ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 89
บทที่ 89
หลังจากที่พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ขึ้นฝั่ง แล้วยื่นมือไปหาหลงหลิงหลิง“ เราไปกันเถอะ”
หลงหลิงหลิงยื่นมืออย่างงงว่างเปล่าไป และถูกไป๋ยี่เฟยลากขึ้นฝั่ง
“ชาตินี้ทั้งชาติฉันก็ไม่อยากที่จะแช่น้ำอีกแล้ว!”ไป๋ยี่เฟยมองไปที่กางเกงของเขาที่เปียกชุ่ม เขารู้สึกอึดอัดมาก แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากใส่เสื้อผ้า
ณ ตอนนั้นเย่ฮวนยืนขึ้น “ไป๋ยี่เฟย นายรู้ไหมว่านายกำลังทำอะไรอยู่?ตอนนี้นายกำลังปฏิเสธฉัน เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง?”
ไป๋ยี่เฟยหันกลับมา ปกป้องดึงหลงหลิงหลิงไว้ข้างหลังเขา และพูดอย่างเย็นชา: “เรากำลังพูดเรื่องธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องผู้หญิง”
“มีปัญหากับเย่ซื่อกรุ๊ป นายรู้ไหม ว่าจะเกิดอะไรขึ้น?” เย่ฮวนกล่าวด้วยใบหน้าสงบ
ไป๋ยี่เฟยตะคอกเบา ๆ “ เกิดอะไรขึ้นก็ตามมันคงไม่ไร้ประโยชน์ไปกว่า การที่ไม่ปกป้องคนของตัวเองไม่ได้!”
หลังจะพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็พาตัวหลงหลิงหลิงออกจากคลับ
คนของตัวเอง?
สิ่งที่ไป๋ยี่เฟยพูดเกี่ยวกับคนของเขานั้นเป็นเรื่องจริง คนที่ทำงานในโหวจวี๋กรุ๊ปก็ทำงานเพื่อเขาทั้งนั้น และแน่นอนว่าพวกเขาก็เป็นคนของเขาเอง พูดแบบนี้ผิดตรงไหน
แต่ที่หลงหลิงหลิงได้ยิน ดูเหมือนจะเข้าใจเป็นความหมายอื่น
แต่หลงหลิงหลิงก็รู้ตัวดีว่า ตัวเองคิดมากไปเอง
เพียงแค่มองไปที่ด้านหลังของไป๋ยี่เฟย ร่องรอยของอารมณ์ต่าง ๆ ก็ผ่านเข้ามาในหัวใจ
หลังจากนั่งในรถ ไป๋ยี่เฟยรู้สึกอึดอัดมาก กางเกงของเขายังเปียก และแม้แต่กางเกงชั้นนอกก็ยังเปียกไปด้วย
“กลับไปที่บ้านพัก”ไป๋ยี่เฟยทนความรู้สึกเหนียวๆบนร่างกายไม่ไหว เขาจึงอยากกลับไปอาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้าค่อยกลับมา
“ท่านประธานค่ะ…..”
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่หลงหลิงหลิง เมื่อเขาออกมาอย่างรีบร้อน หลงหลิงหลิงยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ร่างขาวนั้นทำให้เขาตื่นตา กระแอมเล็กน้อย แล้วหลบสายตา และตอบว่า: “เปียกไปหมดทั้งตัวแล้ว กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวฉันกลับเข้าไป เธอไปเปลี่ยนเสื้อก่อน หรือจะเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถก็ได้”
หลงหลิงหลิงพยักหน้า หน้าแดงก่ำ “ท่านประธานคะ วันนี้……ฉันขอโทษด้วยค่ะ…..”
โครงการหลายหมื่นล้าน หายไปเพราะเธอ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับเย่ซื่อกรุ๊ปด้วย
ไป๋ยี่เฟยเข้าใจความหมายของหลงหลิงหลิง “ไม่เป็นไร ไม่เกี่ยวกับคุณ ต่อให้เป็นคนอื่น ฉันก็ได้เลือกทำแบบนี้เหมือนกัน”
หลงหลิงหลิงรู้สึกสะเทือนใจ เมื่อเธอได้ยินคำพูดนี้และความรู้สึกพิเศษนั้นก็ยิ่งมากขึ้น
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็จอดที่ลานหน้าบ้านพัก และไป๋ยี่เฟยพูดกับหลงหลิงหลิงว่า “ตอนกลางวันแบบนี้ก็ไม่ค่อยสะดวก ถ้าอย่างงั้นคุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถ แล้วค่อยออกมาหลังทีหลังละกัน”
หลงหลิงหลิงพยักหน้า
กลับมาถึงที่บ้านพัก ในบ้านไม่มีใครอยู่ คิดว่าหลี่เสว่ไปลาออกแล้วยังไม่กลับมา
ไป๋ยี่เฟยรีบอาบน้ำ แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมา
หลังจากออกมาข้างนอก ก็เห็นหลงหลิงหลิงอยู่ที่สวนหน้า ซึ่งตอนนี้ต่างไปจากหลงหลิงหลิงที่สวมใส่บิกินี่เมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง และตอนนี้เธอกลับมาเป็นผู้ช่วยหลงคนเดิมที่ไม่แสดงออก
“ กลับไปที่ บริษัทกันเถอะ” คราวนี้ไป๋ยี่เฟยไม่ปล่อยให้ไป๋หู่ตามไป แต่กลับขับรถไปที่บริษัทด้วยตัวเอง
ถึงที่จอดรถใต้ดินของโหวจวี๋ ไป๋ยี่เฟยและหลงหลิงหลิงออกมาทีละคน และไป่ยี่เฟยเดินเข้าไปในลิฟต์ก่อน
หลงหลิงหลิงเดินไปที่ถังขยะข้างๆ และโยนบิกินี่ที่เปลี่ยนแล้วทิ้งลงถังขยะด้วยความรังเกียจ
ในขณะนั้น มีชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้ารถเบนซ์ ก็คือเฝิงสือตงคู่ของหลงหลิงหลิง ก่อนหน้าเคยมาที่โหวจวี๋ครั้งหนึ่ง
เมื่อเฝิงสือตงเห็นไป๋ยี่เฟยและหลงหลิงหลิงลงจากรถด้วยกัน เขาก็สงสัยว่า หลงหลิงหลิงเป็นผู้ช่วยประธานกรรมการไม่ใช่หรือ? ทำไมต้องติดตามผู้จัดการทั่วไป?
เวลาตอนเช้าแบบนี้ควรจะอยู่ในบริษัทไม่ใช่เหรอ?ทำไมเหมือนกลับมาจากข้างนอกเลย?
เฝิงสือตงในใจคือคิดมาก อดไม่ได้ที่จะยกฝีเท้าเดินไปที่ถังขยะ ที่หลงหลิงหลิงโยนของทิ้ง และหยิบของที่หลงหลิงหลิงทิ้งไปขึ้นมาดู
จากนั้นใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยว
คือบิกินี่ มันคือบิกินี่!
พวกเขา……
หลังจากที่หลงหลิงหลิงกลับมาถึงห้องงาน เธอก็ไม่ได้เข้าสู่สภาพพร้อมทำงานในทันที แต่นั่งลงพักผ่อนบนโซฟา พลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในบ่อน้ำพุร้อน
ไป๋ยี่เฟยปฏิเสธเย่ฮวนโดยไม่ลังเล เพียงเพื่อเธอ!
เมื่อมาคิดถึงตอนนี้ หัวใจก็เต้นเร็วขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีความรู้สึกที่บอกถูก
ขณะที่กำลังคิดอยู่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แผนกต้อนรับบริษัทโทรมา
“ฮัลโหล มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“ผู้ช่วยหลง ข้างล่างมีคนชื่อเฝิงสือตงมารอพบคุณค่ะ”
หลงหลิงหลิงขมวดคิ้วเมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้นทันใดนั้นเธอก็อารมณ์ไม่ดี อยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อคิดได้ เธอก็ตอบว่า :“ปล่อยเขาขึ้นมา!”
ไม่นาน เฝิงสือตงก็มาถึงที่ห้องทำงาน “หลิงหลิง”
ใบหน้าของหลงหลิงหลิงเย็นชา “นายมาทำไมที่นี่?”
หลังจากเหตุการณ์ครั้งสุดท้าย หลงหลิงหลิงไม่ต้องการเจอหน้าเฝิงสือตงตามลำพัง ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะเจอเขาที่โหวจวี๋กรุ๊ป แม้ว่าในเวลางานจะไม่ได้รับอนุญาตให้พบปะกับบุคคลภายนอกก็ตาม
รอยยิ้มของเฝิงสือตงหยุดนิ่ง และตอบว่า: “ใกล้เที่ยงแล้ว ฉันจะมาหาชวนเธอไปทานอาหาร”
หลงหลิงหลิงขมวดคิ้ว“ คราวหน้าถ้าคุณอยากจะชวนกินข้าวก็โทรหาฉัน ไม่ต้องมาถึงที่บริษัทหรอก”
เมื่อเห็นท่าทีของหลงหลิงหลิงเย็นชาเฝิงสือตง ก็อดไม่ได้ที่จะถาม: “หลิงหลิง เราก็คบกันมาครึ่งปีแล้ว พ่อแม่เจอแล้ว แล้วเราจะหมั้นกันเมื่อไหร่?”
“หมั้น?” หลงหลิงหลิงเบิกตากว้างราวกับว่าเธอได้ยินข่าวที่น่าตกใจ “เราคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
สีหน้าของเฝิงสือตงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “หลิงหลิง เราก็คบกันมาครึ่งปีแล้ว!”
“งั้นก็แสดงว่านายคิดไปเอง ฉันไม่เคยคบกับนาย!”
เธอและเฝิงสือตงคือพ่อแม่นัดให้ไปดูตัว ไม่ใช่ชอบพอกัน ในตอนนั้นเธออยากปฏิเสธ แต่พ่อแม่ของเธอเป็นติดหนี้บ้านเฝิงสือตง เธอจึงไม่มีทางเลือก ก็ต้องรักษาหน้าไว้ ดังนั้น ทั้งสองก็ได้แลกเบอร์ติดต่อกันไว้ นานๆทีออกไปกินข้าวนอกบ้าน ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นการคบกัน
เฝิงสือตงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะอีกครั้งและพูดว่า: “ไม่เป็นไร เรามาเริ่มต้นพบกันใหม่! หลิงหลิง ฉันจะดีกับเธอ เธอไม่ต้องกังวลฝากชีวิตไว้กับฉันได้เลย”
หลังจากพูดจบ เฝิงสือตงก็หยิบกล่องเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อผ้า เปิดมัน แล้วยื่นให้ตรงหน้า
หลงหลิงหลิง
“ฉลองกับความสัมพันธ์ของเราอย่างเป็นทางการ”
สิ่งที่อยู่ในกล่องเล็ก ๆ คือแหวนเพชรแวววาว
“นายทำอะไรเนี่ย?”หลงหลิงหลิงไม่เข้าใจว่าเฝิงสือตงทำไมต้องซื้อแหวนด้วย
อันที่จริงแหวนนี่เฝิงสือตงตั้งใจเอามาขอเธอแต่งงาน แต่คิดไม่ถึงว่าหลงหลิงหลิงไม่ยอมรับด้วยซ้ำว่าพวกเขาคบกัน งั้นก็คงต้องถือซะว่า เป็นการฉลองที่พวกเขาคบกัน รอบหน้าขอแต่งงาน เขาค่อยซื้อใหม่