ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 846
เนื่องจาก ACC Google Drive บินไปหลาย Email
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
“ฮ่า?” เมิ่งฉิงอึ้งชะงัก “นับเหี้ยอะไรล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจเขา นับนิ้วรอบแล้วรอบเล่าอยู่ “สวี่เต้าจ่าง หลิ่วจาวเฟิง เมิ่งฉิง บวกกับเหลียงเหว่ยชาวอีกคนหนึ่ง น่าจะสามารถสู้กับอาจารย์ได้ แต่ถ้าจะจัดการซินชิว น่าจะยังห่างกันเล็กน้อย”
“แต่ถ้าบวกกับเหลียงหมิงเยว่ละก็ อาจจะสู้ได้”
“แต่หากอาจารย์เกิดเรื่องแล้ว ซินชิวย่อมรู้แน่นอน พวกเขาร้ายกาจขนาดนี้ ทั้งมีชีวิตนานขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้จะไม่มีไม้ตาย ก่อนที่ยังไม่รู้ไม้ตายของเขา พวกคุณยังไม่กล้าที่จะลงมืออย่างง่ายดาย”
“ดังนั้น พวกคุณยังรอคนอยู่”
อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยเงยหน้าจ้องมองเมิ่งฉิง น้ำเสียงมั่นคงมากพูดว่า “พวกคุณกำลังรอฉินหัวอยู่!”
ไม่ว่าเป็นเหลียงเหว่ยชาวหรือว่าเมิ่งฉิง หลังจากฟังคำพูดของเขาจบล้วนตื่นตะลึงเลย
พวกเขาล้วนจ้องมองไป๋ยี่เฟยอย่างไม่น่าเชื่อ
อีกทั้ง ตอนที่ไป๋ยี่เฟยจะจับเหลียงหมิงเยว่ได้ พวกเขาก็ตื่นตะลึงมากแล้ว
หลังจากเมิ่งฉิงคืนสติตอบโต้ทันทีว่า “ฉินหัวสำหรับพวกเรามากล่าวแล้วอ่อนเกินไป เป็นไปได้ยังไงที่จะต้องการให้เขาลงมือล่ะ? ยิ่งกว่านั้นอีก เขาอยู่ในมือของพวกเรานะ!”
ไป๋ยี่เฟยเพียงแค่ส่ายหัวเบาๆ พูดว่า “เขาอยู่ ผมไม่อยู่”
สีหน้าเมิ่งฉิงกับเหลียงเหว่ยชาวทันทีทันใดดูแย่ขึ้นมา
สุดท้ายไป๋ยี่เฟยดูดบุหรี่หนึ่งที ทิ้งเศษบุหรี่ลงไปในถังขยะนี่จึงพูดเบาๆว่า “ไม่มีผมพวกคุณก็ขู่บังคับฉินหัวไม่ได้”
“และสิ่งที่พวกเขาเห็นเป็นความสำคัญจริงๆไม่ใช่พลังความสามารถของตัวเขาเลย แต่คือพลังความสามารถที่อยู่เบื้องหลังเขา”
“ผมสามารถคาดเดาอย่างกล้าหาญสักหน่อย หลิ่วจาวเฟิงกับสวี่เต้าจ่างล้วนน่าจะเป็นเหลียงหมิงเยว่วางแผนดีในก่อนหน้านั้นแล้ว ตั้งใจวางพวกเขาเป็นไส้ศึกอยู่ข้างซินชิว”
“แต่ว่าด้วยพลังความสามารถของซินชิว เขาน่าจะรู้มานานแล้ว ดังนั้นตั้งแต่เริ่มแรกเขาก็จะไม่ให้สวี่เต้าจ่างกับหลิ่วจาวเฟิงกลายเป็นผู้ถูกคัดเลือก”
“จากนั้นผมคิดว่าพวกคุณน่าจะรู้ว่าหมากสองตัวถูกทำจนเลอะแล้วเช่นกัน ดังนั้นพวกคุณจึงคิดจะหลอกใช้แรงพลังที่อยู่เบื้องหลังฉินหัว”
“ก็คือแรงพลังของรัฐบาลเช่นกัน”
ทุกคำพูดของไป๋ยี่เฟยก็เหมือนดั่งค้อนหนักอันหนึ่ง ทุบอยู่บนหัวใจของเมิ่งฉิงกับเหลียงเหว่ยชาว
เหลียงเหว่ยชาวจ้องมองเขาถอนหายใจหนึ่งที “ช่างทำให้คนประหลาดใจจริงๆ คุณถึงขนาดสามารถวิเคราะห์ได้มากมายขนาดนี้”
จากนั้นไป๋ยี่เฟยยังคงพูดว่า “ผมยังมีจุดหนึ่งที่ไม่เข้าใจ”
เมิ่งฉิงจ้องมองเขาถามว่า “ไม่เข้าใจอะไรหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยหันหน้าไปมองฉีฉีที่งงงันนั่งอยู่ข้างๆ ถามว่า “พวกคุณพูดให้เธอยอมได้ยังไงหรือ?”
“อีกทั้ง เธอน่าจะเป็นผู้ถูกคัดเลือกอีกคนหนึ่งล่ะ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นสู้ว่าพวกคุณรอเธอรับช่วงคลังเก็บทองที่หนึ่ง ถึงเวลานั้นจะไม่ได้รับอย่างง่ายดายแล้วหรือ?”
พอได้ยินคำพูดนี้เมิ่งฉิงก็หัวเราะ แฮ่ๆ แล้ว “มีประโยคหนึ่งเรียกว่า พลังของความรักยิ่งใหญ่นะ!”
ไป๋ยี่เฟย “…….”
เหลียงเหว่ยชาวเหลือบตามองเมิ่งฉิงหนึ่งที พูดเบาๆว่า “ซินชิวล้วนอยู่ถึงเก้าสิบปีแล้ว เห็นรูปร่างลักษณะในตอนนี้ของเขา อยู่อีกเก้าสิบปีก็ไม่ได้เป็นปัญหา พวกเรารอไม่ไหว”
เก้าสิบปี!
ไป๋ยี่เฟยตื่นตะลึงเลย ทั้งๆที่ดูแล้วอายุเพียงแค่สามสิบกว่าปี ถึงขนาดอายุเก้าสิบปีแล้ว!
ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ละก็ เป็นศิษย์น้องของซินชิว จื่ออีมีอายุเท่าไหร่อีกล่ะ?
จื่ออีดูแล้วก็เยาว์วัยมากเช่นกัน ล้วนไม่เหมือนเป็นคนที่อายุแปดเก้าสิบปีคนหนึ่ง
ในใจไป๋ยี่เฟยรู้สึกมหัศจรรย์ จากนั้นพูดอีกว่า “ยังมีจุดหนึ่งไม่เข้าใจ”
พวกเขาอยู่ที่นี่พูดอย่างมากมายขนาดนี้ ดูเหมือนก็คือเพื่อที่จะบอกความจริงในนั้นกับเขาบ้าง แต่ว่าก็ยังมีบางอย่างกลับไม่ได้บอกกับเขา
เมิ่งฉิงหัวเราะ ฮึ เสียงหนึ่ง “อย่าถามมากมายขนาดนั้นเลย ความหมายของหัวหน้าพวกเรา ก็ได้แต่บอกกับคุณแค่นี้”
นี่สำหรับไป๋ยี่เฟยยิ่งเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นอีกแล้ว พวกเขาทำไมต้องตั้งใจเล่าเรื่องความจริงบางส่วนให้กับตนเองอยู่ที่นี่ล่ะ?
ถึงยังไงความจริงบางส่วนนี้ แท้ที่จริงไป๋ยี่เฟยก็คาดเดาได้มากไม่ต่างกันแล้ว นับไม่ได้ว่าอยากจะรู้มากเท่าไหร่
เขาเพียงแค่อยากรู้อยากเห็นว่าทำไมพวกเขาถึงบอกกับเขา? ไม่น่าที่จะคิดว่าทางนี้ตนเองไปแน่ ดังนั้นจึงพูดออกมาแล้วก็ไม่กลัวหรือ?
เมิ่งฉิงกลับไม่ให้เวลาแก่ไป๋ยี่เฟยคิดมากกว่านี้ แต่มั่นใจในตนเองยิ้มพูดว่า “ถ้าหากว่าคุณถูกจับโดยละม่อมให้ดีๆ ยังจะหลีกเลี่ยงการได้รับความทุกข์ทางกายแต่ถ้าหากว่าคุณไม่เชื่อฟัง งั้นผมได้แต่จัดการคุณสักหน่อยค่อยจับขึ้นมาแล้ว”
“พวกคุณจะไม่ให้ผมเห็นฉินหัวก่อนเลยเชียวหรือ แน่ใจถึงความปลอดภัยของเขาก่อนค่อยพูดถึงสิ่งเหล่านี้ล่ะ?” ไป๋ยี่เฟยตอบกลับอย่างเบาๆ
เมิ่งฉิงหัวเราะเบาๆเสียงหนึ่ง “ไม่มีความจำเป็นนี้”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักไปหนึ่งที จากนั้นมีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที ตามความจริงจุดประสงค์ของพวกเขาที่แท้จริงคืออยากจะใช้ไป๋ยี่เฟยมาคุกคามฉินหัว จากนั้นทำให้ฉินหัวช่วยเหลือพวกเขา งั้นฉินหัวย่อมปลอดภัยอยู่แล้ว
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพจ้องมองทั้งสองคนหนึ่งที พยักหน้าต่อๆกัน “งั้นก็ได้ ผมยังร้อนใจที่จะกลับไปดูภรรยาและลูกๆของผมอยู่ พวกคุณก็เข้ามาพร้อมกันเถอะ”
เมิ่งฉิงกับเหลียงเหว่ยชาวสบตากันหนึ่งที จากนั้นทำการแน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้ยินผิดเลย
และเวลานี้ฉีฉีก็หันหน้าไปเช่นกัน อึ้งชะงักจ้องมองไป๋ยี่เฟยอยู่
หลังจากเงียบไปไม่นาน เมิ่งฉิงก็ได้ส่งเสียงหัวเราะเสียงดังออกมา “พู่ ฮ่าฮ่า…….”
“ผมว่า ความมั่นใจในตนเองของคุณมาจากไหนล่ะ? คุณไม่น่าที่จะคิดว่าทำให้สวี่เต้าจ่างกับหลิ่วจาวเฟิงพ่ายแพ้ ก็สามารถทำให้พวกเราพ่ายแพ้หรือ?”
“คุณอย่าลืมนะ ก่อนหน้านี้ไม่นานคุณยังเกือบจะถูกผมใช้กิ่งไม้กิ่งหนึ่งบีบคอตายล่ะ!”
เหลียงเหว่ยชาวก็หัวเราะเช่นกัน ในการหัวเราะของเขาแฝงไว้ด้วยการส่อเสียดกับเหยียดหยาม หัวเราะเยาะไป๋ยี่เฟยที่บ้าระห่ำอวดดี ไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาของตัวเอง!
ฉีฉีจ้องมองไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วขึ้นมา
หลังจากเมิ่งฉิงหัวเราะพอแล้ว ขยับร่างกายของตนเองสักหน่อย “ล้วนไม่ต้องให้เถ้าแก่ใหญ่ลงมือ เพียงแค่ผมคนเดียวก็สามารถตีให้คุณเกือบตาย!”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองลักษณะท่าทีของพวกเขา ก็คือไม่เชื่อแล้วจากนั้นจนใจถอนหายใจหนึ่งที “ถึงเวลานั้นอย่าโทษผมนะ”
หลังจากพูดจบก็พุ่งออกไปเลย
เมิ่งฉิงเห็นสภาพไม่ได้หลบหนี กลับพุ่งไปยังต่อหน้าต่อตาไป๋ยี่เฟยเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยชกออกไปหนึ่งหมัด เมิ่งฉิงก็ชกออกไปหนึ่งหมัดเช่นกัน
ออกหมัดเหมือนกัน ความเร็วของไป๋ยี่เฟยไปอย่างรวดเร็ว แรงพลังก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน เพียงแค่ไม่มีพลังอ้านจิ้งแม้แต่นิด
และหมัดของเมิ่งเฉิงแฝงไว้ด้วยเสียงลมแตก ไม่ต้องดูก็รู้ ในหมัดแอบแฝงไว้ด้วยพลังอ้านจิ้งอย่างเต็มเปี่ยม
จากนั้น ก็อยู่ตอนที่หมัดสองข้างกำลังจะปะทะกัน อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยเก็บหมัดกลับไปหมุนเปลี่ยนการใช้ศอกของตนเองโจมตี
เมิ่งฉิงเห็นสภาพสีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง แม้ว่าการโจมตีของเขาดูแล้วไม่ได้แฝงไว้ด้วยพลังอ้านจิ้งแม้แต่นิด กลับทำให้เมิ่งฉิงรู้สึกถึงการคุกคาม
“ตูม!”
หลังจากเสียงดังหนึ่งที ไป๋ยี่เฟยโจมตีเมิ่งฉิงจนลอยออกไปเลย
แต่ว่าเมิ่งฉิงยังไงก็แข็งแกร่งกว่าสวี่เต้าจ่างกับหลิ่วจาวเฟิง หลังจากเขาตีลังกาสองทีอยู่กลางอากาศ ตกอยู่กับพื้นอย่างมั่นคง
แต่ว่าเขาเพิ่งตกอยู่กับพื้น ไป๋ยี่เฟยก็ไล่ตามมาทันที คราวนี้กลายเป็นหมัดอีก ซ้ายหนึ่งที ขวาหนึ่งที ทั้งๆที่ไม่ได้แฝงไว้ด้วยพลังอ้านจิ้ง กลับทำให้เมิ่งฉิงไม่กล้าไปรับมือ กลับหลบไปหลบมาซ้ายขวา
ไป๋ยี่เฟยกลับคาดเดาได้มานานแล้วว่าเขาจะหลบหนี ดังนั้นหลังจากหมัดไม่ได้โจมตีโดนร่างกายก็เอียงไปข้างหน้า ไหล่ชนเข้าไปโดยตรง ชนไปยังหน้าอกของเมิ่งฉิงพอดี
“ปั้ง!”
เมิ่งฉิงถูกโจมตีลอยออกไปอีกครั้ง และครั้งนี้เขาชนอยู่บนกำแพงโดยตรง ยังชนจนกลายเป็นหลุมรูปร่างคนคนหนึ่งออกมา
“ปั้ง!”
สุดท้ายตกอยู่กับพื้น
“พู่”
หลังจากเมิ่งฉิงกระอักเลือดออกมา จับหน้าอกไว้สายตาที่จ้องไปยังไป๋ยี่เฟยเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
เหลียงเหว่ยชาวที่อยู่ในเวลานี้ก็ถูกทำให้ตื่นตะลึงแล้วเช่นกัน
แม้แต่ฉีฉีก็อดไม่ไหวที่จะลุกขึ้นมาจากพื้น
พวกเขาล้วนคิดว่าไปไม่ได้ที่อยู่ในช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่วันไป๋ยี่เฟยจะเพิ่มพลังความสามารถขึ้นมากเท่าไหร่ แต่ว่า ความจริงเป็นเช่นนี้จริงๆ
ก่อนหน้านั้นไม่นาน เมิ่งฉิงฟาดกิ่งไม้อย่างตามสบายก็เกือบจะเอาชีวิตของไป๋ยี่เฟยแล้ว แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยที่อยู่ในตอนนี้ กลับสามารถทำให้เมิ่งฉิงพ่ายแพ้อย่างสบาย
อีกทั้ง ทั้งกระบวนการไป๋ยี่เฟยล้วนไม่ได้ใช้พลังอ้านจิ้งเลย
แต่เพราะว่าที่ไป๋ยี่เฟยใช้วิชามวยที่ฉินหัวสอนเขา วิชามวยนี้พอชนกันกับพลังอ้านจิ้ง ถ้าหากว่าใช้พลังอ้านจิ้งแล้ว กลับกลายเป็นทำร้ายตนเองอยู่ ดังนั้นจึงไม่ใช้พลังอ้านจิ้ง
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ฉินหัวไม่ใช้พลังอ้านจิ้ง
ปัจจุบันนี้เมิ่งฉิงเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งที่ใกล้จะถึงระดับหนึ่งชั้นกลางแล้วนะ กลับถูกไป๋ยี่เฟยโจมตีจนลอยออกไปสองครั้งต่อกัน
และทั้งหมดนี้ล้วนยังไม่ได้จบ
ไป๋ยี่เฟยเดินเข้าไป เมิ่งฉิงเพิ่งอยากจะลุกขึ้นมา หัวเข่าของไป๋ยี่เฟยก็ดันเข้าไป
ทันทีทันใดเมิ่งฉิงตื่นตกใจอย่างมาก ค้ำร่างกายของตนเองไว้ คับขันลำบากอย่างมากหลบไปยังข้างๆ