ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 759
“เขาบอกว่าคนสังหารคือลูกน้องของแก”ไป๋หยุนเผิงขมวดคิ้วมองหน้าไป่อี้เฟยพลางเอ่ย
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”ไป๋ยี่เฟยรีบเอ่ยแย้งทันที”ใครตั้งใจใส่ร้ายผม?”
ไป๋หยุนเผิงขมวดหัวคิ้วก่อนจะพูดเสียงต่ำ “ตอนนี้ไม่มีหลักฐานอื่นๆมายืนยัน มีเพียงคำพูดของเขาก็ยุ่งยากมากพอแล้วล่ะ”
“เพราะถึงยังไง นี่ก็เป็นชีวิตของคนทั้งตระกูลเกือบร้อยคน เรื่องนี้ใหญ่เกินไปส่งผลกระทบไม่น้อยเลย ช่วงนี้แกไปหาที่หลบก่อนดีกว่า”
“ทำไมต้องหลบ?”ไป๋ยี่เฟยมองหน้าไป๋หยุนเผิงอย่างไม่เข้าใจ จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าผมไปหลบก็ไม่เท่ากับว่าผมยอมรับว่าเป็นคนทำผิดหรอกหรอ?”
ไป๋หยุนเผิงพยักหน้าเบาๆก่อนจะถอนหายใจออกมา “ใช่ตามหลักการแล้วเป็นแบบนั้น
จริงๆ แต่ว่าคนที่อยากจะใส่ร้ายแกก็ต้องคิดแบบที่แกคิดแน่ๆ ดังนั้นมันทายไว้แล้วว่าแก
จะไม่หลบซ่อน”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไปครู่หนึ่ง “ในเมื่อเป็นแบบนั้น เขาทำแบบนี้มีจุดประสงค์อะไรกัน?”
“ไม่รู้สิบางทีอาจจะตั้งใจประจานแก”ไป๋หยุนเผิงพูดอย่างไม่มั่นใจ
ไป๋ยี่เฟยกลับส่ายหน้าเบาๆเอ่ย “ไม่แน่หรอกครับ”
“บางที เขาอาจจะมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นแก” ไป๋หยุนเผิงคิดๆดูแล้วจึงเอ่ย
ไป๋ยี่เฟยได้ยินแบบนี้ก็ครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นเขาก็คิดถึงใครบางคนขึ้นมาทันที “หนิว
ต้าย!”
ไป๋หยุนเผิงพยักหน้าเบาๆ
ในมุมมองของหนิวต้าย การตายของหนิววั่งก็เป็นเพราะไป๋ยี่เฟย เขาเอาความผิดทั้งหมด
โทษไปที่ไป่อี้เฟยคนเดียว ดังนั้นเขาจึงเกลียดไป๋ยี่เฟยมาก
ตอนที่มีคนไปข่มขู่เขา ใช้เขา เขาไม่มีทางพลาดโอกาสที่จะฆ่าไป๋ยี่เฟย
ไป๋หยุนเผิงคิดไตร่ตรองก่อนจะพูด “ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของเหลียงเหว่ยชาวและเต้าจ่าง น่าจะเป็นคนอื่นที่คอยบ่งการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
“ตอนนี้เหลียงเหว่ยชาวและเต้าจ่างยังคงหลบซ่อนอยู่ที่หลันเต่า ยอดฝีมือส่วนใหญ่ของสหพันธ์ธุรกิจเต้าจ่างก็นำติดตัวไปด้วย ในสถานการณ์ที่ไม่มียอดฝีมืออยู่เลย แล้วยังสามารถสามารถฆ่าคนทั้งตระกูลเกือบร้อยคน ไหนจะยอดฝีมือระดับที่สามตายราบเป็นหน้ากองแบบนี้ ไม่มีทางทำได้แน่นอน”
“ดังนั้น เรื่องนี้ดูเหมือนจะง่ายดายและที่ฉันบอกให้แกไปหลบก่อน จริงๆแล้วก็แค่
ต้องการให้อยู่นิ่งๆ รอจนกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะเปิดเผยตัวตนออกมา”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินดังนั้นก็เงียบไปพักใหญ่จากนั้นถึงเอ่ยถามขึ้นมา “ถ้าเป็นคนจากเบื้องบนล่ะครับ หลบไปจะดีหรอ?”
ไป๋หยุนเผิงก็เงียบเช่นกัน ถ้าหากเป็นคนจากเบื้องบนจริงๆต่อให้ไปซ่อนที่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
ในตอนนี้ ที่หน้าประตูก็มีเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้น
“ไปกับฉัน”
ไป๋หยุนเผิงและไป๋ยี่เฟยมองไปที่ประตู ใบหน้าของจื่ออีประดับด้วยรอยยิ้ม สวมใส่ชุดคลุมสีม่วงที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีเดินเข้ามา
อย่างมั่นคง
หลังจากที่จื่ออีเดินเข้ามาก็ไม่ได้สนใจไป๋หยุนเผิง แต่กลับยิ้มให้ไป๋ยี่เฟยพลางเอ่ย “ไปกับพวกฉัน”
“พวกคุณ?”
……
ไป๋ยี่เฟยไปกับจื่ออีแล้ว
แต่เนื่องจากสถานการณ์เร่งรีบ จึงทำให้แม้แต่จะบอกลาหลี่เสว่ก็ไม่ได้บอกก่อนจะออกมาเขาเพียงแค่กำชับไป๋หยุนเผิงให้ดูแลหลี่เสว่ดีๆ
ไป๋หยุนเผิงรับปากอย่างดี “วางใจเถอะ ตอนนี้ลูกสะใภ้กำลังท้องกำลังไส้ ยังไงก็ต้องดูแลเธอให้ดีอยู่แล้ว ไม่มีทางปล่อยให้เธอถูกคุกคามใดๆทั้งนั้น”
จริงๆแล้วในตอนแรกไป๋ยี่เฟยอยากจะพาตัวหลี่เสว่ไปด้วย แต่จื่ออีห้ามเอาไว้ จื่ออีเอ่ย”พวกเรากำลังหนีเอาชีวิตรอด”
ไป๋ยี่เฟยก็หยุดทันที มันก็จริงตอนนี้เขากำลังหนีเอาชีวิตรอดอยูุ่ ในการหนีเอาตัวรอด
ยังไงก็ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายที่เราไม่มีทางรู้อีกมากมาย ตอนนี้หลี่เสว่กำลังตั้งครรภ์อยู่ ไม่เหมาะสมที่จะพาเธอไปเสี่ยงอันตรายหนีตายด้วยจริงๆ ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงไปกับจื่ออีเพียงคนเดียว
พอไป๋ยี่เฟยและจื่ออีขึ้นเรือไปอีกครั้ง เขาก็พบกับซาเฟยหยางและหลิวเสี่ยวอิง
ตอนนี้เขาก็เข้าใจในทันทีว่าที่จื่ออีบอกว่าพวกเราหมายถึงใคร
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากจึงค่อยๆเอ่ยถามจื่ออี “ท่านอาจารย์ ทำไมแม้แต่นายซาเองก็มาด้วยล่ะครับ?”
“ถ้าอยากได้ตำแหน่งผู้เฝ้าคลังเก็บทองคนต่อไปล่ะก็ ตอนนี้ความสามารถของนายยังไม่เพียงพอ จะบอกว่ายังอ่อนหัดมากอยู่ก็ว่าได้ ตอนนี้ก็ถือโอกาสช่วงที่นายกำลังหนีนี้ พัฒนาความสามารถของนายเสียหน่อย”
“ถึงแม้ว่าความสามารถของซาเฟยหยางจะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เขาก็ยังมี
ความสามารถอย่างอื่น สามารถมอบให้นายได้ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ไหนจสิ่งที่ฉันมอบให้นายไป ไม่แน่ในอนาคตต่อไปนายอาจจะเก่งกว่าฉันก็ได้”
ไป๋ยี่เฟยฟังจบก็อ้าปากตาค้างไปเลย
เขาสามารถเอาชนะจื่ออีได้หรอ?
นี่เป็นเหมือนความฝันสำหรับเขา
ความสามารถของจื่ออีนั้นแข็งแกร่งมาก ขนาดเหลียงเหว่ยชาวยังเอาชนะเธอไม่ได้เลย
แล้วเขาล่ะ? ดังนั้นเขายิ่งไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถเก่งกว่าจื่ออี
แต่จื่ออีไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะไป๋ยี่เฟยมีพรสวรรค์ในตัวที่เธอไม่สามารถเข้าใจได้เช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยพอเข้าใจเรื่องที่พาซาเฟยหยางมาด้วยแล้ว จากนั้นเขาก็เอ่ยถาามอย่างไม่เข้าใจอีกครั้ง “แล้วทำไมต้องพาหลิวเสี่ยวอิงมาด้วยล่ะครับ?”
“แผลของนายหายดีหมดแล้วหรอ?” จื่ออีเอ่ยถามเสียงเยือกเย็น
ไป๋ยี่เฟย “……”
……
ตระกูลจูเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในสิบตระกูลอภิมหาเศรษฐีมี คนราวๆร้อยกว่าคน แต่กลับถูกฆ่าทั้งหมดภายในคืนเดียว
เหตุการณ์นี้สร้างความฮือฮาในเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ตระกูลที่เหลือทราบข่าวนี้เข้า แต่ละคนก็หวาดหวั่นกันขึ้นมาทันที ดังนั้นพวกเขาจึงรีบรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาต้องการจะกำจัดไป๋ยี่เฟย เพราะพวกเขาไม่ว่า
ใครต่างก็หวาดกลัวว่า ตระกูลของตัวเองจะเป็นแบบตระกูลจูถูกฆ่าตายยกตระกูลในคืนเดียว
และพวกเขาไม่รู้เลยว่าไป๋ยี่เฟยได้ขึ้นเรือสำราญทางไกลไปเรียบร้อยแล้ว และในขณะที่เรือกำลังจะออกฉินหัวก็ขึ้นเรือมา
ถึงอย่างไรฉินหัวก็เป็นตำรวจ และก็เคยถูกส่งให้มาทำภารกิจพิเศษ หลังจากเห็นฉินหัวมาหลิวเสี่ยวอิงและจื่ออีต่างก็ปกป้องไป๋ยี่เฟยทันที
ฉินหัวเอ่ยถามพวกเขา “ควบคุมตัวหรอ?”
จื่ออีก็ส่งเสียงเย็นชา “เอาปะล่ะ?”
ต่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างฉินหัวกับไป๋ยี่เฟยจะดีสักแค่ไหน แต่เกิดเรื่องใหญ่สังหารหมู่นับร้อยคนแบบนี้ในคืนเดียว ก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันเป็นการส่วนตัว
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินหัวมีความแตกต่างระหว่างภาครัฐและเอกชนอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ทนต่อ ความเจ็บปวดจากการถูกแยกจากโจวฉวี่เอ๋อเพื่อทำภารกิจพิเศษที่ได้รับ
มอบหมายจากรัฐให้เสร็จสิ้นไป๋ยี่เฟยเห็นดังนั้นก็หัวเราะพลางส่ายหน้า
ถ้าหากเป็นคนอื่นมาจับเขา เขาจะปฏิเสธการควบคุมตัวแต่คนที่มาดันเป็นฉินหัว ต่อให้ความสัมพันธ์ของเขากับฉินหัวเป็นแบบไหน เขาก็ไม่อยากให้ฉินหัวและจื่ออีต้องมาตีกัน
ไป๋ยี่เฟยจึงหัวเราะอย่างขมขื่น จากนั้นก็ดันหลิวเสี่ยวอิงและจื่ออีออก จากนั้นก็ให้ความ
ร่วมมือโดยการยืนมือทั้งสองข้างออกไปพร้อมกับพูด “พี่ ไม่ใช่ผมนะ”
ฉินหัวกลับทำเพียงแค่ตบบ่าของไป๋ยี่เฟย จากนั้นก็จับมือของเขาก่อนจะพาขึ้นเรือ “ขึ้นเรือก่อนแล้วค่อยคุย”
คนอื่นๆเห็นฉากนี้เข้าก็ตกตะลึงกันเป็นแถว
ไม่เข้าใจเลยว่านี่มันเรื่องอะไรกัน
ฉินหัวไม่ได้จะมาจับตัวไป๋ยี่เฟยอย่างนั้นหรอกหรอ?
……
หลังจากที่เรือสำราญออกจากท่าฉินหัวถึงเอ่ยนิ่งๆ “คนจากเบื้องบนไม่ได้ง่ายๆอย่างที่พวกนายคิด พวกนายคิดได้พวกนั้นก็คิดได้ และคิดเยอะกว่าพวกนายเสียด้วย”
ไป๋ยี่เฟยเอ่ยถามอย่างงงๆ “หมายความว่าอะไร?”
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยยังคงงุนงงอยู่หน่อยๆ นอกจากฉินหัวจะไม่ได้มาจับเขาแล้ว แต่กลับขึ้นเรือมากับพวกเขาอีกด้วย
ฉินหัวเอ่ยต่อ “แท้จริงแล้วเรื่องนี้ใครเป็นคนทำ ตอนนี้พวกเรายังสืบไม่ได้แต่พวกเราตรวจสอบแล้วว่าไม่ใช่คนของนายเป็นคนทำ”
“และภารกิจที่เบื้องบนมอบหมายให้ฉันในครั้งนี้ คือปกป้องคลังเก็บทองของประเทศ
ขณะเดียวกันก็ให้สืบฆาตกรที่อยู่เบื้องหลัง”
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ไป๋ยี่เฟยก็ตกตะลึง
ส่วนจื่ออีกลับค่อยๆผ่อนคลาย หลิวเสี่ยวอิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ฉินหัวมากับพวกไป๋ยี่เฟย ก็เพื่อที่จะตามสืบว่าใครกันแน่ที่เป็นฆาตกรอยู่เบื้องหลัง
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยเข้าใจแล้ว อันที่จริงอำนาจของประเทศอยู่เหนือกว่าความสามารถของเรา
เพียงคนเดียวไม่มีทางเทียบได้ พวกเขาสามารถคิดในสิ่งที่คุณคิดได้โดยธรรมชาติ
และพวกเขาก็สามารถสืบได้มากกว่าคุณ ถ้าอย่างนั้นคนเบื้องบนก็ต้องรู้แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนทำ
จากที่ดูแล้วคนของรัฐก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้จักพลิกแพลง
ไป๋ยี่เฟยรู้อย่างนั้นก็เบาใจลงไปบ้าง แถมตอนนี้ยังมีฉินหัวมาด้วยก็รับประกันความปลอดภัยตลอดการเดินทางได้เลย
ฉินหัวยิ้มกับไป๋ยี่เฟยบางๆ “วางใจเถอะ”