งที่เขาต้องการคือความอิสระ ไม่ใช่ทองคำ
ซาเฟยหยางมองซูหมิงเจี้ยนเฉยชา “ผมเกลียดทองคำที่สุด”
พูดจบแล้ว ก็ฟาดมือไป ซูหมิงเจี้ยนก็สลบนอนไปกับพื้น ซาเฟยหยางลากตัวเขาเดินไปทางคฤหาสน์
……
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน กี่นาที หรือกี่สิบนาที ฟางหยันที่ถูกลืมไว้ที่พื้นตื่นมา
เมื่อเธอเห็นว่าตัวเองอยู่ในลานจอดรถ และรถที่ถูกทุบจนเละ และบอดี้การ์ดสาวที่ทับแบนอยู่บนรถ ฟางหยันร้องเสียงดัง
“อ้าก”
ฟางหยันตกใจจนลุกจากพื้น ถอยหลังไปจนถึงมุมหนึ่ง กลัวว่าคนคนนั้นจะลงมือกับเธอ
แต่ผ่านไปสักครู่ พบว่าในลานจอดไม่มีคนอื่น ไม่มีแม้แต่เสียงอะไรเลย
เธอถึงตั้งสติ ค่อยๆลุกขึ้น จากนั้นก็เดินไปหน้ารถ พอเห็นหนานหนานถูกขังอยู่ในรถ ก็อึ้งไปทันที
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
เธอจำได้ว่าซุนหมิงเจี้ยนพูดว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นบอดี้การ์ดที่เก่งที่สุดของ แม้แต่ผู้หญิงคนนี้ยังถุงซ้อมจนขนาดนี้ ก็เห็นได้ว่าคนที่ซ้อมเขาเก่งขนาดไหน
คิดถึงจุดนี้ เธอก็หันหลังวิ่งหนีทันที ขณะที่เธอกำลังจะจากไป
ส่วนซุนหมิงเจี้ยน เธอก็ไม่ได้เป็นห่วงเขาแล้ว
แต่เธอวิ่งไปได้แค่สองก้าว เสียงแตรรถก็ดังขึ้น ไม่นาน ที่นี่ก็ถูกรถยนต์ล้อม
ฟางหยันอึ้งไปทันที
ตอนนี้เธอรู้สึกกังวล เพราะเธอเป็นดารา มีคนมามากมาย เป็นไปได้ที่จะมีคนรู้จัก และตอนนี้เธออยู่ในบ้านของรองประธานสหพันธ์ธุรกิจซุนหมิงเจี้ยน ถ้าเรื่องนี้ถูกลือออกไป เธอก็อย่าคิดที่จะอยู่ในวงการต่อเลย
ดังนั้นฟางหยันจึงกวาดตามองในลานจอด ตรงมุมของลานจอดมีกล่องกระดาษที่ไม่ใช้แล้ว จึงวิ่งกลับไปอย่างไม่ลังเล เข้าไปในกล่องกระดาษ จากนั้นก็ใช้กล่องอีกใบหนึ่งปิดกล่องเธอไว้ ซ่อนตัวเองไว้
จากนั้นเธอพบว่าที่กล่องมีรู เธอจึงใช้รูนั้นสังเกตเหตุการณ์ข้างนอก
เธอเพิ่งมองออกไป ก็มีคนวิ่งเข้ามาในลานจอดรถมากมาย
และมีหลายคนเดินไปหน้ารถที่หนานหนานติดอยู่ จากนั้นคนหนึ่งก็ร้องอย่างตกใจว่า “คนนี้คือ…..หนานหนาน”
จากนั้นหลายคนก็ตกใจ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“หนานหนานไม่ใช่ผู้มีฝีมือระดับสองเหรอ?”
“เถ้าแก่ รีบมาดู หนานหนานถูกคนใช้ฝ่ามือเดียวกระเด็นออก บนร่างไม่มีบาดแผลอื่นเลย”
“ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ต้องเป็นผู้มีฝีมือยอดฝีมือระดับที่สอง?”
“แล้วยังไง? เต้าจ่างให้ทุกคนของสหพันธ์ในเมืองหลวงล้อมไป๋ยี่เฟย แม้กระทั่งสี่ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลฉุงก็มาแล้ว ถึงแม้ข้างกายเขาจะมียอดฝีมือระดับที่สองก็ช่วยอะไรไม่ได้”
“งั้นพวกเราบุกเข้าไปตอนนี้เลย”
“ไม่ รอก่อน รอแน่ใจก่อนว่าซุนหมิงเจี้ยนตายในมือไป๋ยี่เฟยก่อน พวกเราค่อยเข้าไป”
“เพราะอะไร?”
“ไม่รู้ เต้าจ่างบอก”
……..
ในห้องรับแขกคฤหาสน์
ซุนหมิงเจียนถูกสาดน้ำเย็นจนตื่น เขารีบลืมตาขึ้นมา เห็นคนเต็มห้อง พวกไป๋ยี่เฟย แล้วก็หนิววั่งและลูกชาย และหมอ
หมอนั้นหลินขวางเป็นคนช่วยหา ตอนนี้พวกเขากำลังช่วยหนิววั่งและลูกชายทำแผล
ที่ไม่ได้โรงพยาบาลทันที เพราะว่าไป๋ยี่เฟยไม่กล้ารับประกันว่าระหว่างทางไปจะไม่มีคนมาขวางทาง ดังนั้นอยู่ข้างกายเขาปลอดภัยที่สุด
ส่วนข้างกายซุนหมิงเจี้ยน ยังมีลูกชายเขาซุนเหานอนอยู่ ซุนเหาก็ตื่นแล้ว กำลังตัวสั่น
เห็นภาพแล้ว ซุนหมิงเจี้ยนร้องเสียงดัง “ไป๋ยี่เฟย ออกมาเดี๋ยวนี้”
เพราะว่าพวกเขาแต่งกายเหมือนกันหมด ดูไม่ออกว่าไป๋ยี่เฟยเป็นใคร
ไป๋ยี่เฟยเดินออกมายืนอยู่ข้างหน้าเขา ย่อตัวลง มองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะพบว่า ในสายตาเขากำลังมีแววลุกเป็นไฟ
“หาผม?” ไป๋ยี่เฟยถาม
ซุนหมิงเจี้ยนพยักหน้า “ผมมีเรื่องจะพูด”
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบพูด พูดจบแล้วเชิญคุณดื่มชา” ไป๋ยี่เฟยพูดเสียงเรียบ
ซุนหมิงเจี้ยนอึ้ง “หมายความว่าอะไร? ดื่มชา?”
ไป๋ยี่เฟยยังคงนิ่ง น้ำเสียงเรียบเฉย “เชิญคุณไปดื่มชากับยมบาล”
ซุนหมิงเจี้ยนเข้าใจความหมายของเขาทันที ส่ายหัวอย่างหวาดกลัว “ไม่ คุณฆ่าผมไม่ได้ ไป๋ยี่เฟย คุณฆ่าผมไม่ได้”
“ทำไมถึงไม่ได้?” ไป๋ยี่เฟยพูดเสียงเย็นชา “ทำไมคุณฆ่าเพื่อนผมได้ ผมจะฆ่าคุณไม่ได้?”
ซุนหมิงเจี้ยนได้ยินแล้วก็รีบพูด “ไป๋ยี่เฟย นี่เป็นแผนการของเต้าจ่าง เขาตั้งใจวางแผน ก็เพื่อให้คุณฆ่าผม เขาจะได้……”
“ถึงจะใช้โทษที่ผมฆ่าคุณ ให้คนทั้งหมดของสหพันธ์ในเมืองหลวงมาล้อมฆ่าผม?” ไป๋ยี่เฟยต่อคำพูดของซุนหมิงเจี้ยนอย่างเป็นธรรมชาติ
ซุนหมิงเจี้ยนได้ยินแล้วก็พยักหน้า สีหน้าเริ่มรู้สึกดีขึ้นบ้าง “ใช่ เป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นคุณอย่าฆ่าผม พวกเราร่วมมือกันได้ ร่วมมือกัน……”
“เพี๊ยะ”
ไป๋ยี่เฟยยกมือขึ้นก็ตบไปที่หน้าเขา
ซุนหมิงเจี้ยนยังพูดไม่จบ ก็อึ้งไปทันที
ไป๋ยี่เฟยพูดเสียงเรียบ “ผมตบคุณครั้งนี้ จากนิสัยคุณคงจะจำไปทั้งชาติ อีกหน่อยมีโอกาสก็จะกลับมาแก้แค้น งั้นผมก็ต้องไม่ให้โอกาสคุณแก้แค้น ก็ต้องฆ่าคุณ”
ซุนหมิงเจี้ยนหน้าซีดขาวไปทันที ทำไมเขาจะไม่เข้าใจความหมายของไป๋ยี่เฟย ตบนี้เป็นเพียงการเริ่มต้น เขาไม่คิดจะปล่อยเขาไปตั้งแต่แรกแล้ว
“ไป๋ยี่เฟย คุณต้องคิดให้ดีนะ” ซุนหมิงเจี้ยนรีบพูด “คุณต้องรู้ว่าเต้าจ่างมีอิทธิพลมากแค่ไหน ถ้าคุณฆ่าผม เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะมีชีวิตออกจากเมืองหลวงได้”
“ผมบอกคุณแล้วกัน นอกจากสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง ตระกูลมหาเศรษฐีในเมืองหลวงเพื่อประจบสหพันธ์แล้ว พวกเขาจะฟังคำพูดเต้าจ่าง ไม่เพียงแค่นี้ ตระกูลฉุงก็เข้าร่วมด้วย คุณยังเป็นคู่แข่งกับตระกูลเย่ ก็ต้องเข้าร่วมด้วย ถึงเวลาแล้ว คุณไม่รอดแน่”
คำพูดทั้งหมดของเขาคือความจริง ไป๋ยี่เฟยเข้าใจทุกอย่าง ขอแค่เขาไม่ฆ่าซุนหมิงเจี้ยนกับซุนเหา เขาเดินออกไปไม่มีใครกล้าลงมือกับเขาแน่
แต่เขาไม่พอใจ
ฝั่งหนึ่งคือหนิววั่งกับลูกชายที่บาดเจ็บใกล้ตาย
เขาแค่เห็นภาพนี้ ก็ทำให้เขาโมโหอย่างควบคุมไม่ได้
เวลาเดียวกันก็มีเสียงดังขึ้น