ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 837
พวกบุคคลยิ่งใหญ่เหล่านั้นแม้ว่าขายหน้ามาก แต่ก็ไม่อยากพลาดการต่อสู้กันตัวต่อตัวอีก ได้เพียงแต่อึดอัดเป็นทุกข์นั่งอยู่ที่นั่งแถวที่สองหรือข้างหลังกว่านี้อีก
จ้าวเห้อก็นั่งอยู่แถวที่สองเช่นกัน แต่ว่าเขาไม่สมัครใจเหมือนเดิม พูดเสียงเบาๆว่า “ผมอยากจะรู้ว่าพวกคุณสามารถลำพองใจนานขนาดไหนล่ะ?”
รอจนเต้าจ่างกับไป๋ยี่เฟยต่อสู้กันตัวต่อตัวจบ ไป๋ยี่เฟยจะต้องเป็นคนที่ตายคนนั้นอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นเขาก็ไม่เชื่อว่าพวกเขายังจะสามารถโอหังออกมาได้!
ในเวลานี้ คนทั้งหลายที่ล้อมดูอยู่ข้างล่างอยู่ดีๆก็คึกคักขึ้นมาแล้ว
“รีบมาดู! มาแล้ว มาแล้ว!”
ตามเสียงของคนทั้งหลาย ทุกคนมองไปยังทางเข้าของโรงเลื่อยไม้
ทางเข้าถูกคนปิดตายแล้ว แต่ว่าพวกเขาล้วนรู้สึกตัวแยกออกเป็นทางหนึ่ง
จากนั้นพวกเขามองเห็นชายคนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อคลุมนักบวชเต๋า สีหน้าเย็นชาเดินมายังฝั่งนี้
เพราะว่าการมาถึงของเต้าจ่าง ทุกคนจ้องมองเขาอยู่โดยจิตใต้สำนึกล้วนเงียบลงมา อยู่ในเวลานี้เต้าจ่างกลายเป็นจุดโฟกัสของทั้งสถานที่ และพวกเขาคนเหล่านี้ล้วนเป็นตัวเสริม
พวกพี่ใหญ่เหล่านั้นที่อยู่บนจุดชมวิว หลังจากมองเห็นเต้าจ่าง ต่างคนต่างทอดถอนใจออกมา
“ว่ากันว่าเต้าจ่างเริ่มฝึกวรยุทธตั้งแต่อายุสิบขวบ อายุสิบห้าปีก็เข้าสู่ขบวนของยอดฝีมือระดับที่สาม อายุยี่สิบสองปีเข้าสู่ขบวนยอดฝีมือระดับที่สอง ตอนที่อายุสามสิบปีกลายเป็นอยู่ยงคงกระพันภายใต้ระดับที่หนึ่ง”
“ปีนี้อายุสี่สิบสามปีแล้ว เต้าจ่างอยู่ระดับสองชั้นยอดสิ้นเปลืองไปแล้วสิบสามปี แม้ว่าไม่สามารถเข้าสู่ระดับที่หนึ่งได้ แต่พลังความสามารถไม่ควรประมาท อีกทั้งสำหรับการรับรู้ถึงวิชาไม่มีใครเทียบได้”
“พรสวรรค์ของเต้าจ่างนี้เพียงพอที่จะทำให้คนอิจฉาแล้ว อีกทั้งยังขยันหมั่นเพียรยึดมั่นถือมั่นขนาดนี้ ก็แค่ไป๋ยี่เฟยแบบนั้น มีสิทธิอะไรที่จะต่อสู้กันตัวต่อตัวกับเต้าจ่างล่ะ?”
“ใช่สิ พลังความสามารถของเต้าจ่างเกือบจะถึงยอดฝีมือระดับที่หนึ่งแล้ว อยู่ภายใต้ระดับที่หนึ่งพูดได้ว่าเป็นอยู่ยงคงกระพัน”
“ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งจะคงอยู่ในเรื่องเล่าล่ะ!”
นั่งอยู่แถวที่หนึ่ง พวกเขาย่อมสามารถได้ยินเสียงทอดถอนใจของคนข้างหลังอยู่แล้ว ดังนั้นลู่เหมียวเหมียวกลายเป็นตื่นเต้นออกมา สีหน้าก็ไม่ดีเล็กน้อย
เพราะว่าดูจากคำสนทนาของพวกเขาแล้ว ไป๋ยี่เฟยต่อสู้กันตัวต่อตัวกับเต้าจ่างเป็นสถานการณ์ที่ตายอย่างแน่นอน
เธอเป็นห่วงไป๋ยี่เฟยมาก
เพราะว่าจะทำการต่อสู้กันตัวต่อตัว ดังนั้นตรงกลางโรงเลื่อยไม้ตั้งใจเหลือที่ว่างไว้แห่งหนึ่ง ยกให้พวกเขามาแสดงความสามารถออกมา
เต้าจ่างเดินเข้าไป ไปถึงจุดศูนย์กลางไขว้ขานั่งลง หลับตา
ถึงแม้ว่ามีคนมากมายขนาดนี้จ้องมองอยู่ เต้าจ่างสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม คล้ายดั่งคนเหล่านี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย
และคนที่อยู่บริเวณนี้ มองเห็นรูปร่างลักษณะที่ใจเย็นขนาดนี้ของเต้าจ่าง เดิมทีที่ใจตื่นเต้นก็ดูเหมือนสงบลงมาเช่นกัน
จากนั้นคนทั้งหลายล้วนรออีกคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาอยู่
จากนั้นครึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว อีกคนหนึ่งยังไม่ได้มา
“เกิดอะไรขึ้นหรือ? ทำไมยังไม่มาล่ะ?”
“ไม่กล้ามาแล้วใช่หรือไม่ล่ะ?”
“ฉันดูแล้วว่าก็คือไม่กล้ามาแล้ว การต่อสู้กันตัวต่อตัวกับเต้าจ่างมีแค่ความตายอย่างเดียว!”
“แต่ถ้าหากว่าเขาไม่กล้ามาล่ะก็ วันหลังเมืองเจาหยางเกรงว่าจะเงยหน้าขึ้นมาอีกไม่ได้แล้ว”
“สิ่งเหล่านี้สำคัญกว่าชีวิตของตนเองได้ที่ไหนล่ะ?”
“ก็พูดถูกนะ!”
และฉางเชี่ยวคนเหล่านี้ที่นั่งอยู่แถวที่หนึ่งสีหน้าก็มีความหนักอึ้งเล็กน้อยเช่นกัน
พูดตามตรง พวกเขาหวังว่าไป๋ยี่เฟยอย่ามา เพราะว่าทุกคนล้วนรู้ อยู่ภายใต้ความต่างกันของพลังความสามารถแบบนี้ ไป๋ยี่เฟยมาแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงแค่ความตายอย่างเดียวจริงๆ
และอยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆจ้าวเห้อถามฉางเชี่ยวอย่างเสียงดังว่า “ผมว่าไป๋ยี่เฟยยังจะกล้ามาหรือไม่ล่ะ?”
ฉางเชี่ยวใบหน้าขึงลับอยู่ ไม่ได้สนใจจ้าวเห้อเลย
……
ในห้องนอนที่หลิวเสี่ยวอิงกับเหลียงยู่เคยพักอยู่มาก่อน ไป๋ยี่เฟยกำลังจ้องมองกระดาษโน้ตที่อยู่ในมือ
นาฬิกาที่แขวนอยู่บนกำแพงเดินถึงเก้านาฬิกาตรงแล้ว
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าขึ้น จ้องมองนาฬิกาหนึ่งที จากนั้นฉีกกระดาษโน้ตทิ้ง
ต่อจากนี้ไป๋ยี่เฟย ค่อยๆเดินออกจากห้องนอน และลงไปข้างล่างอีก ไปยังทิศทางโรงเลื่อยไม้
จางหัวปินไล่ตามเข้าไปทันที มีความเป็นห่วงเล็กน้อยพูดว่า “ไป๋ยี่เฟย สภาวะในตอนนี้ของคุณผิดปกติมาก ผมคงยังให้คนไปแจ้งสักหน่อย วันหลังค่อยต่อสู้กันเถอะ?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตอบเขาเลย แต่ย่างก้าวของเขาไม่ได้หยุด แต่สายตามั่นคงยืนหยัดเดินไปยังโรงเลื่อยไม้ทีละก้าวๆ
สำหรับไป๋ยี่เฟยมากล่าวแล้ว หลิวเสี่ยวอิงยังมีชีวิตอยู่เป็นข่าวดีอย่างหนึ่ง
แต่ความจริงที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ดูเหมือนทำให้เขารู้แล้ว เป็นเขาทำร้ายหลิวเสี่ยวอิง
หลิวเสี่ยวอิงไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ ดังนั้นเลือกจะทำร้ายตนเอง
จากนั้น ทั้งหมดนี้ล้วนถูกศิษย์น้องคนนั้นที่ตนเองเชื่อทำร้ายไปแล้ว
ยิ่งกว่านั้นอีกภรรยาของตนเองตั้งครรภ์มาแปดเดือนกว่าแล้ว ผ่านอีกไม่นานก็จะคลอดแล้ว อยู่ดีๆได้ยินข่าวอย่างนี้ ในใจเธอจะไม่เสียใจได้ยังไงล่ะ?
ในใจหลี่เสว่ย่อมเสียใจมากแน่นอน! และหลิวเสี่ยวอิงในตอนนี้คิดว่าก็ต้องเสียใจมากเช่นกัน!
คนหนึ่งเป็นภรรยาของเขา อีกคนหนึ่งเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดของเขา กลับทำให้พวกเธอเสียใจขนาดนี้ ไป๋ยี่เฟยจะรู้สึกเฉยๆ อารมณ์ไม่หวั่นไหวไปด้วยได้ยังไงล่ะ?
ดังนั้นเขาจึงมั่นคงยืนหยัดมากเดินไปยังโรงเลื่อยไม้
แต่ตอนที่เขาจะเดินออกจากเมืองเจาหยาง มีผู้ชายคนหนึ่งขวางเขาไว้
ผู้ชายคนนี้รูปร่างใหญ่ล่ำ ทั้งตัวล้วนเป็นกล้ามเนื้อ เท้าเหยียบอยู่บนพื้นดินทราย อีกทั้งล้วนเว้าลึกลงไป
ผู้ชายจ้องมองไป๋ยี่เฟยนัยน์ตากวาดผ่านความเหยียดหยาม ฮึ ยิ้มพูดว่า “คุณคือไป๋ยี่เฟยหรือ?”
จากนั้นคนคนนั้นก็เริ่มแนะนำตนเองเลย “ผมชื่อหยูหยาง พลังความสามารถระดับที่สองชั้นกลาง ได้รับการว่าจ้างจากท่านฉุงสาม ตั้งใจมาเอาชีวิตคุณ!”
ได้ยินคำพูดนี้ จางหัวปินสีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยล้วนไม่มีสีหน้าสักนิด อีกทั้งแม้แต่หยุดก็ไม่ได้หยุด เดินไปยังข้างหน้าต่อไป
หยูหยางจ้องมองเขา ยังมีความน่าเสียดายมากส่ายหัวพูดว่า “ช่วงนี้ขาดเงินมากเกินไปแล้วจริงๆ ถ้าไม่ผมจะไม่ช่วยทำงานให้กับคนเหล่านั้น อีกทั้งราคาที่ท่านฉุงสามออกให้ ทำให้ผมใจหวั่นไหวมาก ไม่สามารถปฏิเสธเลยสักนิด นี่ก็ได้เพียงแต่โทษว่าโชคชะตาของคุณไม่ดี”
“ผม……เอ๊ะ? คุณทำอะไรหรือ? คุณหยุดเดี๋ยวนี้ แม่มึงเอ่ย คุณได้ยินหรือไม่?”
“กูให้มึงหยุด ได้ยินไหม?”
“ถ้ามึงยังกล้าก้าวต่อไปอีก กูจะฆ่ามึงโดยตรงเลย!”
หยูหยางอาศัยว่ามีพลังความสามารถของตนเอง ล้วนไม่มองเห็นไป๋ยี่เฟยอยู่ในสายตา ดังนั้นเขาจึงพูดมากมายหลายคำ แต่ว่าคำพูดยังพูดไม่จบล่ะ ไป๋ยี่เฟยก็ดูเหมือนมองไม่เห็นเขาเดินไปยังข้างหน้าโดยตรง
นี่ไม่ใช่มองข้ามไม่สนใจเขาอยู่หรือ?
เป็นยอดฝีมือระดับที่สองชั้นกลางคนหนึ่ง ถูกคนมองข้ามไม่สนใจขนาดนี้ โมโหอย่างเด็ดขาด
“แม่มึงเอ่ย มึง วันนี้กูเตะมึงตายคาที่!”
ดังนั้นอยู่ตอนที่ไป๋ยี่เฟยห่างไกลกับเขายังมีสามเมตร อยู่ดีๆพุ่งเข้ามา ยกเท้าขึ้นก็เตะไปทันที
จางหัวปินที่อยู่ข้างหลังได้เห็นฉากนี้ เบิกตาโพลงทั้งคู่ อยากจะเอ่ยปากเตือนสติไป๋ยี่เฟย
กลับอยู่ในเวลานี้ เส้นผมของไป๋ยี่เฟยอยู่ดีๆกลายเป็นสีขาว ตากลายเป็นแดงฉานเหลือเกินอีกครั้ง
ก่อนหน้านั้นที่ไป๋ยี่เฟยยังไม่ได้ยกพลังความสามารถขึ้นในหนึ่งเดือนนี้ หลังจากเข้าสู่สภาวะ ไป๋ยี่เฟยล้วนสามารถทำให้ซาเฟยหยางที่มีพลังความสามารถระดับที่สองชั้นกลางระดับเดียวกันพ่ายแพ้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าล่ะ?
ยิ่งไม่ต้องพูด เขาทำการฝึกฝนเป็นพิเศษไปหนึ่งเดือน จะไม่ใช่เขาที่หนึ่งเดือนก่อนนั้นมานานแล้ว
เพียงพูดได้ว่า คนเหล่านั้นของตระกูลฉุงคิดว่าตัวเองถูกตลอดเกินไปแล้ว
แต่ว่าคนเหล่านี้ของตระกูลฉุงหาคนมาขวางไป๋ยี่เฟย แท้ที่จริงจุดประสงค์ก็ไม่ใช่จะมาฆ่าเขา สำคัญที่สุดก็คือจะสิ้นเปลืองแรงของเขา อย่างนี้ตอนที่เขาต่อสู้กันตัวต่อตัวกับเต้าจ่าง ยิ่งไม่มีโอกาสชนะ
แต่ว่าพวกเขานึกไม่ถึง พวกเขาคิดว่าส่งยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากมาคนหนึ่งแล้ว ไม่เกิดประสิทธิผลที่พวกเขาคิดเลยสักนิด
และอยู่ในเวลานี้ หยูหยางที่ตีลังกาลอยอยู่กลางอากาศ มึนงงเต็มใบหน้า
ทั้งๆที่เขากระโดดขึ้นไปยกเท้าจะเตะให้ไป๋ยี่เฟยตาย จากนั้นไป๋ยี่เฟยไม่ได้หลบหนีก็แล้วแล้วไป กลับยังเดินไปข้างหน้าต่อ เตะหนึ่งทีนั้นของเขาเตะอยู่บนไหล่ของไป๋ยี่เฟยโดยตรง
หลังจากนั้นอีก เขารู้สึกถึงพลังปะทะที่ใหญ่โตมโหฬาร ทำให้ทั้งตัวก็เลยตีลังกาลอยออกไป
“ปั้ง!”
หยูหยางตกอยู่กับพื้นอยากจะคลานขึ้นมา ผลลัพธ์กลับอยู่ดีๆกระอักเลือดออกมา
ตอนที่เขาดิ้นรนอยากจะคลานขึ้นมาอีกครั้ง กลับพบเห็นว่าเขาดูเหมือนลุกขึ้นมาไม่ได้แล้ว
หยูหยางก็ไม่รู้เลยว่าพลังของไป๋ยี่เฟยมาจากไหนเลยสักนิด ก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสลุกขึ้นมาไม่ได้อย่างนี้
ดังนั้น ตอนที่เขาเงยหน้าจ้องมองไป๋ยี่เฟยอีกครั้ง ความเหยียดหยามนัยน์ตาหายไปแล้ว แต่เป็นตื่นตระหนกตกใจ
ไป๋ยี่เฟยเดินไปยังข้างหน้าเหมือนเดิม แม้แต่ให้สายตาหยูหยางสักทีก็ไม่มี ก็เหมือนดั่งเขาเป็นอากาศ