ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 838
และจางหัวปินที่เดิมทีเป็นห่วงมากล้วนตลึงตาค้างทั้งตัวเลย
ฝั่งตรงข้ามเป็นยอดฝีมือระดับที่สองชั้นกลางนะ แค่นี้ก็พ่ายแพ้ไปแล้วหรือ?
ได้พบเห็นรู้จักถึงพลังความสามารถของไป๋ยี่เฟยแบบนี้ จางหัวปินตื่นเต้นขึ้นมา
เดิมทีคิดว่าไป๋ยี่เฟยต่อสู้กันตัวต่อตัวกับเต้าจ่างจะไม่มีโอกาสชนะ
แต่ว่าตอนนี้จางหัวปินรู้สึกว่า ไป๋ยี่เฟยไม่แน่ว่าจะชนะเต้าจ่างได้จริงๆ
และโรงเลื่อยไม้ในเวลายามนี้ อยู่ในฝูงชนที่ไม่เตะตาสักนิด มีคนคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่พูดกับฉุงลี่หย่าว่า “ดูแล้วหยูหยางน่าจะทำสำเร็จแล้ว ไม่งั้นล่ะก็ ไป๋ยี่เฟยคงจะมานานแล้ว”
ฉุงลี่หย่าพยักหน้าต่อๆกันพูดว่า “ก็ใช่ พลังความสามารถในตัวเขาเองเพียงแค่ระดับที่สามเท่านั้น แต่หยูหยางเป็นยอดฝีมือระดับที่สองชั้นกลางนะ จะฆ่าเขาไป๋ยี่เฟยเป็นเรื่องง่ายดาย!”
หลังจากพูดคำนี้จบ ฉุงลี่หย่าอยู่ในฝูงชนจ้องมองไปยังจุดชมวิว มองเห็นฉางเชี่ยวคนนั้นที่นั่งอยู่ตรงกลางที่สุด
หลังจากมองเห็นฉางเชี่ยวอีกครั้ง ใจของฉุงลี่หย่าสั่นไหวเล็กน้อย
เธอไม่เคยคิดมาก่อน เขาที่ชอบดำเนินการโดยลำพังมาตลอดเวลา วันนี้กลับนั่งอยู่ที่นั่งตรงกลางสุด
และฉางเชี่ยวสุกใสเป็นประกายขนาดนั้นเหมือนเดิม ทำให้คนอดไม่ไหวที่ใจจะสั่นไหว
แต่น่าเสียดายคือ ทิวทัศน์ยังคงอยู่แต่คนกลับต่างกันมานานแล้ว
ฉุงลี่หย่าอดไม่ได้ที่จะนึกถึง ถ้าหากว่าไป๋ยี่เฟยตายแล้ว สามารถเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้หรือไม่ ทำให้ฉางเชี่ยวกลับมาข้างกายของเธออีกครั้งล่ะ?
ความแค้นที่ฉุงลี่หย่ามีต่อไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ ไม่เพียงแค่เพราะว่าไป๋ยี่เฟยฆ่าฉุงโยวเวยเท่านั้น ยิ่งเพราะว่าเขาแย่งพี่ฉางเชี่ยวของเธอไป
แต่นึกถึงว่าไป๋ยี่เฟยใกล้จะตายแล้ว อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มหนึ่งที “ในครั้งนี้ไป๋ยี่เฟยย่อมตายแน่ๆ งั้นทุกอย่างก็จะดีขึ้น”
แต่รอยยิ้มของเขาเพิ่งมีเมื่อกี้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงเจี้ยวจ้าวแล้ว
“มาแล้ว มาแล้ว!”
คนทั้งหลายจ้องมองไปยังทางเข้าโรงเลื่อยไม้อีกครั้ง พวกเขามองเห็นไป๋ยี่เฟยแล้ว
ไป๋ยี่เฟยสายตามั่นคงยืนหยัดเดินเข้ามา
หลังจากมองเห็นเขามาแล้ว คนทั้งหลายล้วนตะลึงงันเลย
คนที่อยู่บนจุดชมวิวล้วนลุกขึ้นมาเช่นกัน ยื่นคอยาวจ้องมองไป๋ยี่เฟย
และในที่สุดเต้าจ่างก็ลืมตาขึ้น ค่อยๆลุกขึ้นมา สายตาเย็นชาจ้องมองไป๋ยี่เฟย
มีเพียงฉุงลี่หย่ากับผู้ชายที่อยู่ข้างกายเธอนิ่งอึ้งไปเลย
ไป๋ยี่เฟยมาได้ยังไงล่ะ? เขาถึงขนาดมาแล้ว งั้นหยูหยางล่ะ?
ไป๋ยี่เฟยเดินไปถึงข้างหน้าเต้าจ่าง หลังจากยืนนิ่งแล้ว ใช้ตาที่แดงฉานคู่นั้นจ้องมองเต้าจ่างอย่างแน่นพูดว่า “มีคำสั่งเสียสามารถฉวยโอกาสในตอนนี้พูดไว้ก่อนได้”
หลังจากเต้าจ่างได้ยินคำพูดนี้ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “ใครให้ความมั่นใจในตนเองแก่คุณ พูดคำพูดอย่างนี้ออกมาล่ะ?”
เพราะว่าไป๋ยี่เฟยมาถึงหน้างานแล้ว ดังนั้นทุกคนล้วนจ้องมองพวกเขาอย่างเงียบๆ ก็ด้วยเหตุนี้ล้วนได้ยินคำพูดของไป๋ยี่เฟยเช่นกัน
“นี่เขาเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? โอหังขนาดนี้ล่ะ?”
“นี่อวดดีบ้าระห่ำเกินไปแล้วมั้ง?”
“คราวนี้แกล้งทำท่าทำทาง อีกสักครู่จะไม่ใช่ตายอย่างไม่น่าดูเลยหรือ?”
และอยู่ในเวลานี้ฉางเชี่ยวพูดเบาๆว่า “ไป๋ยี่เฟยอายุยี่สิบหกปีเริ่มฝึกวรยุทธ ใช้เวลาหนึ่งเดือนเข้าสู่ขบวนระดับที่สาม ใช้เวลาหนึ่งปียกชั้นถึงระดับที่สามชั้นสูง”
“และอยู่ในหลันเต่าใช้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ก็ได้ยึดกุมพลังอ้านจิ้งเลย ในระยะนั้นยิ่งได้กระจ่างถึงสภาวะที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจ ถึงแม้ในตอนนี้เพียงแค่พลังความสามารถของระดับที่สามชั้นสูงเท่านั้น ก็ยังสามารถรบชนะคนระดับที่สองชั้นกลาง”
“ขอถามหน่อย พรสวรรค์อย่างนี้ใครจะเทียบเท่าได้ล่ะ?”
คำพูดนี้พูดจบ คนทั้งหลายล้วนตะลึงงันเลย
ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ งั้นพรสวรรค์ของไป๋ยี่เฟยย่อมไม่มีคนเทียบเท่าได้จริงๆ
เพียงแค่เวลาสองปีเท่านั้น ก็จากคนคนหนึ่งที่ไม่มีกังฟูกลายเป็นยอดฝีมือระดับที่สามชั้นสูงคนหนึ่งแล้ว อีกทั้งยังได้กระจ่างถึงพลังอ้านจิ้ง จะใช้เพียงแค่พรสวรรค์มาอธิบายได้ยังไงหรือ?
ก็เป็นพลิกฟ้าแล้วจริงๆเลยไม่ใช่หรือ?
ส่วนลู่เหมียวเหมียวได้ยินคำพูดเหล่านี้ทั้งตื่นเต้นทั้งฮึกเหิม ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ จะให้คนไม่ชอบได้ยังไงล่ะ? จะให้คนใจไม่หวั่นไหวได้ยังไงล่ะ?
และอยู่บนที่ว่างตรงกลาง สายตาที่ไป๋ยี่เฟยจ้องมองเต้าจ่างเต็มไปด้วยความอาฆาต เต้าจ่างก็ได้สัมผัสถึง ความอาฆาตที่ไม่สามารถทำให้คนมองข้ามนั้นได้เช่นกัน
เต้าจ่างที่อยู่ในเวลายามนี้ในใจก็มีความประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน เพราะว่าเขาได้รู้สึกถึง เพียงแค่ผ่านไปหนึ่งเดือนเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าไป๋ยี่เฟยไม่เหมือนกับหนึ่งเดือนก่อนนั้นแล้ว
แต่ถึงแม้ว่าเป็นเช่นนี้ เต้าจ่างก็ไม่กังวลเช่นกัน เพราะว่าเขา มั่นใจในพลังความสามารถของตนเอง
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองเขา ถามด้วยเสียงเย็นชาว่า “เริ่มตอนนี้เลยไหม?”
เต้าจ่างพยักหน้าเบาๆ วินาทีถัดมาก็ห้านิ้วกลายเป็นหนึ่งฝ่ามือตบไปยังหน้าผากของไป๋ยี่เฟย
การต่อสู้กันตัวต่อตัวในตอนนี้สำหรับพวกเขามากล่าวแล้วไม่ใช่อยู่รอดก็คือตาย มีเพียงแค่คนอยู่รอดได้จึงจะมีชัยชนะ ดังนั้นเต้าจ่างไม่สนใจว่าเขาจู่โจมหรือไม่เลยสักนิด
เช่นนี้ทำให้คนไม่ทันตั้งตัว เพียงแต่เพื่อจะให้ไป๋ยี่เฟยรับมือไม่ทันเท่านั้น
และอยู่ในเวลาเดียวกัน ไป๋ยี่เฟยกับเขามีกิริยาท่าทางเหมือนกัน ห้านิ้วกลายเป็นหนึ่งฝ่ามือตบไปยังเต้าจ่างเหมือนกัน
จากนั้นสองฝ่ามือปะทะกัน เกิดเสียงดังออกมา
“ปั้ง!”
หลังจากนี้ เต้าจ่างกับไป๋ยี่เฟยถอยออกไปหลายก้าวพร้อมๆกันอีก
หลังจากเต้าจ่างยืนนิ่งแล้ว ยากที่จะเชื่อจ้องเขม็งไป๋ยี่เฟย “คุณเป็นดรรชนีเอกสุริยันได้ยังไงหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยใบหน้าไร้สีหน้าพูดว่า “ย่อมเรียนรู้กับคุณอยู่แล้ว”
ในวินาทีนี้ สีหน้าของเต้าจ่างกลายเป็นหนักอึ้งเหลือเกิน
และคนอื่นๆได้ยินคำพูดนี้ ยิ่งประหลาดใจจนสูดลมหายใจเข้าลึกๆหนึ่งที
เดิมทีพวกเขาคิดว่าพลังความสามารถของไป๋ยี่เฟยกับเต้าจ่างแตกต่างกันไกลมาก ตายแน่ไม่ต้องสงสัย และหลังจากฉางเชี่ยวพูดจบ พวกเขารู้สึกว่าถึงแม้ไป๋ยี่เฟยแข็งแกร่งอีกขนาดไหน มีพรสวรรค์อีกขนาดไหน แต่พลังความสามารถในที่สุดก็เทียบเท่ากับเต้าจ่างไม่ได้
แต่หลังจากเมื่อกี้มองเห็นฝ่ามือของทั้งสองคนปะทะกัน ถึงขนาดพบเห็นว่าไป๋ยี่เฟยกับเต้าจ่างเท่าเทียมกัน
ดังนั้น ทุกคนล้วนตื่นตะลึงเลย! ตลึงตาค้างเลย!
มีเพียงฉางเชี่ยวกับคนเหล่านั้นที่เขาพามาตื่นเต้นเหลือเกิน
ฉุงลี่หย่าที่อยู่ในฝูงชนกับบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายเธอ ในเวลานี้ถึงที่สุดก็รู้ว่าทำไมอยู่ภายใต้การสกัดของหยูหยาง ไป๋ยี่เฟยยังเข้ามาได้
เพราะว่าหยูหยางขวางเขาไม่ได้เลยสักนิด!
สีหน้าเต้าจ่างหนักอึ้งพูดว่า “เดิมทีแค่อยากจะใช้พลังความสามารถห้าสิบเปอร็เซนต์มาจัดการคุณ แต่ว่าตอนนี้ดูแล้ว คุณเติบโตมากจริงๆ แต่ก็เพียงจะทำให้ผมเพิ่มพลังความสามารถขึ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น”
พูดคำนี้จบ ขาของเขาย่อลงไปข้างหลังหนึ่งที ยกมือตบหนึ่งฝ่ามือไปยังกลางอากาศ
ฝ่ามือนี้ไม่ได้ปะทะกับไป๋ยี่เฟยเลย แต่คือตบไปยังกลางอากาศ แต่เป็นเช่นนี้ ฝ่ามือนั้นก็เหมือนดั่งถูกแปรสภาพกลายเป็นจริง แฝงไว้ด้วยลมฝ่ามืออย่างรุนแรง จู่โจมไปยังไป๋ยี่เฟย
ในใจไป๋ยี่เฟยตื่นตกใจอย่างมาก เขารู้ว่าพลังอ้านจิ้งของเต้าจ่างสามารถใช้ส่วนใดๆของร่างกายตบออกมา กลับนึกไม่ถึงว่าถึงขนาดสามารถตบออกมาจากกลางอากาศได้ เปล่งออกจากร่างกาย!
ดังนั้น นี่เป็นพลังความสามารถที่แท้จริงของเต้าจ่างหรือ?
ไป๋ยี่เฟยกำกำปั้นของตนเองอย่างแน่นคราวนี้เขาไม่กล้าไปเลียนแบบอีกแล้ว เพราะว่าไม่ว่าเลียนแบบยังไง ล้วนสู้เทียบเท่ากับพลังความสามารถแท้ๆของฝั่งตรงข้ามไม่ได้ ถึงแม้ว่าเรียนรู้พลังความสามารถแล้วก็ไม่สามารถสู้เทียบเท่ากับฝั่งตรงข้ามได้เช่นกัน
จากนั้นไป๋ยี่เฟยกางขาออก ทำท่าสะบัดมือง่ายมากหนึ่งที เพียงแค่หนึ่งทีนี้เท่านั้น ก็แปรสลายความรุนแรงส่วนใหญ่ในฝ่ามือนี้ของเต้าจ่าง
จากนั้น มืออีกข้างหนึ่งของเขาสะบัดเบาๆหนึ่งที หนึ่งฝ่ามือนี้ของเต้าจ่างเพี้ยนไปทิศทางอื่นทันที
นี่กับในตอนต้นที่อยู่ในคลังเก็บทอง ไป๋ยี่เฟยใช้ดรรชนีเอกสุริยันของเต้าจ่างไปตบจื่ออี ดั่งจื่ออีใช้แขนเสื้อของเสื้อคลุมตบหนึ่งฝ่ามือนี้ของเขาเพี้ยนไป
หลังจากนี้อีกไป๋ยี่เฟยพุ่งไปยังข้างหน้า ขาขวาของเขาขวางอยู่ระหว่างสองขาของเต้าจ่าง ค่อยใช้ไหล่ของตนเองชนไปยังเต้าจ่างอีก
แรงพลังการชนหนึ่งทีนี้ของเขาพอที่จะชนคนลอยไป แต่ว่าปฏิกิริยาของเต้าจ่างไวมาก อยู่ตอนที่ไป๋ยี่เฟยจะชนเขา พลังอ้านจิ้งพุ่งออกมาจากหน้าอก
“ตูม!”
ทั้งสองคนเหมือนดั่งก่อนหน้านั้น ถอยไปข้างหลังหลายก้าวพร้อมกัน เป็นสภาพการณ์เท่าเทียมกันเหมือนเดิม
คนทั้งหลายที่อยู่ในเหตุการณ์มองเห็นฉากนี้โดยจิตใต้สำนึกล้วนกลั้นหายใจไว้
แต่ว่าไม่มีใครพบเห็น อยู่ในฝูงชนมีคนคนหนึ่งแฝงไว้ด้วยความอาฆาตจ้องมองไป๋ยี่เฟยอย่างแน่น
เขาก็คือหงจุน!
หลังจากมองเห็นเขากับเต้าจ่างเท่าเทียมกัน หงจุนกัดฟัน เพราะเขาพบเห็นว่าเพียงอาศัยพลังความสามารถของตนเองในตอนนี้ อยากจะล้างแค้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยไม่ใช่ไป๋ยี่เฟยเมื่อก่อนหน้าคนนั้นแล้ว เขาอยากจะล้างแค้น ได้เพียงแต่คิดวิธีอื่นเท่านั้น