ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 816
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
เพราะแขนของเขาถูกดึงจนขาด แต่ไม่ใช่ถูกตัดขาด เส้นเลือดของบาดแผลได้ขาดอยู่ภายในไปตั้งนานแล้ว
ศิษย์น้องเต้าจ่างกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด “ศิษย์พี่…..โอ๊ย……เจ็บมาก……ศิษย์พี่……”
เต้าจ่างมองดูเขาแล้วหลับตาลงอย่างเงียบๆ และพูดว่า: “เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว”
ต่อจากนั้นเต้าจ่างก็กดฝ่ามือไปที่กึ่งกลางระหว่างกลางคิ้วของเขา
ดวงตาทั้งสองของศิษย์น้องเต้าจ่างเบิกกว้าง ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร ก็ตายแล้ว
และเหลือเพียงยอดฝีมือระดับที่สองอยู่เพียงสองคน ตอนนี้ก็ไม่กล้าที่จะดูถูกไป๋ยี่เฟยอีกต่อไป จนถึงตอนนี้ขาทั้งสองของพวกเขายังอ่อนอยู่ และความหวาดกลัวในใจก็ไม่เคยหายไป
……
ในวันนั้นตอนที่ท้องฟ้าปรากฏสีน้ำเงินให้เห็น ก็เหมือนกับทะเล มองไปแล้วมองไม่เห็นขอบฟ้า
มีเมฆสีขาวขนาดใหญ่หลายก้อนลอยอยู่บนทะเลที่สงบ ภายใต้เมฆสีขาวก้อนใหญ่มีเกาะเล็กที่ทำให้คนค้นพบได้ยากลอยอยู่บนทะเล
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยตื่นขึ้นมา เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เงาของใบไม้บดบังแสดงแดดที่แผดเผา
เสียงของสองพี่น้องตระกูลลู่ก็ดังอยู่ไม่ไกล
“พี่รอง พี่ลากเขา…..ขึ้นมาทำไม?”เสียงของลู่หยางอ่อนแอลงเล็กน้อย ฟังดูเหมือนได้รับบาดเจ็บ
ลู่เหมียวเหมียวก็ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ เสียงของเธอก็อ่อนแอลงเล็กน้อย แต่ว่ามีแรงมากกว่าลู่หยาง“นายยังอยากมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?”
“แน่นอนว่าอยากมี!”ลู่หยางตอบ เกรงว่าคงจะไม่มีใครไม่อยากมีชีวิตอยู่
ลู่เหมียวเหมียวพูดอย่างช่วยไม่ได้: “ถ้าอย่างนั้นนายคิดว่า อย่างพวกเราสองคนก็สามารถกลับไปที่หลันเต่าจากบนทะเลนี้ได้เหรอ?”
ลู่หยางเงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงก็ยิ่งอ่อนแอลงไป“ไม่ได้…..”
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาสองคนพี่น้องออกมาจากหลันเต่า พวกเขาไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อน แล้วจะรู้วิธีกลับไปที่หลันเต่าได้อย่างไร?
ลู่เหมียวเหมียวพูดอย่างขมขื่น: “เขาน่าจะรู้ พวกเขามีเพียงแค่อาศัยเขาเท่านั้นถึงจะรอดกลับไปได้ แต่ว่า…..ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถให้อภัยเรื่องราวที่พวกเราทำก่อนหน้านี้ได้หรือเปล่า?”
“พี่รอง เขาเป็นศัตรูของพวกเรา พวกเราจะไปขอร้องเขาได้อย่างไร?” ลู่หยางพูดอย่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ลู่เหมียวเหมียวหันหน้า มองไปที่ลู่หยางแวบหนึ่ง ต่อจากนั้นพูดเบาๆว่า : “นายจำอาหวางได้มั้ย? ตอนที่นายอายุสามปีไม่ทันระวังตกลงไปในแม่น้ำ เขาเป็นคนช่วยนายขึ้นมา”
“พี่พูดถึงเรื่องนี้ทำไม?” ลู่หยางรู้สึกไม่มีความสุข
ลู่เหมียวเหมียวกลับยิ้มเจื่อนๆแล้วพูดว่า: “ตอนนั้นอาหวางใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อช่วยนาย ช่วยนายได้แล้ว เขากลับถูกน้ำพัดพาไป”
“ตอนนั้นป้าหวางบอกว่าเธอไม่โทษนาย นี่ไม่ใช่ความผิดของนาย ตัวของอาหวางโชคไม่ดีเอง”
“เสี่ยวหยาง ทุกคนค่อยเอาอกเอาใจนายมาตั้งแต่เล็กจนโต ถึงได้ทำให้นายไม่ได้สัมผัสกับโลกแห่งความเป็นจริงมาก่อน มีความคิดมากมายที่ไม่ถูกต้อง”
“ในความคิดที่ไม่ถูกต้องของนาย นายคิดว่าเขาเป็นศัตรูของพวกเรา ดังนั้นถึงได้เกลียดเขามากขนาดนี้”
สำหรับคำพูดของลู่เหมียวเหมียว ลู่หยางยิ่งไม่พอใจ และพูดอย่างโกรธเคือง: “ความคิดของฉันไม่ถูกต้องตรงไหน เขาฆ่าครอบครัวของพวกเราตายไม่ใช่เหรอ? อีกอย่าง ในเมื่อพี่พูดแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นความคิดของพี่ใหญ่ก็ผิดเหรอ?”
“ทำไมพี่ต้องช่วยพูดแทนศัตรูด้วย? พี่ยังเป็นพี่สาวของฉันอยู่หรือเปล่า เป็นคนของตระกูลลู่อยู่หรือเปล่า”
เมื่อลู่เหมียวเหมียวได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกหมดหนทาง ทำได้เพียงถอนหายใจ และไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมลู่หยางอีกต่อไป
อันที่จริง ในใจของตัวเธอเองก็คิดไม่ออกว่า พวกเขาควรเกลียดไป๋ยี่เฟย หรือว่าควรขอบคุณไป๋ยี่เฟย?
ลู่เหมียวเหมียวพูดเบาๆ: “นายพักผ่อนให้เต็มที่ก่อน ฟื้นฟูกำลัง”
หลังจากที่พูดจบดูเหมือนเธอกำลังทำอะไรบางอย่าง
ไป๋ยี่เฟยหันหน้าไปมอง พบว่าลู่เหมียวเหมียวถือไม้ชิ้นหนึ่งอยู่ในมือ ต่อจากนั้นก็ปั้นกับไม้อีกชิ้นหนึ่ง
เห็นได้ชัดมากกว่า นี่กำลังปั้นไม้ก่อไฟ
อยู่ที่บนท้องทะเลอันกว้างใหญ่ มีเพียงเกาะเล็กแห่งนี้ และเกาะเล็กแห่งหนึ่งถูกทิ้งร้างไม่มีอะไร
กลัวว่าคงต้องใช้โชคทั้งชีวิตของพวกเขา ถึงได้ถูกพัดพาขึ้นมาบนเกาะเล็ก แทนที่จะจมอยู่ในทะเล หรือว่าเป็นอาหารของฉลาม
แต่ว่าโทรศัพท์และไฟแช็กของไป๋ยี่เฟยแช่อยู่ในน้ำทั้งหมด และไม่สามารถใช้ได้
และพวกเขาต้องการออกจากที่นี่ในเวลาอันสั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลับไปที่หลันเต่า ดังนั้นทำได้เพียงอยู่ที่บนเกาะเล็กไปชั่วคราวก่อน
ถ้าอย่างนั้นในเมื่ออยู่ที่นี่ คงจะต้องทานอาหารดื่มน้ำอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้นไฟก็จำเป็น
มีไฟแล้วไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายอบอุ่นเท่านั้น ยังสามารถต้มอาหารทานได้ และบางทีตอนกลางคืนอาจจะใช้มาขับไล่ภัยอันตรายที่ไม่รู้ได้
ไป๋ยี่เฟยเห็นท่าทางที่ปั้นไม้ก่อไฟของลู่เหมียวเหมียว ก็อยากจะหัวเราะอย่างกะทันหัน
แบบนี้ก็สามารถก่อไฟออกมาได้ ไป๋ยี่เฟยก็จะแซ่เดียวกันกับเธอแล้ว
……
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ลู่เหมียวเหมียวเหงื่อไหลออกมาทั่วทั้งตัวแล้ว แต่ว่าไม่มีประกายไปแม้แต่น้อย
และลู่หยางก็นอนหลับอยู่ข้างๆ
ลู่เหมียวเหมียวหมดความอดทน และโยนไม้ออกไปแล้วพูดว่า: “ปั้นมานานขนาดนี้ก็ไม่สามารถก่อไฟได้ ช่างเถอะๆ ฉันจะไปหาดูว่ามีผลไม้ป่าอะไรมั้ย?”
เกาะเล็กแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยพืชพรรณบางชนิด บางทีอาจจะมีผลไม้ป่า
หลังจากที่ลู่เหมียวเหมียวลุกขึ้น ไป๋ยี่เฟยมองดูลู่เหมียวเหมียวที่เดินลึกเข้าไป ต่อจากนั้นเขาก็พบว่าไม่รู้ว่าทำไมชายกระโปรงของลู่เหมียวเหมียว ถึงได้มีรอยขาดขนาดใหญ่อยู่
ไป๋ยี่เฟยคิดดู บางทีอาจจะฉีกขาดตอนที่ถูกพัดพาขึ้นมาบนเกาะเล็ก
ลู่เหมียวเหมียวไปคนเดียวก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ตอนที่เดินเข้าไปข้างในก็ระมัดระวังอย่างมาก
ตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว และในไม่ช้าฟ้าก็จะมืดแล้ว
ไป๋ยี่เฟยคิดไปสักครู่ รอหลังจากที่ฟ้ามืดถ้าหากไม่มีไฟ พวกเขาคงจะทนไม่ได้
ดังนั้นหลังจากที่ลู่เหมียวเหมียวจากไป ไป๋ยี่เฟยก็ฝืนทนร่างกายของตัวเองลุกขึ้นมานั่ง แต่ว่าที่ท้องของเขามีอาการปวดอย่างรุนแรง
ไป๋ยี่เฟยก้มหน้าลงไปดู พบว่าที่ท้องยังมีกริชแทงอยู่หนึ่งเล่ม โชคดีที่กริชไม่ได้แทงลึกมากนัก และไม่ได้แทงลึกเข้าไปที่อวัยวะภายใน
แต่ถึงกระนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ยังมีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก แล้วก็แช่ในน้ำทะเลด้านบนบวมและซีดเผือด
ไป๋ยี่เฟยมองดูกริช กัดฟันจับที่ปลายด้านหน้าของกริช ดึงอย่างกะทันหัน และดึงกริชออกมา
ทันทีที่ดึงออกมาก็มีเลือดไหลออกมามากมาย
ไป๋ยี่เฟยรีบฉีกแขนเสื้อข้างหนึ่งของตัวเอง ต่อจากนั้นก็พันแผลไปอย่างลวกๆ และรัดให้แน่นเพื่อห้ามเลือด
หลังจากที่ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ เขาเอนกายพักผ่อนอยู่ที่ลำต้นของต้นไม้เป็นเวลานานถึงได้ทุเลาลงมา
หลังจากที่ทุเลา เขาถึงได้ลุกขึ้นอย่างช้าๆหาพวกฟืนแห้งที่อยู่บริเวณใกล้เคียงนี้ ยังมีพวกหญ้าแห้ง
ต่อจากนั้นเขาก็ใช้กริชตัดผ้าจากบนเสื้อผ้า แล้วนำไปแตกแดด
ต่อจากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ถึงยังไงก็ใช้ไม่ได้ ก็ทุบจนมันเสียหาย หยิบเลนส์กล้องตัวเล็กของข้างในออกมา ใช้เลนส์นูนเล็กๆ เทียบให้ตรงกับดวงอาทิตย์และเศษผ้ากับหญ้าแห้งบนพื้น
ไม่นาน หญ้าแห้งก็ไหม้
เดิมทีเขาทำแบบนี้เพียงแค่หอบความคิดลองดู เพราะนี่เป็นวิธีการที่เขาเคยเห็นบนอินเทอร์เน็ต คาดไม่ถึงว่าจะใช้ได้จริงๆ
ต่อจากนั้นไป๋ยี่เฟยก็วางฟืนแห้งไว้บนเปลวไฟ รอหลังจากที่ไหม้ก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นมา
ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ถึงได้เดินไปที่ใต้ต้นไม้ใหม่อีกครั้ง เตรียมพักผ่อนสักพัก
แต่ในเวลานี้ กลับมีเสียงกรีดร้องดังมาอย่างกะทันหัน
“กรี๊ดดดด!”
สีหน้าของไป๋ยี่เฟยถอดสี นี่เป็นเสียงของลู่เหมียวเหมียว
อยู่ในป่าลึกคนเดียวอาจตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นไป๋ยี่เฟยไม่ได้คิดอะไร ก็ไปตามหาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
หลังจากเดินไปได้ไม่นาน ก็พบลู่เหมียวเหมียวที่นอนอยู่บนพื้น และมีผลไม้ป่าหล่นลงบนพื้นที่ข้างกายของเธอ
ไป๋ยี่เฟยเดินไปตรวจสอบดูรอบหนึ่ง พบว่าที่น่องของลู่เหมียวเหมียวมีบาดแผล และมีเลือดออก
เมื่อเห็นท่าทางของลู่เหมียวเหมียว ก็เข้าใจทันที
เธอน่าจะเหยียบตะไคร่น้ำ ล้มลงอยู่บนพื้นโดยไม่ทันได้ระวัง และถูกกิ่งไม้บนพื้นบาดโดนเป็นบาดแผล ในเวลาเดียวกันก็หมดสติไป
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่ไม่เจอกับสิ่งที่อันตรายอะไร
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยรีบดึงแขนเสื้ออีกข้างหนึ่งออก และพันผ้าพันแผลที่น่องของเธอไว้
ลู่เหมียวเหมียวหมดสติไปแล้ว ต้องการให้เธอออกจากที่นี่ ก็มีเพียงอุ้มเธอกลับไป
แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ทำให้ไป๋ยี่เฟยนึกถึง เรื่องราวที่ตัวเองช่วยฉีฉีที่หลันเต่า
เมื่อนึกถึงฉีฉี ก็เริ่มกังวลขึ้นมาอีก
ไม่รู้ว่าสถานการณ์ฝั่งของฉีฉีเป็นอย่างไร?
เมิ่งฉิงมีจุดประสงค์อะไร?
ตอนนั้นเต้าจ่างบอกว่า ถ้าหากเขาแกล้งทำเป็นตกลงจะทำอย่างไร เต่าจ้างก็บอกว่า เขามีวิธีที่ทำให้เขาตกลงด้วย