ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 908
ไป๋ยี่เฟยเห็นเป็นเช่นนี้ก็ร้อนใจแล้ว จับข้อมือข้างหนึ่งของเธอไว้ ถามเสียงดังว่า “ในบรรดายอดฝีมือระดับที่สองมีคนชื่อเมิ่งเจีย!”
บอดี้การ์ดที่อยู่หน้าประตูเห็นเช่นนี้ ก็ล้อมเข้ามาทันที
“บังอาจ! ปล่อยคุณหนูรองนะ!”
“รีบปล่อยคุณหนูรองเดี๋ยวนี้!”
เจิ้งหยู่ยานขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า “อาลั่ง ปล่อยมือก่อน คุณทำฉันเจ็บแล้ว”
หลังไป๋ยี่เฟยได้ยินเสียง ถึงได้ตระหนักขึ้นมาว่าตนเองร้อนใจเกินไป จึงรีบปล่อยมือทันทีแล้วพูดว่า “ขอโทษ”
แต่เรื่องนี้ก็เร่งด่วนมากจริงๆ เขาจำเป็นต้องหาหลิวเสี่ยวอิงให้เจอโดยเร็วที่สุด เพื่อช่วยเธอกลับมา
หลังไป๋ยี่เฟยพูดจบก็เดินเข้าไปในบ้านใหญ่ “ฉันต้องไปพบพ่อเธอ”
แต่เพราะการกระทำของเขาเมื่อกี้ พวกบอดี้การ์ดจึงรีบมาขวางไป๋ยี่เฟยไว้ ไม่ยอมให้เขาเข้าไป
เจิ้งหยู่ยานจึงรีบพูดว่า “พวกนายหลีกไปให้หมด!”
……
ตลอดทางที่ไป๋ยี่เฟยขึ้นลิฟต์มา หลังรอให้บอดี้การ์ดรายงานแล้วก็ถูกปล่อยเข้าไปพบเจิ้งซง
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พิธีรีตองกับเขา ถามตรงเข้าประเด็นทันที “ตระกูลเจิ้งของพวกคุณมีผู้หญิงที่ชื่อเมิ่งเจียไหม?”
แต่เพิ่งจะถามเสร็จ จู่ๆ เจิ้งหมิงที่อยู่ข้างๆ เจิ้งซงก็ชี้ไป๋ยี่เฟยพลางด่าเสียงดังว่า “ไอ้แก่ ทำไมแกพูดจากับพ่อบุญธรรมของฉันแบบนี้?”
เจิ้งซงเห็นไป๋ยี่เฟยสีหน้าไม่สู้ดี จึงกล่าวกับเจิ้งหมิงว่า “พอแล้ว แกอย่าสอดปาก”
“เมิ่งเจียเป็นใคร?” เจิ้งซงถามไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยได้ยินเช่นนี้ใจก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
หนนี้ถูกคนคิดร้ายเข้าจริงๆ จนได้
อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาหาตนเอง คิดดูแล้วเจิ้งซงเองก็คงไม่รู้เช่นกัน ดังนั้นจึงส่ายหน้าแล้วหมุนตัวเดินออกไปข้างนอก
เวลานี้ เสียงของเจิ้งหมิงก็ดังออกมา “พ่อบุญธรรม คุณดูสิไอ้แก่นี่ไม่มีมารยาทเลยสักนิด ทำไมคุณยังจะให้หยู่ยานแต่งงานกับเขาอีก?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ เขาเดินออกมาจากบ้านใหญ่ตระกูลเจิ้ง มองดูก้อนเมฆบนท้องฟ้าที่เกาะตัวกันหนาแน่น ราวกับว่าวินาทีต่อไปมันจะถล่มลงมา
แต่ไรมาไป๋ยี่เฟยไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆ และไม่เกรงกลัวเรื่องราวใดๆ แต่ตอนนี้เขากลัวแล้ว
เพราะเขาไม่รู้ว่าหลิวเสี่ยวอิงอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่าศัตรูอยู่ที่ไหน
เขางุนงงสับสน ไม่มีจุดหมายปลายทาง
ไป๋ยี่เฟยเดินอย่างเลื่อนลอยไปตามถนนใหญ่ ไร้จุดหมายไร้ทิศทาง
“อาลั่ง……”
“อาลั่ง คุณรอฉันด้วย คุณเป็นอะไรไป?”
“อาลั่ง……”
เจิ้งหยู่ยานเดินตามอยู่ข้างกายไป๋ยี่เฟยมาตลอดทาง
ไป๋ยี่เฟยกลับไม่ได้สนใจเธอ เขาเดินมาหยุดยังสถานที่ที่เหมือนกับสวนสาธารณะแห่งหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
ไป๋ยี่เฟยมองเห็นสวนสาธารณะก็อดตื่นตระหนกไปชั่วขณะไม่ได้ พริบตานั้นเขาคิดว่าเขากำลังอยู่ในตัวเมืองแผ่นดินใหญ่
เขาหาเก้าอี้ไม้ยาวตัวหนึ่งได้ก็นั่งลงไป เจิ้งหยู่ยานก็ตามลงมานั่งกับเขาด้วยเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยไม่พูดอะไร เจิ้งหยู่ยานเห็นเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเช่นกัน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จู่ๆ ไป๋ยี่เฟยก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ฉันทำเธอหายไปอีกแล้ว”
ท้องฟ้ามืดแล้ว มีสายลมเอื่อยๆ พัดผ่านเบาๆ
เจิ้งหยู่ยานลังเลอยู่สักพัก จึงถามว่า “เป็น……เพื่อนคุณใช่ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า
แต่เจิ้งหยู่ยานรู้สึกว่าไม่ใช่แค่นี้ ดังนั้นจึงถามอีกหนึ่งประโยคว่า “เป็นภรรยาคุณใช่ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่นับ”
ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ ไม่นับนี่……
“เป็นเพราะ……ฉันใช่หรือเปล่า?” เจิ้งหยู่ยานถามอย่างสงสัยอยู่บ้าง
ไป๋ยี่เฟยยังคงส่ายหน้า
เจิ้งหยู่ยานมองอย่างไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงถามไปตรงๆ เลยว่า “อย่างนั้นตอนนี้ฉันสามารถช่วยอะไรคุณได้บ้างไหม?”
ไป๋ยี่เฟยหันหน้าไปมองเจิ้งหยู่ยาน เห็นใบหน้าและแววตาของเธอ มักจะรู้สึกอย่างหนึ่งว่าเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
จู่ๆ ไป๋ยี่เฟยก็คิดถึงความเป็นไปได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การต่อสู้อาจจะเกิดขึ้น ในใจจึงยิ่งกังวลและเศร้าโศกกว่าเดิม
จู่ๆ ไป๋ยี่เฟยก็เอ่ยเรียกออกมา “หยู่ยาน”
“หืม?”
ไป๋ยี่เฟยถามเสียงเบา “เธอเคยได้ยินเมืองเจาหยางกับเมืองกวงหมิงไหม?”
เจิ้งหยู่ยานพยักหน้าแล้วพูดว่า “เคยได้ยินอยู่แล้วสิ ได้ยินพี่ชายฉันเล่าว่าที่นั่นเคยเป็นเขตที่สามและเขตที่สี่มาก่อน แต่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคุกในโลกมนุษย์
ไป๋ยี่เฟยเดาออกแต่แรกแล้วว่าในสายตาของพวกเขาเมืองเจาหยางและเมืองกวงหมิงถูกพูดถึงว่าอย่างไร ดังนั้นเขาจึงส่ายหน้านิ่งๆ แล้วพูดว่า “ไม่ใช่แบบนี้”
“ต้องเห็นกับตาตัวเองถึงจะเป็นความจริง”
“หมายความว่ายังไง?” เจิ้งหยู่ยานถามด้วยความสงสัย
ไป๋ยี่เฟยกล่าวขึ้นอย่างราบเรียบว่า “ที่นั่นไม่ใช่คุกของโลกมนุษย์ อีกทั้งยังจะดีกว่าที่นี่เสียด้วยซ้ำ”
” เพราะว่านอกจากของเหล่านี้แล้ว ที่นั่นยังมีโรงพยาบาลฟรี โรงเรียนยังมีระเบียบกฎเกณฑ์ที่ขัดเกลานิสัยคนมากยิ่งขึ้น แต่ละคนสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้อย่างมั่นคงปลอดภัย ไม่ต้องกังวลถึงปัญหาชีวิต”
เจิ้งหยู่ยานได้ยินก็ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปไม่ได้!”
“พี่ชายฉันบอกว่าสถานที่เหล่านั้นถูกคนนอกปกครองไปแล้ว คนนอกเหล่านั้นล้วนฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตาทั้งสิ้น ยังมีหัวหน้าคนนั้นของพวกเขา ชื่ออะไรนะ?”
“อ้อ จริงสิ ชื่อว่าไป๋ยี่เฟย ว่ากันว่าเป็นปีศาจร้ายคนหนึ่งที่ฆ่าคนราวกับผักปลา หน้าตาอัปลักษณ์หาใดเปรียบ พอไม่พอใจก็จะถือมีดฟันคน!”
ไป๋ยี่เฟย “……”
เขายิ้มออกมาอย่างจนปัญญา ทั้งยังเจือไปด้วยความขมฝาดเล็กน้อย “หยู่ยาน เธอต้องจำคำนี้ของฉันไว้ให้ดี”
“หากที่นี่เกิดสงครามใหญ่ อยู่ต่อไปไม่ได้อีก เธอสามารถไปเยี่ยมเมืองเจาหยางและเมืองกวงหมิงได้”
“หา?” เจิ้งหยู่ยานรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก “ที่นี่ของเราจะเกิดสงครามใหญ่? เป็นไปได้อย่างไร?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ที่จริงฉันมาที่เพราะต้องการตามหาคน หากฉันหาคนคนนั้นไม่เจอ หรือคนคนนั้นที่ฉันตามหาเป็นอะไรขึ้นมา อย่างนั้น ที่ที่จะกลายเป็นคุกคงจะเป็นที่นี่”
“อะไรนะ” เจิ้งหยู่ยานตกตะลึงเป็นอย่างมาก ไม่รู้คิดถึงอะไร จึงถามเขาว่า “หรือคุณคิดจะเผาบ้านใหญ่ของเราใช่ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยมองท่าทางของเจิ้งหยู่ยานที่ไม่รู้อะไรเลย จู่ๆ ก็ถอนหายใจออกมา “เรียบง่ายหน่อยจะดีแค่ไหนนะ”
เจิ้งหยู่ยานยังคงมองเขาด้วยสีหน้าตั้งคำถามเหมือนเดิม
จู่ๆ ไป๋ยี่เฟยก็เอื้อมมือไปหาเจิ้งหยู่ยาน
เจิ้งหยู่ยานมองมือที่ค่อยๆ เข้าใกล้ใบหน้าของเธออย่างช้าๆ จู่ๆ หัวใจก็เต้นรัวขึ้นมา
เขาคิดจะทำอะไร?
เขา……
ความคิดต่อไปยังไม่ทันคิดออกมา จู่ๆ เจิ้งหยู่ยานก็ตัวอ่อนพับลงไปในอ้อมแขนไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยอุ้มเจิ้งหยู่ยานขึ้นมา พาส่งกลับตระกูลเจิ้ง
ฝีมือเขาในตอนนี้ไปมาตระกูลเจิ้งได้อย่างสบายๆ หลังส่งคนกลับไปเรียบร้อยแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็เดินออกมาจากบ้านใหญ่
เพียงแต่ตอนที่เขาหันหลังกลับไปมองบ้านใหญ่หลังนี้อีกทีนั้น จู่ๆ ในหัวก็มีแสงสว่างสายหนึ่งวาบผ่าน ราวกับคิดอะไรบางอย่างออก
เหมือนจะมีรอยร้าวรอยหนึ่ง
แต่มันคืออะไรกันนะ?
แสงสว่างสายนั้นปรากฏอย่างรวดเร็ว แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว เวลาที่เขาต้องการจะคิดต่อไป คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงกลับไปยังเก้าอี้ตัวนั้นในสวนสาธารณะอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าครุ่นคิด
แสงจางๆ ของยามเช้าค่อยสาดแสงออกมา จู่ๆ ไป๋ยี่เฟยก็เงยหน้าขึ้น
เขาคิดออกแล้ว หากชื่อของเมิ่งเจียเป็นชื่อปลอม ดูจะสมเหตุสมผลอย่างมาก แต่ก็ยังมีตรงที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่เล็กน้อยเช่นกัน
เมิ่งเจียเคยบอกว่าตระกูลเจิ้งมีแขกคนสำคัญมาเยือน และก่อนที่แขกจะมานายหญิงเจิ้งสั่งให้เธอฆ่าไป๋ยี่เฟยเสีย
ถ้าอย่างนั้นหากตระกูลเจิ้งไม่รู้จักเมิ่งเจีย แล้วเมิ่งเจียรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?
ดังนั้นเมิ่งเจียจึงไม่ได้เป็นชื่อปลอม เพียงแต่เพราะว่ามีคนตระกูลเจิ้งบางคนรู้ และบางคนไม่รู้
อีกทั้งคนคนนี้คิดจะฆ่าเขา เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้การติดต่อระหว่างตระกูลเจิ้งและหนานเหมินถูกทำลาย เท่ากับว่าเขาอยากจะให้ตระกูลเจิ้งยอมร่วมมือกับหนานเหมิน
แต่เจิ้งซงไม่เห็นด้วย