ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 712
ยังบอกว่าขอบคุณอีก ขอบคุณเขาเหี้ยอะไร!
หนิวต้ายหมุนตัวเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ในใจเสียใจภายหลังเหลือเกิน
เขาไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมตัวเองไม่มีสีหน้าที่โกรธแค้นอาฆาตแค้นแบบนั้น แสดงออกให้ไป๋ยี่เฟยเห็น อย่างนี้ก็จะได้ทำให้ในใจเขายิ่งรู้สึกผิดแล้วไม่ใช่หรือ?
แต่ว่าเขาไม่มี ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่ได้ทำออกมา
ในใจหนิวต้ายไม่ยอม อยู่ดีๆร้องตะโกนเสียงหนึ่ง “อ่า!”
แท้ที่จริงนี่เพียงแค่ปฏิกิริยาโดยสัญชาตญาณของเขา โดยจิตใต้สำนึก ซุกซ่อนอารมณ์ของตนเองไว้ ตอนที่เผชิญหน้ากับคนอื่นก็จะเป็นลักษณะท่าทีที่เรียบง่ายไร้อุบายแบบซื่อๆตรงๆ
คนแบบนี้ความคิดลึกล้ำมาก ก็เหมาะที่จะทำเรื่องใหญ่เช่นกัน
อย่างน้อยอยู่ที่ไป๋ยี่เฟยนี่ เขาคิดว่าเป็นแบบนี้
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยมีจุดหนึ่ง ไม่ได้นึกถึง
หลังจากไป๋ยี่เฟยออกไปไม่นาน หนิวต้ายร้องตะโกนเสียงหนึ่ง ดึงดูดคนสัญจรอยากรู้อยากเห็นมามองดู
แต่ว่า นี่ไม่ใช่ประเด็นหลักเลย ประเด็นหลักคือมีรถเอนกประสงค์คันหนึ่งขับมา ก็จอดอยู่หน้าหนิวต้ายพอดีเลย
จากนั้นมีผู้ชายที่สวมใส่แว่นกันแดดคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ เขาถามหนิวต้ายว่า “ขอถามหน่อยคุณชื่อนิวต้ายใช่ไหม?”
หนิวต้ายไม่รู้จักคนนี้เลย ขมวดคิ้วไว้ถามว่า “คุณเป็นใครหรือ?”
คนคนนั้นยิ้มแล้วยิ้มอีกกับหนิวต้าย ใช้น้ำเสียงที่แน่ใจพูดว่า “คุณคือหนิวต้าย”
หนิวต้ายยิ้มจ้องมองเขา อยู่ดีๆในใจมีลางสังหรที่ไม่ดี จากนั้นหมุนตัวก็วิ่งหนี
แต่ว่าเขายังไม่ได้เริ่มวิ่ง ก็ถูกคนใช้มือสับหนึ่งทีบนคอ แม้แต่ร้องสักเสียงล้วนไม่มี ก็สลบล้มไปโดยตรง
จากนั้นคนคนนี้ยกหนิวต้ายเข้าไปในรถเอนกประสงค์ต่อหน้าคนทั้งหลาย
“กับเขามีประโยชน์หรือ?”
“แม่มึงเอ่ยมึงโง่หรือ ไป๋ยี่เฟยก็เนื่องเพราะความตายของพ่อจึงจะพูดคำพูดเหล่านั้น!”
“ถ้าอย่างงั้นล่ะก็ไม่ใช่ยิ่งทำให้ไป๋ยี่เฟยโกรธหรือ?”
“เป็นไปไม่ได้ที่ไป๋ยี่เฟยจะรู้ว่าเป็นพวกเราทำ จับเขาขึ้นมาป้องกันเหตุบังเอิญ ถ้าหากว่าไป๋ยี่เฟยแก้แค้นเถ้าแก่ของเราจริงๆ ถึงเวลานั้นก็จะได้เอาหนิวต้ายเป็นตัวประกัน อย่างนี้ไป๋ยี่เฟยก็จะมีความพะว้าพะวังแล้ว”
“ไป๋ยี่เฟยน่ากลัวขนาดนี้จริงๆหรือ?”
“นี่คุณก็ไม่รู้แล้วล่ะ คืนนั้นผมเห็นกับตาตนเอง ยอดฝีมือระดับที่สาม ยอดฝีมือระดับที่สองอะไรเหล่านั้น ล้วนตายเป็นกลุ่มๆ คุณว่าน่ากลัวหรือไม่?”
……
ไป๋ยี่เฟยขับรถกลับไปโรงพยาบาลโว่หลง มองเห็นเฉินอ้าวเจียวอยู่ในห้องผู้ป่วย
การบาดเจ็บที่หนักที่สุดของเฉินอ้าวเจียวคืออยู่บนขา แต่ว่าเขาร่างกายแข็งแรงดี พักรักษาหลายวันขนาดนี้ ตอนนี้ดีขึ้นไปเยอะแล้ว อย่างน้อยเดินลงพื้นได้แล้ว
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยเข้าไป พบเห็นเฉินอ้าวเจียวหลบสูบบุหรี่อยู่ในห้องน้ำ
เฉินอ้าวเจียวได้ยินเสียง ตกใจจนดับบุหรี่ทันที ซ่อนไว้ยังข้างหลัง รอจนหลังจากเห็นว่าเป็นไป๋ยี่เฟยจึงโล่งอกหนึ่งที “เหี้ย ตกใจแทบตาย ผมยังคิดว่าพยาบาลมาแล้ว”
จากนั้นเขาทิ้งบุหรี่ที่อยู่ในมือลงโถส้วม กดชักโครก
ไป๋ยี่เฟยพยุงเขาไปที่บนโซฟาข้างนอก “ศิษย์……พี่ใหญ่ ชื่อเรียกนี้มีความ…….อึดอัดเล็กน้อยล่ะ!”
เฉินอ้าวเจียวไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านี้ โบกมือต่อๆกันอย่างตามใจพูดว่า “คงยังเรียกผมว่าพี่เฉินเถอะ ไม่ได้พิถีพิถันขนาดนั้น”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะ แฮ่ๆ หนึ่งที จากนั้นสีหน้าจริงจังขึ้นมาอีก ถามว่า “พี่เฉิน สามารถพูดเรื่องซินชิวกับอาจารย์เรา ยังมีเรื่องระหว่างเราให้ผมฟังได้ไหม?”
เฉินอ้าวเจียวพิงไปที่โซฟา ยิ้มพูดว่า “คุณสามารถถามอาจารย์โดยตรงล่ะ”
ไป๋ยี่เฟยจนใจอย่างมากพูดว่า “ผมอยากจะถามเธอจริงๆ แต่ว่าแม้แต่เงาเธอก็ไม่เห็น จะถามยังไงหรือ?”
เฉินอ้าวเจียวยิ้มแล้วยิ้มอีกพูดว่า “น่าจะใกล้เจอแล้วล่ะ ช่วงเวลาก่อนหน้านั้น พวกเราอาละวาดโวยวายในเมืองหลวง อาจารย์มีเรื่องส่วนตัวต้องจัดการสักหน่อย คนไม่ได้รีบกลับมา ตอนนี้คาดว่าจะจัดการเสร็จแล้ว หลังจากรู้เรื่องแล้ว ย่อมจะไปหาอาจารย์ลุงก่อน จากนั้นค่อยมาหาคุณอีก”
เฉินอ้าวเจียวพูดไม่ผิด
อยู่ในภูเขาลึกๆแห่งหนึ่ง จื่ออีกำลังแสดงพลังความสามารถยิ่งใหญ่อยู่ และซินชิวหลบอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ต้นหนึ่งไม่กล้าลงไป
โรงพยาบาลฝั่งนี้ ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดของเฉินอ้าวเจียวนี้ เห็นลักษณะท่าทีน่าจะไม่พูดแล้ว แม้ว่าในใจสงสัยงงงวย แต่ว่าก็ไม่ได้ถามมากกว่านี้อีก ถึงยังไงคืนนั้นตอนที่อาละวาดโวยวายที่เมืองหลวง ท่าทีของเฉินอ้าวเจียวเห็นได้ชัดมากแล้ว
กำลังอยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆเฉินอ้าวเจียวนึกถึงอะไรขึ้นมาได้ ทันใดนั้นสีหน้าจริงจังขึ้นมา “ใช่แล้ว ไป๋ยี่เฟย ผมจำเป็นต้องเตือนสติคุณ อยู่ในเมืองเทียนเป่ยมียอดฝีมือระดับที่หนึ่งคนหนึ่ง”
“ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งหรือ?” ไป๋ยี่เฟยหยุดชะงักเล็กน้อย จากนั้นประหลาดใจถามว่า “ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งอยู่ในเมืองเทียนเป่ย ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งในตอนนี้เยอะขนาดนี้หรือ?”
เฉินอ้าวเจียวส่ายหัวต่อๆกัน “ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งน้อยมากจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไมอยู่เมืองเทียนเป่ยมีคนหนึ่ง แน่นอนอาจจะเป็นไปได้ว่าแค่เรื่องบังเอิญ”
“คุณรู้ได้ยังไงหรือ?” ไป๋ยี่เฟยถาม
เฉินอ้าวเจียวบ่นพึมพำเสียงหนึ่ง พูดว่า “ตอนที่คุณอยู่เมืองเทียนเป่ย เต้าจ่างมีโอกาสมากมายที่จะฆ่าคุณได้ แต่ว่าเขาไม่ได้ทำเลย อีกทั้ง จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่กล้าเข้าเมืองเทียนเป่ย ดังนั้นเขาย่อมหวาดกลัวอะไรอยู่อย่างแน่นอน”
หยุดชะงักหนึ่งที เฉินอ้าวเจียวพูดต่ออีกว่า “ยังจำอาอู่ได้ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าต่อๆกัน “จำได้”
เฉินอ้าวเจียวพูดอย่างจริงจังว่า “แม้ว่าอาอู่สู้ผมไม่ได้ แต่แท้ที่จริงต่างกันไม่มาก แต่ลักษณะความตายของเขาพวกเราล้วนเห็นแล้ว สถานที่นั้นที่เขายืนอยู่ก่อนตาย รอยเท้าลึกกว่าสถานที่อื่น พูดได้ชัดเขารู้ว่าฝั่งตรงข้ามจะลงมือ อีกทั้งทำการเตรียมตัวที่จะต่อสู้เสร็จแล้ว”
“แต่เขาถูกฝั่งตรงข้ามหนึ่งนัดถึงตายเหมือนเดิม พูดได้ชัดว่าพลังความสามารถของฝั่งตรงข้ามเหนือกว่าเขาอย่างมาก”
“ด้วยเหตุนี้เชื่อมโยงทั้งสองนี้เข้ามา ถ้าอย่างนั้นคนที่สามารถทำให้ยอดฝีมือระดับที่สองชั้นสูงอย่างเต้าจ่างคนหนึ่งล้วนหวาดกลัว ผมคิดว่าก็คงจะมีเพียงแค่ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งแล้ว”
หลังจากไป๋ยี่เฟยฟังจบพยักหน้าต่อๆกัน
ก่อนหน้านั้นไม่เคยสัมผัสสิ่งเหล่านี้มาก่อน สิ่งที่เขาเข้าใจไม่เยอะเลย แต่ว่าหลังจากผ่านเรื่องของเมืองหลวงในครั้งนี้แล้ว เขารู้จักอย่างชัดเจนถึงยอดฝีมือระดับที่หนึ่งคือน่ากลัวขนาดไหน
เฉินอ้าวเจียวปลอบโยนพูดอีกว่า “ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งคนนั้นถึงขนาดสามารถทำให้เต้าจ่างไม่กล้าเข้าเมืองเทียนเป่ย พูดได้ชัดว่าไม่มีเจตนาร้ายกับคุณ กลับไม่ต้องเป็นห่วงมาก”
“หวังว่านะ” ไป๋ยี่เฟยพูดเบาๆ
อยู่เมืองเทียนเป่ย ไป๋ยี่เฟยไม่ว่าฐานะทางสังคมชื่อเสียง เขาล้วนอยู่ในระดับที่หนึ่ง แต่ว่าอยู่ในเมืองเทียนเป่ยกลับซุกซ่อนยอดฝีมือระดับที่หนึ่งไว้คนหนึ่ง คงยังทำให้เขามีความตื่นตระหนกเล็กน้อย
ในใจไป๋ยี่เฟยสงสัยงงงวยอย่างมาก ไม่รู้ว่าคนคนนี้ตกลงเป็นใครกันแน่
ในเวลานี้มือถือของเขาดังขึ้นแล้ว ไป๋ยี่เฟยหยิบมือถือขึ้นมาจ้องมองหนึ่งที พบเห็นเป็นหลี่เสว่ จากนั้นรับสายโดยตรงเลย
“ภรรยาจ๋า”
“ไป๋ยี่เฟย รีบส่งรถเข้ามา น้องสาวล้มสลบไปอยู่ในลานบ้านแล้ว ถูกคนพบเห็นโทรบอกกับฉัน”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดสีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง พูดทันทีว่า “ได้ ผมจะส่งรถเข้าไปทันที”
หลังจากวางสายไป๋ยี่เฟยโทรหาหลิวเสี่ยวอิง “รีบส่งรถไปหมู่บ้านตังโถว นำหมอกับพยาบาลไปด้วย……”
……
เพื่อความปลอดภัยของน้องสาว เขาล้วนไม่ได้ให้น้องสาวพักอยู่ด้วยกันกับตนเองมาโดยตลอดเลย ก่อนหน้านั้นหูเทียนจิ่นคนเหล่านั้นจะมาหาน้องสาวเขาถูกเขาขวางไว้แล้ว เขาเคยเห็นน้องสาวครั้งหนึ่ง จากนั้นเรื่องต่างๆนานาทำให้เขาล้วนไม่ค่อยได้เจอน้องสาวเขามาก่อนเลย
ตอนนี้อยู่ดีๆกลับบอกกับเขาว่าน้องสาวล้มสลบไปแล้ว
ถ้าไม่ใช่น้องสาวล้มสลบไปอยู่ในลานบ้าน จะไม่ใช่ไม่ถูกคนพบเห็นหรือ?
นึกถึงตรงนี้ในใจไป๋ยี่เฟยนึกกลัวในภายหลังพักหนึ่ง
จากนั้นเขาขับรถไปหมู่บ้านตังโถวเองพร้อมกับรถพยาบาล จ้องมองน้องสาวขึ้นรถพยาบาล จากนั้นก็ตามกลับมาอีกตลอดทาง
หมอทำการตรวจเช็คอย่างง่ายให้น้องสาวไป๋ยี่เฟยอยู่บนรถ หลังจากลงรถส่งเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที
ประตูของห้องฉุกเฉินปิดแล้ว ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่นอกประตู ความกังวลที่ไม่สามารถควบคุมได้
ในใจไป๋ยี่เฟยสับสนวุ่นวายมาก น้องสาวของเขาล้วนดีมากมาโดยตลอด อยู่ดีๆทำไมล้มสลบไปแล้วล่ะ?
จะเป็นอาการข้างเคียงที่เหลือจากอุบัติเหตุครั้งนั้นหรือ?
หลี่เสว่ยืนอยู่ข้างกายไป๋ยี่เฟย อยู่เคียงข้างกับเขา พูดปลอบโยนว่า “วางใจ น้องสาวจะไม่เป็นอะไร”
หลังจากผ่านไปสิบกว่านาที หลี่เฉียงตงกับหลิวจื่อหยุนก็มาแล้วเช่นกัน
หลิวจื่อหยุนรีบร้อนเดินไปยังไป๋ยี่เฟย ยังตื่นเต้นถามว่า “บอกว่าเป็นอะไรหรือยัง? ตอนนี้เป็นยังไงแล้วล่ะ?”
“ฉันสามารถทำอะไรได้? ขาดเงินไหม? ถ้าไม่งั้นฉันจะไปจ่ายค่าผ่าตัดไหม?”
“ยังมี……”
อยู่ดีๆหลี่เฉียงตงตัดคำพูดของหลิวจื่อหยุนเลย “พอแล้ว อย่าพูดอีกเลย นี่เป็นโรงพยาบาลของไป๋ยี่เฟย มีหมอที่ดีที่สุด”
หลิวจื่อหยุนหยุดชะงัก จากนั้นได้สติแล้ว
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยเป็นคนที่รวยที่สุดของเมืองเทียนเป่ยนะ ที่ไหนจะขาดเงิน อีกทั้งโรงพยาบาลก็เป็นของเขา หมอย่อมดีที่สุดเช่นกัน
โดยจิตใต้สำนึกใบหน้าหลิวจื่อหยุนแดงขึ้นเลย มีความอึดอัดเล็กน้อย