ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 769
ถ้าหากว่าผู้ชายเอาหัวใจดวงหนึ่งแบ่งเป็นหลายส่วนให้กับผู้หญิงหลายคน แต่ผู้หญิงแต่ละคนที่ให้เขา ล้วนเอาใจจริงเพียงดวงเดียวของตนเองให้กับผู้ชาย อย่างนั้น พวกเธอจะสมัครใจได้ยังไงว่าสิ่งที่ตนเองได้รับเพียงแค่ส่วนหนึ่งในนั้นล่ะ?
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้อธิบายให้กับลู่หยาง เพราะว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ในหลันเต่าตั้งแต่เด็ก คือไม่สามารถอธิบายให้ชัดเจน
ลู่หยางก็ไม่เข้าใจจริงๆเช่นกัน “งั้นถ้าหากว่าพี่สองของผมชอบท่านล่ะ?”
โดยจิตใต้สำนึกไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วขึ้นมา
ไม่ใช่เพราะว่าลู่เหมียวเหมียวจะชอบเขาหรือไม่ แต่คือเพราะว่าอยู่ดีๆเขารู้สึกถึงว่าลู่หยางเรียกลู่เหมียวเหมียวเป็นพี่สอง ก็พูดได้ว่าพวกเขายังมีพี่ใหญ่คนหนึ่ง
แต่ตอนที่กินข้าวเย็นในวันนี้ ไม่ได้เห็นคนที่นอกเหนือจากพวกเขาเลย
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก ดังนั้นอยากถามสักหน่อย แต่ว่าเพิ่งเตรียมตัวจะเอ่ยปาก ลู่หยางก็เอ่ยปากก่อนแล้ว “เถ้าแก่ไป๋ พวกเราถึงแล้ว”
ลู่หยางชี้ไปยังอาคารที่สูงสามชั้นตึกนี้อยู่ต่อหน้าพวกเขาชี้แล้วชี้อีก นี่ก็คือหลันจู
รูปแบบการตกแต่งของหลันจูไปทางแนวโบราณ หน้าประตูมีสิงโตหินสองตัว บนประตูใหญ่มีลายไม้แกะสลัก ดูแล้วสง่ามาก
และอยู่สองข้างของประตูใหญ่ต่างยังมีประตูเล็กสองบาน ก็เหมือนดั่งเป็นประตูใหญ่กับประตูข้างในสมัยโบราณ
ตอนที่กำลังเตรียมตัวที่จะเข้าไป ลู่หยางพูดว่า “เถ้าแก่ไป๋ จะเข้าไปยังต้องซื้อตั๋ว คนละทองคำขนาดใหญ่เท่าถั่วแดงหนึ่งเม็ด”
หลังจากไป๋ยี่เฟยฟังจบแปลกใจอย่างมาก
ตอนนี้มองไป อยู่หน้าประตูมีคนใส่เสื้อเครื่องหมายตระกูลหงหลายคนยืนอยู่ที่นั่นเก็บตั๋วอยู่จริงๆ
แต่ว่าทองคำอยู่บนกายไป๋ยี่เฟย เล็กที่สุดล้วนยังมีใหญ่เท่าเล็บขนาดนั้น นี่ควรทำยังไงดีล่ะ?
อีกทั้งทองคำของแบบนี้ น่าจะไม่มีทางเหมือนดั่งเงินที่ทอนได้ล่ะ?
กำลังอยู่ในเวลานี้ ลู่หยางหยิบทองคำสองเม็ดออกจากกระเป๋าของตนเองยื่นให้คนที่เก็บตั๋ว
หลังจากคนนั้นรับทองคำแล้ว รอยยิ้มกองเต็มใบหน้าพูดว่า “ทั้งสองคนเชิญเข้าข้างใน อวยพรล่วงหน้าให้กับคุณผู้ชายทั้งสองคนกอดสาวสวยกลับบ้าน”
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้พัวพันกันอุตลุดเช่นกัน ตามเข้าไปกับลู่หยางเลย
มองหลันจูจากข้างนอกไม่ได้ใหญ่มาก แต่หลังจากเข้าไปแล้วก็ได้พบเห็น แท้ที่จริงใหญ่จนเวอร์เกินไป
ชั้นแรกถือว่าเป็นห้องโถงใหญ่ แต่ก็มีแผงลอยต่างๆนานา แผงลอยเหล่านี้คือขายบริการ แผงลอยแต่ละแห่งล้วนขายบริการต่างกัน บนแผงลอยยังมีสาวสวยต่างๆนานามากมายระดับสูงกว่าขั้นหนึ่งที่อยู่บนถนน
ชั้นที่สองก็คือเขตประมูลแล้ว
ทำการประมูลคือคนเหล่านั้นที่เพราะว่าพ่อแม่ติดหนี้คืนหนี้ไม่ได้ เป็นทาสเพศหญิงที่ถูกบังคับจับมาชดใช้หนี้ และหรือว่าเป็นการจับมาจากเขตอื่น เป็นผู้หญิงที่หน้าตาดี
จุดประสงค์ของไป๋ยี่เฟยเห็นได้ชัด พุ่งขึ้นไปที่ชั้นสองโดยตรง
เพราะว่าเป็นสถานที่จัดงานประมูล ดังนั้นชั้นสองเป็นสถานที่จัดงานบิ๊กแห่งหนึ่ง มีเวทีใหญ่มากอยู่ตรงกลาง ก็เป็นเวทีการจัดแสดงสินค้า บริเวณรอบๆล้วนเป็นที่นั่ง
เวลาที่ทั้งสองคนมาเหมาะเจาะพอดี ไม่ได้นั่งอยู่ข้างหน้าเกินไปก็ไม่ได้นั่งอยู่ข้างหลังเกินไป ผ่านไปครึ่งชั่วโมง คนในงานแทบจะนั่งเต็มแล้ว แทบจะเป็นผู้ชายทั้งหมดอย่างไม่มีข้อสงสัยเลยสักนิด
ในเวลานี้ การประมูลเริ่มแล้ว
การประมูลของที่นี่ไม่เหมือนดั่งการประมูลข้างนอกที่เชิญสาวสวยเป็นพิธีกรเลย แต่คือเชิญผู้ชายที่หน้าตายังถือว่าหล่อสดใสคนหนึ่ง ผู้ชายสวมใส่ชุดสูทที่ดูดีทั้งตัว สวมใส่แว่นตาที่มีขอบอันหนึ่ง ดูแล้วรู้สึกนุ่มนวลมาก
เขาเดินขึ้นไปบนเวทีถือไมโครโฟนอยู่ รักษารอยยิ้มที่เป็นมืออาชีพไว้ “ยินดีต้อนรับทุกท่านมาถึงสถานที่จัดงานประมูลหลันจู คำพูดไร้สาระจะไม่พูดเยอะ พวกเราเริ่มเลยโดยตรง”
“สินค้าประมูลชิ้นแรก สาวสวยงดงามหนึ่งในโลกคนหนึ่ง รูปร่างยิ่งทำให้คนเส้นเลือดพองบวม”
“คำพูดอื่นๆก็ไม่พูดมากอีกแล้ว ให้ทุกคนดูให้สะใจสักหน่อย”
คำพูดนี้พูดจบก็มีผู้ชายที่สวมใส่เสื้อเครื่องหมายตระกูลหงหลายคนเข็นกรงเหล็กอันหนึ่งขึ้นมาบนเวที แต่กรงเหล็กนั้นใช้ผ้าสีดำหุ้มไว้
หลังจากผู้ชายหลายคนนั้นผลักกรงเหล็กขึ้นเวทีแล้ว หมุนตัวลงไปเลย
พิธีกรเดินไปถึงข้างหน้ากรงเหล็ก เปิดผ้าสีดำออกทันที
ไป๋ยี่เฟยมองเห็นฉากนี้ ใจล้วนเศร้าขึ้นมาแล้ว
วินาทีถัดมา ผ้าสีดำเปิดออกชั่วพริบตาเดียวไป๋ยี่เฟยโล่งอกหนึ่งที ผู้หญิงที่อยู่ข้างในนั้นไม่ใช่หลิวเสี่ยวอิง
แต่เป็นสิ่งที่งดงามอย่างหนึ่งจริงๆ หน้าตาสวยมากก็พอว่า ยังสวมใส่ชุดคอสเพลย์แม่บ้านที่ทำให้คนคิดไปเองได้ตัวหนึ่ง ทำให้รูปร่างที่เว้านูนสมบูรณ์ของเธอปรากฏชัดเจนออกมา
มือทั้งคู่ของเธอถูกหมัดไว้ ในปากก็ยัดผ้าชิ้นหนึ่งไว้เช่นกัน แต่ในสายตาของเธอเผยความหวาดกลัวอยู่
พิธีกรใจดีมากเอาผ้าที่อยู่ในปากของเธอออก แต่ผู้หญิงได้ช่องว่างก็ร้องตะโกนทันที “ช่วยฉัน ปล่อยฉันออกไป ช่วยฉัน……”
แต่ว่าไม่มีประโยชน์เลย คนที่อยู่ใต้เวทีไม่มีความเห็นใจแม้แต่นิด อีกทั้งล้วนส่งเสียงโห่ร้องสร้างความวุ่นวายอยู่
สำหรับพิธีกร ก็คือเอาแส้ยาวหนึ่งเส้นเฆี่ยนลงกับผู้หญิง “แม่มึงเอ่ย เงียบๆหน่อย!”
“อ่า!”
บนกายผู้หญิงถูกเฆี่ยนหนึ่งที ทันใดนั้นเกิดรอยแดงขึ้น ผู้หญิงยิ่งตะโกนร้องไห้
ไป๋ยี่เฟยเห็นฉากนี้ กำกำปั้นของตนเองอย่างแน่นกัดฟันโมโหจ้องเขม็ง
ไป๋ยี่เฟยสูดลมหายใจลึกๆอยู่ ทำให้ตัวเองใจเย็น
เขาวู่วามเหมือนดั่งแต่ก่อนไม่ได้ อีกทั้งในตอนนี้ที่นี่ไม่ใช่เขตอิทธิพลของเขา การวู่วามไม่ได้รับสิ่งที่ดี ยิ่งกว่านั้นอีกเขาจะหาหลิวเสี่ยวอิง จะต้องอดทนไว้
ไม่ใช่ไป๋ยี่เฟยใจดีมากมาย แต่การกระทำที่ไม่มีความเป็นมนุษย์เลยสักนิดแบบนี้ ทำให้เขานึกถึงหลงหลิงหลิงที่เคยถูกแส้เฆี่ยนจนหายใจแขม่วๆอีกทั้งตัวเองที่ถูกจูฉวนอู่ตีจนแปรสภาพอยู่บนเรือ
ผู้หญิงยิ่งตะโกนร้องไห้ พิธีกรก็ตีจนยิ่งมีพลังมีกำลัง
“เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ…….”
เสียงแส้ดังก้องอยู่ในหูไม่ขาดสาย
ไป๋ยี่เฟยโกรธแค้นเหลือเกิน กลับได้แต่กัดฟันอย่างแน่น
ลู่หยางที่นั่งอยู่ข้างๆเขา สังเกตเห็น ความผิดปกติของไป๋ยี่เฟย รีบพูดว่า “เถ้าแก่ไป๋ อยู่ในพวกเราที่นี่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปกติ เพียงแค่ตียังไม่ตาย ผู้หญิงเหล่านั้นล้วนจะถูกตีจนยอมศิโรราบ”
ไป๋ยี่เฟยกัดฟันถามว่า “ผู้ชายล่ะ? ถึงแม้ว่าผู้ชายถูกตีอย่างนี้ ก็จะใช้แขนค้ำจุนไว้ได้ตลอดหรือ?”
ลู่หยางอึ้งชะงักหนึ่งที ดูเหมือนไม่เข้าใจความหมายของไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยเม้มปาก สูดลมหายใจลึกๆอีกหนึ่งที ส่ายหัวนิดๆพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
ไม่รู้ว่าตีไปนานขนาดไหน เสียงร้องที่เศร้าโศกของผู้หญิงค่อยเบาลงมา มีผู้ชายบางคนทนดูไม่ได้แล้ว ร้องทันทีพูดว่า “ผมว่า อย่าตีอีกเลย ถ้าคุณตีคนจนตายแล้ว แม่มึงเอ่ยใครจะซื้อคนที่ตายแล้วล่ะ?”
ได้ยินคำพูดนี้ พิธีกรหยุดมือทันที
และผู้หญิงที่อยู่ในกรงเหล็กนั้นก้มหัวอยู่ สะอื้นเบาๆ กลับไม่กล้าตะโกนร้องไห้อีกเลย
พิธีกรโยนแส้ทิ้ง อมยิ้มหนึ่งทีพูดกับคนทั้งหลายว่า “ทุกคนล้วนไม่รู้ สาวใช้ที่ไม่เชื่อฟังก็ควรตี ถ้าหากพวกคุณประมูลได้แล้ว เธอไม่เชื่อฟังจะไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบของเราหรือ?”
“พวกเราตีจนให้พวกเธอยอมศิโรราบก่อนแล้ว หลังจากพวกคุณซื้อแล้ว จึงจะเชื่อฟังไม่ใช่หรือ?”
ได้ยินคำพูดนี้มีคนรู้สึกว่ามีเหตุผล กลับมีคนตอบโต้พูดว่า “งั้นถ้าตีจนพิการ ตีจนเสียหายไปแล้ว เพิ่งประมูลได้คนก็ตายไปแล้ว จะทำยังไงดีล่ะ? นี่ไม่ใช่หลอกพวกเราอยู่หรือ?”
พิธีกรได้ยินคำพูดนี้สีหน้าเย็นชาลง โอหังอย่างมากพูดว่า “คุณถึงขนาดกล้าพูดว่าพวกเราตระกูลหงหลอกคนหรือ?”
ทันทีที่คำพูดนี้พูดออกไป ทั้งงานล้วนเงียบไปเลย
หลันจูเป็นอุตสาหกรรมการผลิตของตระกูลหง ดังนั้นพูดว่า เกิดเรื่องอะไรก็เข้าใจว่าเป็นตระกูลหงโดยตรง
แต่ว่าตระกูลหงเป็นคนที่คุมหางเสือในเขตที่สี่ ใครจะกล้าไปสงสัยตระกูลหงอีกล่ะ แส่หาเรื่องตระกูลหงหรือ?
“ก็บอกกับพวกคุณอยู่ที่นี่ พวกเราตระกูลหงทำการค้าขายดำเนินการตามที่คุณยอมผมให้ แม่มึงเอ่ยถ้าหากว่าคุณไม่ยอมทำการค้าขายกับพวกเราสามารถไสหัวออกไป ถ้าหากอยากจะก่อเรื่องอยู่ที่นี่ ไม่ว่าเป็นใคร สภาพก็ล้วนดูแย่มาก” พิธีกรพูดอย่างหยิ่งยโสมาก
ในงานเงียบมากเหมือนเดิม
วินาทีถัดมา พิธีกรยักรอยยิ้มที่เป็นมืออาชีพขึ้นมาอีก “เอาล่ะ พวกเราดำเนินการต่อเถอะ”
“สำหรับสินค้าประมูลนี้ ผมก็จะไม่แนะนำมากกว่านี้แล้ว เป็นสินค้าประมูลชิ้นแรกของวันนี้ ให้ราคาโปรโมชั่นแก่ทุกคนสักหน่อย”
“ทองคำหนึ่งนิ้ว”
ทองคำหนึ่งนิ้วหมายถึงทองคำใหญ่ขนาดเท่านิ้วหนึ่งข้อขนาดนั้น นี่ถือว่าเป็นทองคำที่ใหญ่มากแล้ว
แต่ว่าพูดขึ้นมาแล้ว ใช้ราคาสูงขนาดนี้ซื้อสาวใช้เหล่านี้ก็ไม่ใช่ไม่ได้รับผลประโยชน์
เพราะว่าซื้อกลับไปก็เป็นของตนเองเพียงคนเดียว จะทำยังไงก็ตามใจคุณได้ อีกทั้งผู้หญิงเหล่านี้ก็ดีกว่าผู้หญิงเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเยอะเลย
จากนั้นมีคนเสนอราคาทันที “หนึ่งนิ้วสามเม็ด!”
เม็ดของที่นี่หมายถึงทองคำขนาดใหญ่เท่าเม็ดข้าวหนึ่งเม็ด
“หนึ่งนิ้วแปดเม็ด!”
“หนึ่งนิ้วหนึ่งเล็บ!”
เล็บหมายถึงทองคำขนาดใหญ่เท่าเล็บมือ
“หนึ่งนิ้วสองเล็บ”