ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 738
ตั้งแต่ที่เข้ามาในห้องใต้ดิน ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกตื่นเต้นมากแล้ว เพราะเขารู้สึกกลัวจริงๆ ว่าอาจเกิดเรื่องอะไรกับหลี่เสว่เข้าแล้ว
และตอนที่เข้ามากลับไม่เจอใครเลย เขายิ่งรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นไปอีก
ไป๋ยี่เฟยเดินไปที่เก้าอี้ เอามือไปสัมผัส แล้วก็ได้รู้ว่ามันยังอุ่นอยู่ ก็แสดงว่าเธอเพิ่งถูกพาตัวไปไม่นาน
ทันใดนั้น ดวงตาของไป๋ยี่เฟยก็แดงก่ำขึ้นมา
ภาพมากมายที่หลี่เสว่ถูกมัดอยู่ตรงเก้าอี้และถูกทรมานวิ่งเข้ามาในหัวของไป๋ยี่เฟย
พอคิดถึงเรื่องพวกนั้น เขาก็ไม่สามารถควบคุมความโกรธของตัวเองได้อีกต่อไป
เขาเดินเข้าไปหาบอดี้การ์ดคนนั้น ดึงคอเสื้อของเขาขึ้นมา แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “นำทางไป!”
พอบอดี้การ์ดได้เห็นดวงตาสีแดงคู่นั้นของไป๋ยี่เฟย เขาก็ตะลึงไปเลย
เขารู้ว่าบางคนอาจมีเลือดคั่งที่ตาได้ แต่เขาไม่เคยเห็นใครที่แดงขนาดนี้มาก่อน
บอดี้การ์ดขนลุกไปทั้งตัว จากนั้นก็ชี้ไปยังกำแพงที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ไป๋ยี่เฟยเหวี่ยงบอดี้การ์ดทิ้งไป จากนั้นก็รีบเข้าไปคลำหาทั่วกำแพง
ไม่นานเขาก็กดเขาไปที่สวิตช์ กำแพงก็ค่อยๆ เปิดออกเหมือนกับประตู
ไป๋ยี่เฟยไม่พูดพร่ำทำเพลง พอเห็นประตูเปิดออกก็เตรียมพุ่งเข้าไปทันที
ทันใดนั้น ไป๋หยุนเผิงก็รีบเดินเข้ามากดไป๋ยี่เฟยเอาไว้
ไป๋ยี่เฟยทั้งขัดขืนทั้งตะโกนว่า “ปล่อยผมนะ!”
ไป๋หยุนเผิงไม่เพียงไม่ปล่อย แต่เขากลับหันมาพูดกับซาเฟยหยางด้วยท่าทางที่จริงจังว่า “คุณซาครับ ต้องรบกวนคุณแล้ว”
ซาเฟยหยางพยักหน้า ทันใดนั้น เขาก็ลงมือทันที เขาสับฝ่ามือลงที่ท้ายทอยของไป๋ยี่เฟยอย่างจัง
ไป๋ยี่เฟยหมดสติไปทันที
พอพวกเฉินอ้าวเจียวเห็นเข้าก็รีบกรูกันเข้ามาทันที เพื่อปกป้องไป๋ยี่เฟย
“นี่แกคิดจะทำอะไร?”
เฉินอ้าวเจียวยื่นมือไปเพื่อที่จะชิงตัวไป๋ยี่เฟยมา แต่ซาเฟยหยางกลับถอยหลังสองก้าว พร้อมกับปะทะฝ่ามือกับเฉินอ้าวเจียวไปที่หนึ่ง
เฉินอ้าวเจียวก็ถอยหลังไปสองก้าวเหมือนกัน จากนั้นเขาก็หยิบมีดของตัวเองออกมา
ไม่เพียงแค่เฉินอ้าวเจียวเท่านั้น ยังมีพวกไป๋หู สวีลั่งและคนอื่นๆ ต่างก็เอาอาวุธของตัวเองออกมาเหมือนกัน
จากนั้นคนของตระกูลเย่และตระกูลหลินก็เอาอาวุธออกมาเหมือนกัน พอไป๋หยุนเผิงเห็นแบบนั้น เขาก็คำรามออกมาว่า “ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้!”
เฉินอ้าวเจียวมองพวกเขาแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “คุณหมายความว่าอะไร?”
เย่เจี่ยก้าวมาข้างหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยได้สูญเสียสติไปแล้ว จะปล่อยให้เขาอยู่ในสภาพแบบนี้ไปตลอดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะตายได้”
เฉินอ้าวเจียวฟังแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
ไป๋หยุนเผิงถอนหายใจออกมา “มันเป็นโรคทางพันธุกรรมของตระกูลไป๋”
“เพราะโกรธเกินไป อารมณ์ที่พลุ่งพล่านส่งผลให้เขากลายเป็นแบบนั้น ด้วยความกล้าที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้พละกำลังและความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นทันที”
“สภาพแบบนี้ดูผิวเผินอาจจะเป็นผลดี แต่ความจริงแล้วมันคือการฝืนดังพลังแฝงออกมาใช้ ถ้าพลังแฝงถูกดึงออกมาใช้มากเกินไป มันก็จะส่งผลเสียกับร่างกายได้”
จากนั้นเย่เจี่ยก็พูดขึ้นมาว่า “เห็นได้ชัดว่าที่นี่มันแปลกๆ”
“หลังจากที่หูเฟยหงกับจูฉวนอู่ฆ่าเสี่ยวชีไปแล้ว กลับทิ้งศพและหลักฐานไว้ที่นี่ พวกเขาไม่ใช่คนโง่ จะต้องมีเหตุผลอะไรแน่ๆ”
“ผมว่าพวกเขาน่าจะต้องการบอกเราว่าท่านหลินสามเป็นคนบังคับให้พวกเขาทำ”
“ที่สำคัญ ทำไมตอนที่พวกเขาหนีถึงต้องพาตัวหลี่เสว่ไปด้วย แต่ไม่ใช่ฆ่าทิ้งหรือปล่อยเธอไป?”
“ถึงจะบอกว่าใช้เป็นไพ่ตายในการรักษาชีวิต แต่ก็ไม่น่าพาคนที่เป็นภาระในการหลบหนีไปด้วยแบบนี้ การหลบหนีมันต้องยิ่งเร็วยิ่งดีสิ”
“ดังนั้น ผมคิดว่าพวกนั้นตั้งใจอยากให้เราตามไป”
พอได้ยินเย่เจี่ยวิเคราะห์มาแบบนั้น ทุกคนต่างมองกันไปมองกันมา
คำพูดเย่เจี่ยนั้นค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติ
เฉินอ้าวเจียวยังคงขมวดคิ้ว “หรือในทางลับจะมีคนรอดักอยู่?”
“เป็นไปได้สูง” เย่เจี่ยพยักหน้า
แต่พอบอดี้การ์ดคนนั้นได้ยินแบบนี้ เขาก็ตกใจจนรีบพูดออกมาว่า “ไม่มีคนดักแน่นอนครับ ไม่มีคนดักแน่นอน เดี๋ยวผมจะเดินนำเอง”
บอดี้การ์ดคิดว่า ถ้าในทางลับมีคนแอบซุ่มอยู่จริง คนพวกนี้ก็จะคิดว่าเขาตั้งใจพาพวกเขามาที่นี่ ดังนั้น เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์เขาจึงเลือกที่จะพุ่งเข้าไปก่อน
หลังเดินมาได้ช่วงพักหนึ่ง เขาก็ตะโกนให้คนข้างหลังว่า “ไม่มีใครซุ่มอยู่เลยครับ ถ้าออกไปจากที่นี่แล้ว……”
“โครม!”
จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
บอดี้การ์ดยังไม่ทันได้พูดจบเสียงนั้นก็ดังขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้น วิลล่าก็สั่นสะเทือนไปทั้งหลัง
ทุกคนต่างพากันโซเซไปมาทรงตัวไม่อยู่
ไป๋หยุนเผิงตะโกนออกมาว่า “ถอย!”
ทุกคนต่างเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบพากันวิ่งออกไปข้างนอก
หลังจากที่พวกเขาวิ่งออกจากวิลล่าไม่นาน วิลล่าทั้งหลังก็ได้พังทลายลงมา
ทุกคนต่างก็อึ้งไปตามๆ กัน
พวกเขาต่างคิดว่าในเส้นทางลับนั้นมีคนรอซุ่มอยู่ แต่ไม่คิดเลยว่าในเส้นทางลับจะมีกลไกซ่อนอยู่แทน
และกลไกนั้นก็ทำให้วิลล่าทั้งหลังต้องพังทลายลง ถ้าเป็นแบบนั้น ทุกคนก็จะถูกทับอยู่ใต้วิลล่า
อย่างที่รู้กัน นอกจากพวกของไป๋ยี่เฟยแล้ว ในนี้ยังมีคนของสามในสี่ตระกูลใหญ่ด้วย
เย่เจี่ยเอามือปัดๆ ฝุ่นบนร่างกาย แล้วถามไป๋หยุนเผิงว่า “คุณคิดว่าหูเฟยหงกับจูฉวนอู่สามารถทำได้ขนาดนี้มั่ย?”
“ไม่มีทาง!” ไป๋หยุนเผิงสีหน้าเคร่งขรึม “พวกมันไม่กล้าถึงขนาดนี้!”
ถ้าพวกนั้นทำสำเร็จ ก็เท่ากับสามารถทำลายอำนาจของสามในสี่ตระกูลใหญ่ลงได้เลยนะ
หูเฟยหงกับจูฉวนอู่นั่นไม่มีความกล้าขนาดนั้น ไม่ใช่แค่พวกนั้น แม้แต่ตระกูลฉุงก็ไม่มีทางกล้าถึงขนาดนี้
จากนั้นก็นึกถึงเต้าจ่าง
เย่เจี่ยส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “เต้าจ่างเป็นคนที่ทำการรอบคอบมาโดยตลอด แค่ดูก็รู้แล้วว่านี่มันไม่ใช่แผนที่แยบยลขนาดนั้น จึงไม่น่าเป็นฝีมือของเขา แต่ก็บอกปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยรึเปล่า”
พอไป๋หยุนเผิงได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “สรุปคือ เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องมีคนอื่นอยู่แน่”
เย่เจี่ยพยักหน้า “มีความเป็นไปได้สูงมากที่มันจะเป็นแผนของเต้าจ่าง แต่เป้าหมายของเขาไม่ได้มีเพียงแค่เราเท่านั้น”
“หรือจะให้พูดก็คือ นี่ไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของเขา”
ไป๋หยุนเผิงถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “แล้วมันเป็นใครกันแน่?”
ทันใดนั้น เย่เจี่ยก็หันไปถามไป๋หยุนเผิงว่า “ยังจำการตายของเหลียงหมิงเยว่ได้รึเปล่า?”
พอไป๋หยุนเผิงได้ยินอย่างนั้น เขาก็ใจเต้นขึ้นมาทันที แววตาเป็นประกาย แล้วพยักหน้าตอบ “ก็ต้องจำได้อยู่แล้ว”
เย่เจี่ยไม่ได้สังเกตสีหน้าของไป๋หยุนเผิงนัก เขาแค่พูดต่อว่า “เป้าหมายของเต้าจ่างนั้นเป็นคลังเก็บทองมาโดยตลอด” ไป๋หยุนเผิงสีหน้าเคร่งเครียด และขมวดคิ้วหนักยิ่งกว่าเดิม
เฉินอ้าวเจียวที่ใบหน้าเปรอะเปื้อน มองไป๋ยี่เฟยแล้วยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ถ้าเขาตื่นขึ้นมา เราจะอธิบายเรื่องนี้กับเขายังไงดีครับ?”
พอเขาพูดขึ้น ทุกคนก็พากันหันไปมอง
……
ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องของบ้านหลังเก่าหลังหนึ่งที่อยู่ตรงชานเมืองของเมืองหลวง หลี่เสว่ถูกโยนลงบนที่นอนที่ผุพังหลังหนึ่ง
ผ้าปูที่นอนนั้นเหม็นอับมาก กลิ่นไม้ผุๆ ฟุ้งไปทั่วห้อง แค่ได้กลิ่นก็ชวนอึดอัดแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่ต้องนอนอยู่บนนั้นเลย
หูเฟยหงกับจูฉวนอู่นั้นพาหลี่เสว่หนีออกมาทางเส้นทางลับ จากนั้นก็ใช้รถที่ไม่มีป้ายทะเบียนหนีมาจนถึงที่นี่
หลี่เสว่กำลังรู้สึกสิ้นหวังมาก
เพราะตลอดทางเธอไม่ได้ถูกปิดตาเอาไว้ ดังนั้น เมื่อเธอเห็นสถานที่ที่ผุพังแบบนี้เข้า เธอก็รู้ในทันทีว่าการที่ไป๋ยี่เฟยจะตามหาเธอจนเจอนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ที่สำคัญสองคนนี้ก็ดูจะไม่ได้ปิดบังอะไรเธอเลย แสดงว่าเธอมีแต่ต้องตายเท่านั้น ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่กลัวว่าเธอจำเห็นหน้าตัวเองเลย
ระหว่างทางที่มา จูฉวนอู่เป็นคนขับรถ ส่วนหูเฟยหงก็นั่งอยู่ข้างๆ เธอ
หูเฟยหงพยายามจะขืนใจเธอมาตลอดทางที่นั่งรถมา
หลี่เสว่รู้สึกกลัวมาก ในท้องของเธอมีลูกของไป๋ยี่เฟยอยู่ เธอไม่อยากให้ลูกในท้องต้องมาเสียไปแบบนี้ และเธอก็ไม่อยากถูกคนๆ นี้ทำให้เธอหม่นหมองด้วย เธออย่างให้ตัวเองเป็นของไป๋ยี่เฟยคนเดียวเท่านั้น
ตอนนี้เธอถูกโยนลงบนที่นอน รอบๆ ก็ไม่มีใคร ต่อให้ขัดขืนไปเท่าไหร่มันก็ไม่มีความหมาย