ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 874
หลี่เฉียงตงตบไหล่ของเขาตบแล้วตบอีกพูดว่า “ไปเถอะ”
“แต่…….” ไป๋ยี่เฟยเป็นห่วงหลี่เสว่มาก อีกทั้งแม้แต่หน้าลูกของตนเองเขาก็ยังไม่ได้เจอ
หลี่เฉียงตงรู้ถึงความกังวลของเขา ก็เลยพูดว่า “วางใจเถอะ มีผมอยู่”
หลังจากไป๋ยี่เฟยได้ยินกัดฟัน พูดว่า “ได้ ขอบคุณนะ”
หลังจากพูดจบเขาก็หมุนตัวไปเลย แต่ว่าหลี่เฉียงตงอยู่ดีๆนึกถึงอะไรขึ้นมาอีก “อั้ย เรื่องนั้น…….”
“อะไรหรือ?” ไป๋ยี่เฟยหันหน้ามาถาม
หลี่เฉียงตงดูเหมือนไร้เจตนาถามไปคำหนึ่งว่า “เมื่อกี้คนนั้นก็คือหลิวเสี่ยวอิงหรือ?”
ก่อนหน้านั้นหลี่เฉียงตงเคยเห็นหลิวเสี่ยวอิง เพียงแค่เพราะว่าครั้งนี้ทำการผ่าตัดสวมใส่แมสไว้ มีการจำไม่ค่อยได้เท่าไหร่
ในใจไป๋ยี่เฟยดังกุ๊กๆเสียงหนึ่ง มีปฏิกิริยากลับมาทันที หลี่เฉียงตงย่อมรู้เรื่องระหว่างพวกเขาแน่นอน มีความหวาดผวาเล็กน้อย พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
หลี่เฉียงตงก็ไม่ได้พูดถึงอย่างอื่น และตบไหล่ของไป๋ยี่เฟยตบแล้วตบอีก “รีบไปเถอะ ระมัดระวังตนเองหน่อย นี่ยังมีภรรยากับลูกๆของคุณรอคุณกลับมานะ”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง จากนั้นหมุนตัววิ่งออกจากโรงพยาบาล
ในใจไป๋ยี่เฟยตำหนิตนเองอยู่ เพราะว่าภรรยาของเขาเพิ่งคลอดลูกเสร็จ แม้แต่มองสักทีเขาก็ไม่มี ลูกก็ไม่ได้เจอ กลับต้องออกไป
เป็นสามีคนหนึ่ง เขาคือไม่ได้มาตรฐานนะ
แต่เขาไม่มีทางอื่น เขาก็ถูกบีบบังคับอย่างจนปัญญาเช่นกัน
หลังจากไป๋ยี่เฟยวิ่งออกจากโรงพยาบาลขับรถของหนิวต้ายอยู่เหมือนเดิม ไปยังวัดฝูอิงอย่างรวดเร็ว
วัดฝูอิงอยู่นอกเมืองของเมืองเทียนเป่ย อยู่นอกเมืองผู้อยู่อาศัยน้อยมาก อยู่บริเวณวัดฝูอิงมีอยู่เพียงแค่สถานกักกันแห่งหนึ่งกับโรงงานแห่งหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยขับรถไปยังสถานกักกัน ก็เลยลงจากรถเดินไปยังวัดฝูอิง
เพราะว่ารถคันนี้เป็นของหนิวต้าย ถ้าขับเข้าไปก็จะเปิดโปงเรื่องที่หนิวต้ายถูกเขาจับแล้ว
วัดฝูอิงอยู่ครึ่งทางขึ้นภูเขา ก่อนที่จะขึ้นไปต้องปีนขั้นบันไดแห่งหนึ่งที่ยาวมาก หลังจากปีนขึ้นไปแล้วจึงจะเป็นประตูใหญ่ของวัดฝูอิง ประตูใหญ่ของวัดตกแต่งอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร และสูงใหญ่มาก ดูแล้วก็ทำให้คนมีความรู้สึกที่เคร่งขรึมน่าเคารพมากแบบหนึ่ง
หลังจากเข้าประตูใหญ่แล้วจะต้องผ่านป่าแห่งหนึ่งก่อน จึงจะถึงวัดจริงๆ
ไป๋ยี่เฟยวิ่งขึ้นขั้นบันไดเดินเข้าป่า ทันทีนั้นก็มองเห็นคนคนหนึ่งกำลังไขว้ขานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
หลังจากไป๋ยี่เฟยมองเห็นคนคนนี้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา ในเวลาเดียวกันก็มีปฏิกิริยาขึ้นมา เรื่องที่พูดอยู่ในโทรศัพท์เมื่อกี้เป็นเรื่องจริง
เพราะว่าคนที่อยู่ต่อหน้าเป็นสวี่เต้าจ่างนั่นเอง
ตอนที่อยู่หลันเต่า ไป๋ยี่เฟยทำให้สวี่เต้าจ่างพ่ายแพ้ แต่ว่าไม่ได้ฆ่าเขา และส่งมอบให้กับฉินหัว ค่อยให้ฉินหัวจับเขากลับไปเมืองหลวง
แต่เต้าจ่างตอนนี้ปลอดภัยไร้โรคาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ งั้นก็พูดได้ว่าฉินหัวเกิดเรื่องแล้วจริงๆ
ไป๋ยี่เฟยทำตายี๋เดินเข้าไป
ในเวลานี้เต้าจ่างก็ลืมตาขึ้นเช่นกัน ตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความแค้นจ้องมองไป๋ยี่เฟย “ไป๋ยี่เฟย!”
ตาทั้งคู่นั้นนอกจากความแค้นแล้ว ยังมีความไม่ยอมอย่างเข้มข้น
อยู่ในก่อนหน้านี้ ไป๋ยี่เฟยสำหรับเต้าจ่างมากล่าวแล้วก็คือมดตัวหนึ่งที่สามารถบี้ตายในทุกเวลาทุกสถานที่ ถ้าหากว่าไม่ใช่เพื่อคลังเก็บทอง เกรงว่าเขาจะสามารถฆ่าไป๋ยี่เฟยได้อย่างสบาย
แต่ว่า เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตอนที่ต่อสู้กันตัวต่อตัวอย่างเปิดเผยนั้นเขาจะแพ้
ดังนั้นเขาไม่ยอม เขาไม่ยอม
แต่ว่า เขาไม่ยอมขนาดไหนอีก จะมีประโยชน์อะไรอีกล่ะ?
สำหรับไป๋ยี่เฟยในตอนนี้มากล่าว เสวี่เต้าจ่างไม่คุ้มที่จะเอ่ยถึงเลยสักนิด
“ฉินหัวอยู่ที่ไหนหรือ?” ไป๋ยี่เฟยห่วงใยแต่เรื่องนี้
เต้าจ่างไม่ได้ตอบคำถามของเขาเลย แต่ค่อยๆลุกขึ้นมา ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “ผมไม่ยอม!”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองเต้าจ่างอย่างลึกๆหนึ่งที เสียงเย็นชาพูดว่า “ถ้าหากว่าฉินหัวไม่เป็นไร ผมสามารถสู้กับคุณอีกรอบหนึ่งได้ ถึงเวลานั้นจะตีจนคุณยอม”
“ถ้าหากว่าฉินหัวเกิดเรื่องแล้ว ในเวลานั้น คุณยอมไม่ยอมล้วนไม่เป็นไร เพราะว่าผมจะตีคุณให้ตายเลยโดยตรง!”
เต้าจ่างได้ยินคำพูดนี้อดไม่ได้ที่จะแสยะหัวเราะเสียงหนึ่ง “อาจารย์บอกว่าพรสวรรค์ของผมยิ่งใหญ่เกินไป กลัวว่าอนาคตผมจะเพราะเหตุนี้ทำผิดใหญ่หลวง ดังนั้นปิดเส้นลมปราณของผมเส้นหนึ่งเลย”
“เนื่องด้วยเหตุนี้ผมจึงนั่งสมาธิบ่อยๆ อย่างนี้จึงจะไม่ทรมาน”
“ไม่เพียงแค่นี้ เขายังจำกัดความก้าวหน้าในกำลังการต่อสู้ของผม ดังนั้นการเก็บพลังอ้านจิ้งของผมยังสู้ศิษย์น้องของผมไม่ได้ แต่ตอนนี้……”
“อยู่ในเจ็ดวันก่อน เถ้าแก่ใหญ่ช่วยผม ช่วยผมเปิดเส้นลมปราณเส้นนั้นแล้ว ตอนนี้ผมเป็นยอดฝีมือระดับที่หนึ่งแล้ว”
“ดังนั้น ไป๋ยี่เฟย ครั้งนี้ ผมจะทำให้คุณพ่ายแพ้ ค่อยเหยียบอยู่ใต้เท้าอย่างโหดร้าย”
เต้าจ่างพูดไปพูดมาก็แสยะหัวเราะอีกเสียงหนึ่ง
เพียงแค่ได้ยินคำพูดเหล่านี้จบ ไป๋ยี่เฟยสีหน้าไม่เปลี่ยน ยังส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีกอย่างเบาๆกับเต้าจ่าง
ต่อจากนั้น ตาทั้งคู่ของไป๋ยี่เฟยสว่างขึ้น หนึ่งหมัดชกไปยังเต้าจ่าง
“ปั้ง!”
เต้าจ่างต่อการลงมือของไป๋ยี่เฟยไม่แปลกใจเลย เขาก็ไม่ได้มีอะไร แต่คือห้านิ้วชิดกันหนึ่งฝ่ามือตบไปยังหมัดของไป๋ยี่เฟย
เต้าจ่างที่เข้าสู่ขบวนยอดฝีมือระดับที่หนึ่ง แรงพลังไม่เหมือนกับเมื่อก่อนจริงๆ ไป๋ยี่เฟยสามารถรับรู้สัมผัสอย่างชัดเจนพลังอ้านจิ้งของเขาแข็งแกร่งขึ้นเยอะ
แต่เขาก็ไม่ได้ถอยเลยสักนิด ใช้วิชามวยที่ฉินหัวสอนเขา
ก่อนหน้านั้นเขาเปล่งแรงพลังไม่ออก แต่ตอนนี้เขาทำได้แล้ว
“ตูม!”
หลังจากเกิดเสียงดังชั่วพริบตาเดียวเต้าจ่างตีลังกาลอยออกไป เหมือนดั่งลูกปืนของปืนใหญ่ลูกหนึ่งยิงออกไป “ปั้งปั้งปั้ง” ตลอดทางชนกิ่งไม้หลายกิ่งหัก
“พู่”
ตอนที่หยุดเต้าจ่างกระอักเลือดออกมา
เต้าจ่างตกอยู่กับพื้น ตื่นตะลึงเต็มตาจ้องมองไป๋ยี่เฟย “คุณ……นี่เป็นไปได้ยังไงล่ะ?”
“ทั้งๆที่ผมเป็นยอดฝีมือระดับที่หนึ่งแล้ว!”
ไป๋ยี่เฟยค่อยๆเดินไปยังข้างหน้าเต้าจ่าง จ้องมองเขาอย่างเย็นชาพูดว่า “เพียงแค่คุณเป็นยอดฝีมือระดับที่หนึ่งหรือ?”
เต้าจ่างได้ยินคำนี้ตื่นตะลึงเบิกตาโพลงทั้งคู่
และความมั่นใจในตนเองที่เขาสร้างขึ้นมายาวนาน อยู่ในเวลานี้ล้วนพังทลายหมดเลย
แต่ก่อนไป๋ยี่เฟยอยากจะสู้กับเขา ก็ต้องเข้าสู่สภาวะแปรสภาพ แต่ว่าในตอนนี้ ตาของไป๋ยี่เฟยไม่ได้กลายเป็นสีแดง เส้นผมไม่ได้กลายเป็นสีขาว ล้วนไม่จำเป็นต้องเข้าสู่สภาวะแปรสภาพ ก็สามารถทำให้เต้าจ่างพ่ายแพ้อย่างสบาย
ก็สบายมากจริงๆ เพียงแค่หนึ่งหมัด ก็สามารถฆ่าเขาในวินาทีนั้นได้
ในเวลานี้ ในที่สุดเต้าจ่างก็รู้สึกถึงความแตกต่างกับไป๋ยี่เฟย ในเวลาเดียวกัน นัยน์ตาของเขาค่อยๆเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา
เขาอยากลุกขึ้นมาวิ่งหนี แต่เพียงแค่โดนหมัดเดียว แม้แต่แรงที่จะลุกขึ้นมาเขาก็ไม่มี เขาได้แต่คลานไปยังข้างหลังถอยไปยังข้างหลังเรื่อยๆ
แต่ว่า……
แท้ที่จริงเมื่อกี้ไป๋ยี่เฟยคือเข้าสู่ในสภาวะบ้าระห่ำแล้ว เพียงแค่ไม่เหมือนกันกับแต่ก่อนเท่านั้น
เพราะว่าก่อนหน้านั้นที่ได้ประสบเจอเหล่านั้น ทำให้เขาได้กระจ่างบางอย่างโดยเฉพาะในครั้งนั้นมองเห็นพระจันทร์สีเลือดที่อยู่ในทะเล ทำให้เขาสามารถควบคุมการเข้าสู่สภาวะแปรสภาพอย่างอิสระ อีกทั้งรักษาสติของสมองไว้ได้
แต่หลังจากตอนที่กลับอยู่บนเรือพบเจอกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนเก่า ทั้งยังพบเจอคู่สามีภรรยาเหล่าสวีอยู่ในโรงพยาบาลอีก รวมกับประสบการณ์ที่โศกเศร้าอย่างน่าเวทนาเล็กน้อย ล้วนทำให้สภาวะจิตของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว
จากนั้นทำให้เขาได้กระจ่างยิ่งเยอะ ก็เลยทำให้เขาหลังจากเข้าสู่สภาวะแปรสภาพ สำหรับการรับรู้สัมผัสกับเรื่องราวล้วนไม่เหมือนกันแล้ว ดังนั้นเส้นผมของเขาจะไม่กลายเป็นสีขาวอีก ตาก็จะไม่กลายเป็นสีแดงอีกเช่นกัน
การยกระดับของสภาพวะจิตก็ทำให้เขายิ่งเข้าใจต่อวรยุทธโบราณมาก ก็อย่างเช่นฉินหัวจะต้องใช้เวลายี่สิบปีมาฝึกฝนวิชามวยที่เขายึดกุมอยู่ แต่ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ สามารถเข้าใจแก่นสารในนั้นได้อย่างสบาย อีกทั้งเรียกใช้ได้ถึงขีดสุด
ดังนั้นถึงแม้เต้าจ่างก็ก้าวหน้าเช่นกัน แต่สำหรับไป๋ยี่เฟยมากล่าวแล้ว คงยังดีไม่พอ
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองเต้าจ่างจากบนถึงล่าง จ้องมองรูปร่างลักษณะที่คับขันลำบากของเขา หัวเราะเบาๆเสียงหนึ่งพูดว่า “รู้ไหมว่ารูปร่างลักษณะของคุณในตอนนี้เป็นแบบไหนล่ะ?”
“รูปร่างลักษณะเหมือนหมากลางถนน”
เสียงพูดเพิ่งจบลง ตาทั้งคู่ของเต้าจ่างเบิกตาโพลงฉับพลันในทันที จากนั้นค้ำจนไม่ไหวอีกล้มลงกับพื้นแล้ว
ไม่เพียงแค่เพราะว่าร่างกายค้ำจนไม่ไหวเท่านั้น ยิ่งเพราะว่าจิตใจของเขาพังทลายแล้ว
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองรูปร่างลักษณะที่ตาทั้งคู่ไร้วิญญาณของเต้าจ่าง เขารู้ว่า ต่อจากนี้เกรงว่าเต้าจ่างล้วนหมดอาลัยตายอยากแล้ว
เขาไม่ได้สนใจมากมายขนาดนั้นอีก แต่ยกเท้าเข้าไปยังวัด
ในที่สุดก็มาถึงวัดจริงๆ แต่อยู่หน้าประตู มีคนๆหนึ่งที่ไป๋ยี่เฟยคุ้นเคยมากยืนอยู่ หลิ่วจาวเฟิง
ที่นี่กับที่เต้าจ่างห่างกันด้วยป่าไม้แห่งหนึ่ง หลิ่วจาวเฟิงมองไม่เห็นสภาพการณ์ที่ไป๋ยี่เฟยประมือกันกับเต้าจ่างเมื่อกี้เลยสักนิด ดังนั้นหลิ่วจาวเฟิงในเวลานี้ยามนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตนเองเหมือนเดิม
“พอใช้ได้นะ คุณทำให้เต้าจ่างพ่ายแพ้อีกแล้ว!” หลิ่วจาวเฟิงหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง