ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 930
หลิวเสี่ยวอิงที่นั่งอยู่บนรถจู่ๆก็หันกลับไปมองที่ตึกตระกูลเจิ้ง บนตึกนั้นมีเจิ้งยวี่เยี่ยนกำลังยืนกอดผ้าห่มอยู่ที่หน้าต่าง พร้อมกับโบกมือ
ไป๋ยี่เฟยเอ่ยถามหลิวเสี่ยวอิง”ดูอะไรอยู่?”
หลิวเสี่ยวอิงส่ายหน้าเบาๆ”ไม่มีอะไรค่ะ”
……
พวกเฉินห้าวพอเห็นไป๋ยี่เฟยกลับมาแล้วก็พากันมาล้อมด้วยความตื่นเต้น
“พี่ไป๋กลับมาแล้ว!”
“ลูกพี่!”
“……”
ไป๋ยี่เฟยเดินจูงมือของหลิวเสี่ยวอิงกลับมาอย่างเปิดเผย
พอไป๋หู่เห็นฉากนี้เข้า ก็โกรธหน้าดำหน้าแดงพร้อมกับเดินออกไปไม่ทักทายทันที
ไป๋ยี่เฟยเห็นดังนั้นก็อดที่จะชะงักไม่ได้ พอทุกคนลงมากันหมด ก็เดินไปหาไป๋หู่ที่ด้านหลัง
“เป็นอะไรไป?”ไป๋ยี่เฟยเอ่ยปากถามก่อน
แต่ทว่าพอเขาพูดจบ ไป๋หู่ก็สวนกลับมาด้วยหมัดชกเข้าที่หน้าไป๋ยี่เฟยทันที
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้หลบแต่อย่างใด แต่เขาก็รู้สึกมึนงงที่โดนต่อย “นายทำอะไรเนี่ย?”
ไป๋หู่เอ่ยตอบด้วยสีหน้าเย็นชา “หมัดนี้เพื่อหลี่เสว่”
ไป๋หู่เป็นลูกน้องคนแรกของไป๋ยี่เฟย อีกอย่างหลังจากที่หลี่เสว่โดนวางยาพิษ ไป๋หู่ก็เป็นคนคอยปกป้องหลี่เสว่เป็นเวลานานเลยทีเดียว เขาเห็นความรักของไป๋ยี่เฟยและหลี่เสว่มากับตาของตัวเอง
แต่ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ กลับมาเดินจับมือกับหลิวเสี่ยวอิงต่อหน้าสายตาประชาชี
ไป๋ยี่เฟยได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกผิดเอ่ย”ขอโทษ!”
“นายควรขอโทษหลี่เสว่ไม่ใช่ฉัน!” ไป๋หู่ส่งเสียงไม่พอใจก็จะชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ย”แล้วก็ควรขอโทษเฉินอ้าวเจียวด้วย”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกแปลกใจ “ทำไมต้องขอโทษเขา?”
ไป๋หู่เพียงแค่เหลือบมองเขาแต่ไม่พูดอะไร
ไป๋ยี่เฟยเข้าใจในทันทีก่อนจะเอ่ยอย่างตกใจ “เขา…..”
ผ่านไปครู่ใหญ่ไป๋หู่ถึงเอ่ยถาม”เสว่เอ๋อรู้มั้ย?”
“รู้”ไป๋ยี่เฟยเอ่ยตอบ
ไป๋หู่ถอนหายใจหนักๆ
……
เช้าวันต่อมา พวกเขานำร่างของอู๋เฉียงมาฝังยังหลุมศพ
พอวันที่สาม ไป๋ยี่เฟยก็ไปที่ท่าเรือเป็นเพื่อนหลิวเสี่ยวอิงเพราะวันนี้เป็นวันที่พ่อแม่ของหลิวเสี่ยวอิงมาถึงหลันเต่า
หลังจากมาถึงท่าเทียบเรือไป๋ยี่เฟยก็เริ่มกังวล หลิวเสี่ยวอิงที่สังเกตเห็นจึงจับมือเขาอย่างเงียบๆแล้วแกล้งแหย่ “ประหม่าขนาดนี้เลยหรอ?”
ความจริงแล้วหลิวเสี่ยวอิงก็กังวลมากเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พยักหน้า แต่มองไปที่จุดดำที่ค่อยๆใกล้เข้ามาในระยะไกลแล้วพูดว่า “ใกล้จะถึงแล้ว”
คราวนี้มีเพียงแม่ของหลิวเสี่ยวอิงที่มา เนื่องจากพ่อของเขามีโครงการความร่วมมือกับเฟยเสว่กรุ๊ป เขาจึงอยู่ที่เมืองเทียนเป่ยเพื่อเจรจากับผู้คนที่นั่น
หลังจากลงจากเรือ หลิวเสี่ยวอิงก็วิ่งเข้าไปกอดแม่ของเธอ
ทั้งสองเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นเธอก็ถามหลิวเสี่ยวอิง “ทำไมเราถึงมาที่ชนบทแบบนี้? เราเห็นมั้ยว่าที่นี่สภาพแย่แค่ไหนไม่มีแม้กระทั่งรถ!”
“เฮ้อ รอให้พ่อของเราเขามั่นคงก่อน เราจะได้ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้”
“พ่อของเรากำลังหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับเฟยเสว่กรุ๊ปน่ะ สุดยอดมากเลย”
นานแล้วที่ไม่ได้พบหน้ากัน สองแม่ลูกจึงคุยเม้ามอยกันไม่หยุด ส่วนไป๋ยี่เฟยก็คอยยืนสังเกตสองแม่ลูกอยู่ที่อีกด้านหนึ่ง
แม่ของหลิวเสี่ยวอิงคืออู๋หยุนในวัยห้าสิบปี สมแล้วที่มีลูกสาวหน้าตางดงามอย่างหลิวเสี่ยวอิง ภาพลักษณ์ของเธอเหมือนเป็นสาวชั้นสูง
ในขณะเดียวกัน ไป๋ยี่เฟยก็เห็นชายคนหนึ่งในชุดสูทแว่นตากรอบที่ด้านหลังของอู๋หยุน ชายคนนั้นดูแล้วน่าจะอายุสามสิบ ดูท่าทางเป็นคนสุขุมอ่อนโยนดูแล้วรู้สึกว่าจะเป็นคนอารมณ์ดี
หลิวเสี่ยวอิงถูกแม่ลากเดินไปข้างหน้า หลิวเสี่ยวอิงอดไม่ได้ที่จะมองกลับไปและไป๋ยี่เฟยก็ยิ้มให้เธอ
ตลอดทางหลิวเสี่ยวอิงต้องการหาโอกาสแนะนำไป๋ยี่เฟยกับแม่ของเธอตลอด แต่เธอไม่สามารถแทรกการสนทนาได้เลย
หลังจากขึ้นรถไป๋ยี่เฟยเป็นคนขับรถ ชายที่สวมแว่นตานั่งอยู่ที่ข้างคนขับส่วนหลิวเสี่ยวอิงและแม่ของเธอนั่งแถวหลัง
ไป๋ยี่เฟยกำลังขับรถในขณะที่ฟังหลิวเสี่ยวอิงและแม่ของเธอคุยกัน แต่หลังจากฟังเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
อู๋หยุนชี้ไปที่ชายนั่งข้างคนขับ ยิ้มและแนะนำให้รู้จักกับหลิวเสี่ยวอิง “เสี่ยวอิงลูก นี่คือปู้ถิงที่แม่เคยบอกกับเรา”
ชายที่สวมแว่นตาหรือที่เรียกว่าปู้ถิงหันหน้ามาและยิ้ม “สวัสดีครับ คุณเสี่ยวอิง”
หลิวเสี่ยวอิงมองไปที่เขายิ้มอย่างทำตัวไม่ถูกและกล่าวว่า “สวัสดีค่ะ”
อู๋หยุนจับมือหลิวเสี่ยวอิงและเริ่มแนะนำหลิวเสี่ยวอิง “ปู้ถิง เขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของอเมริกาและจบปริญญาเอกเชียวนะ เก่งมากเลยล่ะ”
“เขานิสัยไม่เลวเลย เป็นเด็กดี อีกอย่างนะตอนนี้เขาทำหน้าที่เป็นลูกน้องของพ่อเราที่หมิงอี้กรุ๊ปด้วยอนาคตไกลเลยล่ะ ”
ปู้ถิงยิ้มและพูดอย่างสุภาพ “คุณน้าชมกันเกินไปแล้วครับ”
พูดจบปู้ถิงก็หันมายิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับหลิวเสี่ยวอิง
พอเห็นแบบนี้หลิวเสี่ยวอิงก็ทำตัวไม่ถูกเธอทำได้เพียงยิ้มแห้ง ๆ
อู๋หยุนกล่าวต่อ “เสี่ยวอิง ในอนาคตก็ทำความรู้จักสนิทสนมกับปู้ถิงเอาไว้ พอสนิทกันแล้วก็จะรู้ว่าปู้ถิงน่ะนิสัยดีแค่ไหน”
“คุณน้าชมเกินไปแล้วครับ ผมไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอก ผมดูแล้วเสี่ยวอิงไม่เหมือนกับที่คุณน้าบอกเลยครับ” ปู้ถิงตอบด้วยรอยยิ้ม
อู๋หยุนพอได้ยิ้มก็ชะงัก “หืม?ไม่เหมือนตรงไหนจ้ะ?”
ปู้ถิงยิ้มและตอบว่า “คุณน้าบอกว่าเสี่ยวอิงหน้าตาพอใช้ได้ แต่วันนี้พอผมเห็นแล้วถึงรู้ว่าแบบนี้ไม่ใช่แค่ใช้ได้นะครับ บอกว่าเป็นนางฟ้านางสวรรค์ยังไม่เกินจริงเลยครับ”
ทันใดนั้นอู๋หยุนก็หัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ฮ่าๆ …ปู้ถิงนี่พูดเป็นจริงๆเลยนะ”
หลิวเสี่ยวอิงรู้สึกทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม เธอก็มองไปที่ไป๋ยี่เฟยโดยอัตโนมัติ
จากนั้นหลิวเสี่ยวอิงก็กระซิบกับอู๋หยุน “แม่คะหนูเคยบอกแล้วไม่ใช่หรอ?ว่าหนูมีแฟนแล้ว”
พูดจบสีหน้าของอู๋หยุนก็เคร่งขรึม จากนั้นเธอก็ดึงตัวหลิวเสี่ยวอิง “พูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน? เมื่อก่อนเราอยู่ต่างประเทศไม่มีใครดูแล จะล้อเล่นยังไงก็ไม่มีใครสน แต่นี่ยังจะเอามาทำเป็นจริงเป็นจังอีกหรอ?”
“ปู้ถิงปฏิบัติต่อคนอื่นเป็นยังไง พ่อกับแม่เห็นมาหมดแล้ว พวกเราต่างก็คิดว่าดีเลย ต่อไปถ้าเราแต่งไปกับเขามีแต่จะสุขสบาย”
หลิวเสี่ยวอิงรู้สึกกังวลเล็กน้อย “แม่ หนู … ”
“เราไม่ต้องพูดแล้ว แม่ไม่เชื่อ” อู๋หยุนพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง “เราฟังแม่ไว้ ปู้ถิงเป็นคนดีมีการศึกษา มีหน้าที่การงานแถมยังมีอนาคตรูปร่างหน้าตาก็ไม่เลวเลย ดีขนาดนี้เราจะไปหาได้จากที่ไหน?”
“เราบอกว่าเรามีแฟนแล้ว เขาเป็นคนยังไง?หน้าตาเป็นยังไง?การศึกษาสูงมั้ย?มีงานทำเป็นยังไง?ครอบครัวเป็นยังไงบ้าง?”
คำพูดชุดนี้ทำให้หลิวเสี่ยวอิงชะงักด้วยความมึนงง
ไป๋ยี่เฟยซึ่งนั่งอยู่ในที่นั่งคนขับ พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกทำตัวไม่ถูก
ปู้ถิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “คุณน้าอย่าพูดอย่างนั้นสิครับ เสี่ยวอิงอาศัยอยู่ต่างประเทศด้วยตัวเองมาหลายปีแล้ว ดูคนไม่ค่อยออกก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ”
“ถ้าอย่างนั้นเอางี้ คุณกลับไปที่เมืองเทียนเป่ยคุณก็นัดแฟนมาด้วยเลยสิครับ พวกเรามาเจอกันหน่อยเป็นไง?
ที่ปู้ถิงพูดนั้นค่อยข้างเหมาะสม ไม่ได้จงใจโชว์ตัวเองและก็ไม่ได้พูดเหยียดหยามแฟนของหลิวเสี่ยวอิง แต่ว่าไม่ว่าจะทั้งหลิวเสี่ยวอิงหรือไป๋ยี่เฟยในช่วงสองปีนี้พวกเขาผ่านอะไรมามาก ดูออกตั้งแต่ต้นว่าคนๆนี้มีอะไรในใจ
เขาไม่ใช่แค่อยากจะพบกับแฟนหนุ่มของหลิวเสี่ยวอิง จากนั้นก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสดงด้านที่ดีที่สุดของเขา จากนั้นก็โจมตีแฟนของหลิวเสี่ยวอิงทุกวิถีทาง
เขามั่นใจตัวเองมากดังนั้นเขาจึงพูดด้วยความหยิ่งยโส
อู๋หยุนเห็นด้วยกับคำเหล่านี้และกล่าวว่า “แม่ว่าก็ดีนะ พามาให้แม่เห็นว่าจริงๆแล้วพ่อหนุ่มนั่นเป็นคนยังไง ถึงได้ทำให้ลูกหลงหัวปักหัวปรำแบบนี้”
พอพูดถึงเรื่องนี้หลิวเสี่ยวอิงก็เหลือบมองไป๋ยี่เฟยอีกครั้ง
อู๋หยุนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ว่าไงล่ะ จะไปมองคนขับรถทำไมกัน?”
หลิวเสี่ยวอิงหน้าแดงอย่างกะทันหันด้วยความอายเล็กน้อย
สีหน้าของไป๋ยี่เฟยก็ดูไม่เป็นธรรมชาติเช่นกัน
……
รถคันดังกล่าวขับมาจนถึงโรงพยาบาลกลางของเมืองกวงหมิง
โรงพยาบาลแห่งนี้เพิ่งสร้างได้ไม่นาน เนื่องจากไม่มีไม่มีผู้อำนวยการโรงพยาบาลและหลิวเสี่ยวอิงก็มาที่นี่พอดี เธอจึงกลายเป็นผู้อำนวยการไปโดยปริยาย