ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 833
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของเต้าจ่างยิ่งดูแย่กว่านี้อีก
ไป๋ยี่เฟยและคนอื่นๆหลังจากเข้าไปในห้องเก็บของของห้องผู้โดยสารแล้ว คนอื่นๆที่อยู่บนดาดฟ้าเรือหลังจากไม่มีการคุกคามแล้ว ต่างคนต่างก็เข้าไปเช่นกัน บางคนตอนที่เดินผ่านข้างกายเต้าจ่างยังอดไม่ไหวที่จะพูดว่า “ทำไมปลงไม่ตกขนาดนี้ล่ะ?”
“ไม่มีเรื่องที่สอนจระเข้ว่ายน้ำ!”
……
เต้าจ่างก็ยังมีลักษณะท่าทีที่สีหน้าราบเรียบเหมือนเดิมแบบนั้น ดูแล้วไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านี้เลยสักนิด ตามความจริงกำปั้นของเขาแอบซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกำอย่างแน่น
เวลาจากนี้ไป ในที่สุดก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว
ผ่านไปเพียงแค่หนึ่งวัน พวกเขาก็กลับถึงหลันเต่าแล้ว
ตอนที่มองเห็นฝั่ง เต้าจ่างกำลังยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือจ้องมองไป ก็ได้เห็นว่าบนท่าเรือมีคนยืนอยู่มากมาย
คนเหล่านั้นล้วนเป็นคนเสื้อดำทั้งหมด ยืนอยู่ข้างหน้าสุดคือเฉินอ้าวเจียว ฉางเชี่ยวกับซาเฟยหยางนั่นเอง
กำลังอยู่ในเวลานี้ มีเสียงเสียงหนึ่งส่งมาจากข้างหลังของเขา “คุณไสหัวออกไปก่อนได้แล้ว”
ไม่รู้ว่าไป๋ยี่เฟยมาถึงข้างหลังของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ในมือยังจับดินระเบิดไว้หมัดหนึ่ง สายตาเหยียดหยามพูดว่า “ถ้าหากว่าคุณยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อล่ะก็ รีบไสหัวออกไป”
ในตอนนี้เต้าจ่างมองเห็นไป๋ยี่เฟยล้วนมีลักษณะท่าทีที่แทบอยากจะฆ่าเขาตายใจจะขาด “ผมจะฆ่าคุณตอนนี้เชื่อหรือไม่!”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัวต่อๆกันพูดว่า “ไม่เชื่อ เหมือนดั่งที่คุณเข้าใจผม ผมก็เข้าใจคุณเช่นกัน อีกทั้งคุณถนอมชีวิตมากกว่าผม จะไม่ใช่อย่างนั้นเชียวหรือ?”
นิสัยของเต้าจ่างคือ จะไม่เอาด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลเพื่อบรรลุถึงจุดประสงค์ แต่ก่อนที่จะบรรลุจุดประสงค์นี้ เขาทั้งยังระมัดระวังมากในเรื่องเล็กๆน้อยๆ จะไม่ไปเสี่ยงอย่างเด็ดขาด
ยิ่งกว่านั้นอีก คนที่มีพลังความสามารถอย่างเต้าจ่าง อะไรล้วนไม่กลัว กลัวเพียงแค่ตาย
ดังนั้นเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ไม่ว่าจะได้รับการเหยียดหยามอะไร ไม่ว่าจะทำอะไร เขาล้วนทนรับได้
เต้าจ่างจ้องเขม็งไป๋ยี่เฟยอย่างแน่นพูดว่า “หลังจากหนึ่งเดือน การลบหลู่ที่ได้รับในวันนี้ทั้งหมด จะขอมอบคืนให้คุณเป็นสิบเท่า!”
ไป๋ยี่เฟยพูดเบาๆอย่างแน่ใจว่า “งั้นก็ไม่แน่ล่ะ”
เต้าจ่าง ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่ง ก็ไม่ได้พูดมากกว่านี้อีก จากนั้นเดินไปยังอีกข้างหนึ่งของเรือกระโดดลงไปในทะเล
ตลอดเวลาที่ดูแล้วลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูก เต้าจ่างที่อะไรก็ไม่ได้อยู่ในสายตา ตอนนี้คับขันลำบากขนาดนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าไป๋ยี่เฟยจะดีใจมากขนาดไหนแล้ว
……
หลังจากเรือถึงท่าเรือ คนกลุ่มหนึ่งเดินลงจากเรือ พวกเขาไป๋ยี่เฟยก็นั่งอยู่บนรถบรรทุกที่ฉางเชี่ยวโยกย้ายมาโดยเฉพาะ กลับไปเมืองเจาหยางพร้อมกัน
หลังจากกลับไปพร้อมกันแล้ว อารมณ์ของไป๋ยี่เฟยซึมเศร้าขึ้นมาอีก
เนื่องเพราะหลิวเสี่ยวอิง
ไป๋ยี่เฟยเดินไปยังห้องนอนที่หลิวเสี่ยวอิงพักอยู่ หลังจากเข้าไปแล้วนั่งอยู่นานมาก
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง เฉินอ้าวเจียวเดินเข้าไปเลย พูดเบาๆว่า “สายอาจารย์โทรมา”
จากนั้นยื่นมือถือให้กับไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยยื่นมือรับไป
โทรศัพท์ฝั่งโน้นส่งเสียงของจื่ออีมาทันที “ไป๋ยี่เฟย ไม่ว่าตอนนี้คุณมีเรื่องอะไร ล้วนกลับมาคลังเก็บทองทันที”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักไปหนึ่งที ถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“ฝั่งโน้นมีการเคลื่อนไหวแล้ว” จื่ออีตอบกลับ
หลังจากไป๋ยี่เฟยได้ยินตื่นตะลึงอย่างกะทันหัน เพราะว่าฝั่งโน้นที่จื่ออีพูด สิ่งที่บ่งชี้คือเมืองหลวงกับเมืองเทียนเป่ย
ตามที่พวกเขาคาดเดา เหลียงเหว่ยชาวก็เพียงแค่แม่ทัพเล็กที่ถูกส่งออกมาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่มือดำที่อยู่เบื้องหลังจริงๆเลย และพวกเขามาหลันเต่าก็คิดจะประยุกต์ใช้เวลามาดูว่ามือดำที่อยู่เบื้องหลังตกลงมีการเคลื่อนไหวอะไรกันแน่
การกระทำเช่นนี้ของพวกเขาก็คือจะสู้กับมือดำที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นว่า ใครจะมีความอดทนมากกว่า
ดังนั้นได้ยินคำพูดเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยเรียกเฉินอ้าวเจียว ซาเฟยหยาง สวีลั่งกับไป๋หู่ทันที จากนั้นเดินทางไปยังคลังเก็บทองของ หลันเต่าพร้อมกัน
ส่วนคนอื่นๆ ไป๋ยี่เฟยให้พวกเขาฟังการวางแผนของฉางเชี่ยวก่อน
หลังจากผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ไป๋ยี่เฟยกลับถึงคลังเก็บทอง
อยู่ในคลังเก็บทอง ไป๋ยี่เฟยมองเห็นจื่ออีกับฉินหัวในใจยังมีความละอายอยู่เล็กน้อย เอ่ยปากกล่าวขอโทษก่อน “ขอโทษ ครั้งนี้…….”
แต่ว่าคำพูดเขายังพูดไม่จบ จื่ออีก็ดึงไป๋ยี่เฟยเข้าไปในถ้ำก่อน ฉินหัวก็เดินตามไปด้วย
ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักไปพริบตาเดียว เขายังเป็นครั้งแรกที่ถูกจื่ออีลากขนาดนี้
รอหลังจากไปถึงห้องนอนห้องหนึ่ง จื่ออีพูดอย่างจริงจังว่า “นั่งก่อน ฉันมีเรื่องจะพูด”
จากนั้นไป๋ยี่เฟยกับจื่ออีนั่งตรงข้ามกัน
จื่ออีสวมใส่เสื้อคลุมสีครีมของเธอเหมือนเดิม หลังจากนั่งลงไปพูดอย่างจริงจังว่า “ช่วงนี้ท่าเรือที่อยู่บริเวณใกล้เคียงของเมืองหลวง มีเรือจำนวนมากได้รับใบว่าจ้าง”
“จากนี้เห็นได้ว่า พวกเขาน่าจะมีความคิดอะไรกับหลันเต่า”
ไป๋ยี่เฟยถามว่า “ท่านรู้ได้ยังไงหรือ?”
“ย่อมมีช่องทางอื่นอยู่แล้ว” จื่ออียิ้มพูด ยังชี้ไปข้างนอก ชี้แล้วชี้อีก
ไป๋ยี่เฟยเข้าใจทันที นี่น่าจะพูดถึงฉินหัว ฉินหัวเป็นของรัฐบาล
งั้นข่าวนี้จะต้องถูกต้องแม่นยำ
แต่ว่าตอนนี้ไป๋ยี่เฟยยังมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง “อาจารย์ ในตอนนี้พวกเขายังไม่มีการเคลื่อนไหวที่เป็นรูปธรรม ก่อนเรื่องนี้ช่วยผมทำเรื่องหนึ่งได้ไหม?”
“เรื่องอะไรหรือ?” จื่ออีถาม
ไป๋ยี่เฟยสีหน้ามั่นคงยืนหยัดพูดว่า “ผมอยากจะอยู่ภายในหนึ่งเดือนกลายเป็นยิ่งแข็งแกร่งกว่านี้”
จื่ออีพยักหน้าต่อๆกันพูดว่า “ได้ อยากจะบรรลุถึงระดับอะไรล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้ทันใดนั้นตื่นเต้นขึ้นมา พูดว่า “สู้ชนะเต้าจ่างได้ก็พอแล้ว!”
จื่ออี “…….”
เดิมทีจื่ออีแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม หลังจากได้ยินคำพูดนี้รอยยิ้มหายไปทันที “คุณกำลังล้อเล่นกับฉันอยู่หรือ?”
“ไม่มีล่ะ อาจารย์ เป็นยังไงแล้วหรือ?” ไป๋ยี่เฟยมีความแปลกใจเล็กน้อย
จื่ออีพูดไม่ออกเล็กน้อยว่า “คุณรู้ไหมว่านี่คุณกำลังฝันหวานฝันกลางวันอยู่ล่ะ? เต้าจ่างเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ยากที่จะได้เห็น เป็นลูกศิษย์ที่ล้ำเลิศที่สุดจากการสั่งสอนของซินชิว”
“เขาฝึกฝนนานมากเท่าไหร่ และคุณฝึกฝนเท่าไหร่อีกล่ะ? อยากจะสู้ชนะเขาได้ ไม่ใช่ฝันหวานฝันกลางวันคืออะไรล่ะ?”
“ยิ่งกว่านั้นอีกแม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ของคุณ คุณล้วนสู้ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเต้าจ่างเลย”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้ไม่ยอมแล้ว “อาจารย์ ท่านนี่ไม่ใช่ดับอำนาจอันน่าเกรงขามของตนเองเพิ่มพลังอำนาจของคนอื่นอยู่หรือ ท่านดูสิถ้าท่านอยู่ภายในเวลาสั้นๆทำให้ผมกลายเป็นแข็งแกร่งสามารถสู้เต้าจ่างได้ จะไม่พูดได้ว่าท่านแข็งแกร่งกว่าซินชิวหรือ?”
ได้ยินคำพูดนี้จื่ออีอึ้งชะงักไปหนึ่งที จากนั้นนัยน์ตากวาดผ่านแสงตื่นเต้นดีอกดีใจหนึ่งที
หลังจากนั้นอีก จื่ออีลุกขึ้นมาเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนอน ดูเหมือนกำลังลังเลและครุ่นคิดอยู่
ไป๋ยี่เฟยรู้อย่างชัดเจน ทั้งชีวิตนี้จื่ออีแข่งขันกับคนเพียงคนเดียว นั่นก็คือซินชิว
ดังนั้นการประลองฝีมือกันทางอ้อมแบบนี้ สามารถพิสูจน์ว่าเธอแข็งแกร่งกว่าซินชิว จื่ออีย่อมใจหวั่นไหวอยู่แล้ว
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพพูดอีกว่า “อาจารย์ ถ้าไม่ท่านดูพลังความสามารถของผมในตอนนี้ก่อนล่ะ?”
หลังจากจื่ออีได้ยินเสียงหยุดยืนนิ่งลง จ้องมองไป๋ยี่เฟยหนึ่งที
ไป๋ยี่เฟยเข้าไปในสภาวะแบบนั้นทันที ตาเป็นสีแดง เส้นผมเป็นสีขาว
อีกทั้งพลังอำนาจที่อยู่บนกายเขามีแรงกดขี่มากกว่าก่อนหน้านั้น ถึงแม้ว่าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งล้วนสามารถรู้สึกได้
จื่ออีมีความประหลาดใจเล็กน้อยจ้องมองไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยแสยะปากยิ้มหนึ่งทีพูดว่า “อาจารย์ ขอคำชี้แนะ”
หลังจากพูดจบ ห้านิ้วก็รวมกันกลายเป็นหนึ่งฝ่ามือ ตบไปยังจื่ออี
หลังจากจื่ออีมองเห็นแล้วมีความตื่นตะลึงเล็กน้อย จากนั้นไม่รีบไม่ร้อนยกมือขึ้นมา สะบัดเบาๆหนึ่งที
“เพียะ!”
แขนเสื้อของเธอสะบัดฝ่ามือของไป๋ยี่เฟยเพี้ยนทิศทางไป ในเวลาเดียวกัน เธอก็ยื่นฝ่ามือออกไปยังไป๋ยี่เฟย แต่ว่าเธอไม่ได้ตบลงไป ไม่งั้นล่ะก็ ไป๋ยี่เฟยก็จบเลย
ท่าที่มั่นใจในตนเองเต็มเปี่ยมของไป๋ยี่เฟย ผลสุดท้ายกลับถูกจื่ออีสะบัดอย่างเบาๆหนึ่งทีเอาชนะเลย ทันใดนั้นรู้สึกผิดหวังมาก จากนั้นทำให้ตนเองกลับมามีลักษณะท่าทีที่ปกติอีกครั้ง
“ไอ้ ยังคงห่างไกลเกินไป”
จากนั้นจื่ออีกลับตื่นตะลึงมากจ้องมองเขา “คุณสามารถควบคุมเข้าสู่ในสภาวะแบบนี้หรือ?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าต่อๆกันพูดว่า “อืม ดังนั้นผมจึงมีความมั่นใจเล็กน้อยขนาดนั้นสามารถอยู่ในเวลาสั้นๆทำให้เต้าจ่างพ่ายแพ้ได้”
“หลังจากที่ผมเข้าสู่สภาวะแบบนั้นก็จะรู้สึกมีปฏิกิริยาไวเป็นพิเศษ ได้ชัดเจนมากกับการรับรู้สัมผัสกับท่าร่างและร่องรอยการเรียกใช้ท่า เรียนรู้อะไรก็รวดเร็วมากเช่นกัน”
“ใช่แล้ว หนึ่งฝ่ามือเมื่อกี้นั้นท่านไม่รู้สึกมีความคุ้นเคยเล็กน้อยหรือ?”
จื่ออีอึ้งชะงักไปสักพัก จากนั้นจึงทั้งตื่นตกใจและดีใจพูดว่า “ย่อมคุ้นเคยอยู่แล้ว นั่นเป็นหนึ่งในวิชาที่เลิศล้ำของซินชิว เขาเพียงแค่ถ่ายทอดให้กับเต้าจ่างเท่านั้น”