ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 922
“ปัง!”
แต่ทว่าครั้งนี้ก็ไม่แตกต่างจากครั้งที่แล้ว
ฝ่ามือของไป๋ยี่เฟยสั่นจนชาไปหมด
เขาคิดไม่ออกจริงๆ ภาพเบื้องหลังที่ดูนิ่มนวลอ่อนโยนขนาดนั้น แต่พอตีลงไปกลับเหมือนกันฟาดฝ่ามือลงบนเหล็กกล้าที่แข็งแกร่ง
ส่วนหยุนอิงพอหายชะงักก็หันกลับมา มองไป๋ยี่เฟยอย่างงุนงงมากๆจากนั้นก็ด่าทอเสียงดัง “นายนี่มันสารเลวจริงๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า จะจบได้หรือยัง?”
ไป๋ยี่เฟยทำหน้าตาน่าสงสารก่อนจะทิ้งแขนลงทั้งสองข้าง “ตอนนี้จบแล้ว จริงๆแล้วฉันแปลกใจมาก”
“แปลกใจบ้านแกน่ะสิ!”หยุนอิงเอ่ยเสียงไม่พอใจ
ไป๋ยี่เฟยไม่พูดอะไรต่อ
เขาคิดว่า เรื่องนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็คงจะประหลาดใจเหมือนกัน
หยุนอิงถลึงตาใส่ไป๋ยี่เฟย ก่อนจะค่อยๆมองด้วยสายตาอ่อนลงจากนั้นก็เอ่ยกับเขา”ก็ได้ รีบคุยสาระดีกว่า นายช่วยให้ฉันได้เป็นผู้นำสหพันธ์เป็นไง?”
ไป๋ยี่เฟยตกตะลึงไปเลย
ไม่ใช่เพียงเพราะว่าหยุนอิงต้องการตำแหน่งผู้นำอย่างกล้าหาญ แต่ยังเป็นเพราะเธอเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็วราวกับพลิกหน้าหนังสือซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ
หยุนอิงยิ้มบางๆพร้อมกับเอ่ย”เพียงแค่นายช่วยให้ฉันได้ตำแหน่ง กองกำลังที่พามานายเอาไปใช้ได้เลย คลังเก็บทองฉันก็ไม่ต้องการว่าไง?”
“อีกอย่างนายจะแก้แค้นดาร์สไม่ใช่เหรอ?ฉันบอกนายได้นะว่าจุดลมปราณของเขาอยู่ที่ไหน แม้กระทั่งพาเขามาหานายเองถึงตรงหน้าเลยก็ได้”
พอได้ยินคำพูดนี้ ไป๋ยี่เฟยก็ตกตะลึงจนเบิกตากว้าง
ถ้ารู้ว่าคนของหนานเหมินเป็นยอดฝีมือทั้งหมด แถมกองกำลังที่มาในครั้งนี้ก็มีจำนวนไม่น้อยเลย หยุนอิงบอกจะให้เขาทั้งหมดเลย?
แถมยังบอกว่าจะเอาดาร์สมาส่งถึงตรงหน้าเขาเลยอีกด้วย
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆล่ะก็ วิกฤตบนหลันเต่าก็อาจจะไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อและทำให้โลกภายนอกรู้สึกว่าพวกเขาถูกสังหารโดยผู้คนในจีนแผ่นดินใหญ่แทนที่จะถอยกลับไปด้วยการเจรจา
นี่คือสิ่งล่อใจสำหรับไป๋ยี่เฟย
แต่ว่า……
ไป๋ยี่เฟยเอ่ยถามเสียงทุ้ม “ฉันจะเชื่อเธอได้ยังไง?”
“ถ้านายช่วยฉันล่ะก็ ฉันก็จะแสดงความจริงใจออกมาเองจะช่วยนายก่อนเลย” หยุนอิงยิ้มพลางตอบ
ไป๋ยี่เฟยได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย “เธอไม่กลัวฉันจะหักหลังหรือไง?”
หยุนอิงกลับส่ายหน้าเอ่ย “แน่นอนว่าไม่กลัว ฉันเชื่อว่านายเป็นคนรักษาสัญญา”
“ยิ่งไปกว่านั้นถ้านายหักหลังฉันจริงๆฉันก็ฆ่านายก็ได้นี่ ต่อให้ฆ่านายไม่ได้เมียนายกับลูกสาวลูกชายของนาย ไหนจะพวกลูกน้องรอบๆตัวนาย ฉันก็ฆ่าได้หมดนั่นแหละไม่ใช่หรือไง?”
สิ้นประโยคไป๋ยี่เฟยก็ตะลึงไปเลย
เป็นอย่างนั้นจริงๆ ความสามารถของหยุนอิงถ้าคิดจะฆ่าไป๋ยี่เฟยกับคนรอบๆตัวเขาก็ทำได้ง่ายๆ
ไป๋ยี่เฟยเงียบไป
หยุนอิงก็มองเขาเงียบๆไม่ได้โน้มน้าวอะไร
ผ่านไปนานจู่ๆไป๋ยี่เฟยก็เอ่ยถามขึ้นมา “ขอถามนอกเรื่องหน่อย ปีนี้เธออายุเท่าไหร่แล้ว?”
“หืม?”หยุนอิงแปลกใจมากที่อยู่ๆไป๋ยี่เฟยถามคำถามแบบนี้
หลังจากตกใจ หยุนอิงก็ยิ้มแล้วเอ่ย ” 22 ปีไง ทำไมอ่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินดังนั้นก็แอบกลอกตาไม่เชื่อคำพูดของเธอ
อย่างไรก็ตามไป๋ยี่เฟยก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึมให้กับหยุนอิงและกล่าวว่า “โอเค ฉันตกลง”
“ว้าว เยี่ยมไปเลย!”
หยุนอิงลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ จากนั้นก็วิ่งไปตรงหน้าไป๋ยี่เฟยไม่พูดพร่ำทำเพลงปล่อยหมัดใส่ท้องของไป๋ยี่เฟย
“ผัวะ!”
ไป๋ยี่เฟยถูกหยุนอิงต่อยจนกระเด็นออกไป
หยุนอิงปัดมือไปมาก่อนจะเอ่ย “เอาคืนที่นายทำไว้”
พูดจบก็หมุนตัวเตรียมจะเดินไป
ไป๋ยี่เฟยก็รีบพยุงตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะตะโกนเสียงดัง “เดี๋ยวก่อน แล้วฉันจะติดต่อกับเธอยังไง”
หยุนอิงไม่ได้หยุดเดินแต่อย่างใด เธอเดินไปพลางเอ่ยไป “รอให้ฉันมาหานายเอง หรือไม่ก็ตะโกนขึ้นไปบนฟ้าสักสามครั้งว่า ผมเป็นหมา”
ไป๋ยี่เฟย”……”
ช่วงเวลาที่ได้สัมผัสกับหยุนอิง จากนิสัยแล้วดูเหมือนจะเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบกว่าจริงๆ แต่ความสามารถของหยุนอิงนั้นแข็งแกร่งมาก เป็นถึงผู้นำทัพโจมตีของหนานเหมินไป๋ยี่เฟยไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าเธอจะอายุแค่ 22 ปี
แต่ว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเขาเริ่มรู้สึกหนักใจมากขึ้นเรื่อยๆ
กว่าพวกเขาจะกลับมาถึงตระกูลเจิ้ง ก็เป็นเวลาเช้ามืดของอีกวันหนึ่งแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่พวกเขากระโดดลงจากตึกไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย และมันทำให้ทุกคนตื่นตระหนกกันหมด ดังนั้นเมื่อเขากลับมาห้องโถงของตระกูลเจิ้งก็เต็มไปด้วยผู้คน
ครอบครัวของเจิ้งซง หลี่เฉียงตงและหลิวเสี่ยวอิง ต่างนั่งรอไป๋ยี่เฟย พอเห็นไป๋ยี่เฟยกลับมาก็ต่างหันมองเขากันหมด
ไป๋ยี่เฟยรีบเดินไปนั่งก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมเจอหยุนอิงแล้ว”
หลี่เฉียงตงได้ยินดังนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้น
เจิ้งซงยิ่งรู้สึกตกใจมากเอ่ยขึ้น “หยุนอิง?คุณชายรองของหนานเหมินน่ะเหรอ?”
“อะไรนะ?”ไป๋ยี่เฟยมึนงง”คุณชายรอง?”
ไป๋ยี่เฟยที่แต่เดิมก็งงอยู่แล้ว เรื่องที่หยุนอิงขอให้เขาช่วยเธอครอบครองตำแหน่งผู้นำสหพันธ์ แต่ตอนนี้คำพูดของเจิ้งซงทำเขาอึ้งไปเลย
เจิ้งซงพยักหน้าก่อนจะเอ่ย “หนานเหมินมีสมบัติมากมายในพื้นที่เขตที่สองของเรา และฉันก็เคยพบกับผู้นำของพวกเขาเพราะเหตุนี้พวกเขาจึงไม่กล้าฉีกหน้าฉัน”
“ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในสหพันธ์วรยุทธ์ชื่อว่าตระกูลจีไซ เขามีลูกชายสามคน คนโตชื่อว่าจีซือ คนกลางชื่อว่าจีอิง และคนเล็กชื่อว่าจีเอร์”
“ในหมู่ลูกทั้งสามคนจีอิงที่เป็นลูกคนกลางเก่งกาจด้านการต่อสู้ที่สุด ผู้คนเรียกเขาว่าหยุนอิง”
ไป๋ยี่เฟยฟังจบก็ตกใจทันที “ลูกชาย?เป็นผู้ชายเหรอ?”
เจิ้งซงชะงักก่อนจะเอ่ยต่อ “น่าจะใช่นะ ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ทุกคนเรียกเขาว่าคุณชาย”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกสับสน
ถ้าหากหยุนอิงเป็นผู้ชายจริงๆ เมื่อคืนเขาไม่รังเกียจกับการเคลื่อนไหวของผู้หญิงเหล่านั้นเหรอ?
แต่จะว่าไปแล้วถ้าเป็นเรื่องจริง เรื่องอายุของเขาก็คงจะไม่ได้โกหก
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกสงสัยในตัวคนๆนี้มากขึ้นไปอีก
ตอนนั้นเองหลี่เฉียงตงก็เอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คนที่นำกองกำลังมาบุกโจมตีครั้งนี้ก็คือหยุนอิง”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าและก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ความแข็งแกร่งของเธอยากที่จะคาดเดา ผมเอาชนะเธอไม่ได้”
“เธอมาหานายทำไมกัน?”หลี่เฉียงตงเอ่ยถามอย่างสงสัย
หยุนอิงมาหาแบบนี้ ทุกคนรู้ว่าเธอต้องมาหาไป๋ยี่เฟยเพื่อแก้แค้น แต่ไป๋ยี่เฟยกลับมาอย่างสงบ นั่นแสดงว่าเธอมาหาไป๋ยี่เฟยด้วยจุดประสงค์อื่น
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกไม่แน่ใจจึงเอ่ยออกไป “รอผมแน่ใจแล้วผมจะบอกอีกทีนะครับ”
หลี่เฉียงตงพยักหน้าไม่เอ่ยถามอะไรมาก
เขาคิดว่าไป๋ยี่เฟยคงจะไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนมากมาย เพราะถึงยังไงครอบครัวของเจิ้งซงก็ไม่ได้น่าไว้ใจขนาดนั้น
เจิ๋งซงดูเหมือนจะพอเข้าใจจึงหัวเราะแห้งๆแล้วเอ่ย “ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ทุกคนก็ไปพักผ่อนกันเถอะ”
คนอื่นๆก็ไม่ได้มีอะไรจึงกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง
หลี่เฉียงตงเดินตามไป๋ยี่เฟยไปที่ห้องของเขาแล้วพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “วันมะรืนนี้ฉันจะไปกับนาย”
หลังจากทั้งสองนั่งลงไป๋ยี่เฟยก็รินน้ำหนึ่งแก้วให้หลี่เฉียงตงและพูดว่า “พ่อครับ หยุนอิงมาหาผมต้องการจะร่วมมือกับผม”
ไป๋ยี่เฟยเล่าเรื่องระหว่างเขากับหยุนอิงตั้งแต่ต้นจนจบ
หลังจากฟังจบคิ้วของหลี่เฉียงตงก็ขมวดขึ้น “เหตุผลที่เหลียงหมิงเยว่ปล่อยให้คนเหล่านั้นจากหนานเหมินเข้ามาก็เพื่อปั่นหัวพวกเรา ในเวลาเดียวกันมันก็สามารถใช้คนจากหนานเหมินมาควบคุมตัวจื่ออีไม่ก็ซินชิว”
“แต่ลูกชายของผู้นำสหพันธ์วรยุธ์คนนึงเสียชีวิตที่นี่ ดังนั้นผู้นำจะต้องส่งผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามาจัดการซินชิวหรือจื่ออีอย่างแน่นอน”
“และตอนนี้จีเอร์ก็ถูกนายฆ่าไปแล้วแต่หยุนอิงกลับไม่สนใจเรื่องนี้ ตรงกันข้ามกลับมาขอความร่วมมือจากนาย ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่สามารถใช้ความคิดของเราพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างทายาทผู้นำของพวกเขาได้”