ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 934
หลิวเสี่ยวอิงร้อนใจเปิดประตูรถออก ผลักอู๋หยุนขึ้นรถเลย
อู๋หยุนเพิ่งขึ้นรถ ยังอยากจะลงจากรถอยู่ และก็อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆเธอมองเห็นมีคนมากมายวิ่งเข้ามาจากข้างหน้า อีกทั้งในมือของทุกคนล้วนถืออาวุธอยู่
ทันใดนั้นอู๋หยุนก็นิ่งอึ้งไปเลย
ในเวลานี้หลิวเสี่ยวอิงก็รีบขึ้นรถเช่นกัน ล็อกประตูรถไว้ทันที
และพานปู้ถิงที่นั่งอยู่กับพื้นมองเห็นฉากนี้ ทันใดนั้นตกใจจนแย่แล้ว ก็ไม่ร้องแล้ว คลานขึ้นมาอย่างว่องไวโดยตรง ทั้งยังทุบประตูรถอยู่ “เสี่ยวอิง รีบเปิดประตู ให้ผมขึ้นรถ!”
หลิวเสี่ยวอิงยิ้มเย็นชาจ้องมองเขา เมื่อกี้ให้ขึ้นรถแต่กลับไม่ขึ้นรถ ยังขวางอยู่ด้วย ตอนนี้กลับรู้ว่าต้องขึ้นรถแล้ว
อู๋หยุนเห็นแบบนี้ร้อนใจดึงหลิวเสี่ยวอิงหนึ่งที “เสี่ยวอิง อึ้งอยู่ทำไมล่ะ? รีบเปิดประตูไง!”
หลิวเสี่ยวอิงยิ้มเย็นชาพูดว่า “เขาไม่ใช่จะพูดคุยให้ชัดเจนแล้วค่อยขึ้นรถหรือ?”
“นี่ล้วนเป็นเหตุการณ์แบบไหนเหรอ ยังพูดสิ่งเหล่านี้ทำไมล่ะ? แกรีบเปิดประตูล่ะ!” อู๋หยุนร้อนใจอย่างมาก
หลิวเสี่ยวอิงเห็นลักษณะท่าทีที่ร้อนใจของอู๋หยุนก็ใจร้ายไม่ลงเช่นกัน ได้เพียงแต่ใบหน้าเย็นชาเปิดประตูรถออก ให้พานปู้ถิงขึ้นรถเลย
หลังจากพอพานปู้ถิงขึ้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ จ้องมองคนกลุ่มนั้นที่พุ่งเข้ามาสีหน้าล้วนตกใจจนซีดแล้ว ทั้งตัวยังสั่นระริกเล็กน้อยอยู่เบาๆ “นี่……นี่เป็นสภาพการณ์อะไรหรือ?”
ในตอนนี้แสดงให้เห็นว่ากลัวมาก หลังจากถึงที่นั่งแถวข้างหลังแม้แต่ตัวยังงออยู่ กลัวมีคนมองเห็นเขา อีกทั้งยังพูดกับหลิวเสี่ยวอิงและอู๋หยุนว่า “พวกคุณก็หมอบลงเช่นกัน อย่าให้พวกเขาพบเห็นเลย”
หลิวเสี่ยวอิงจ้องมองเขาหนึ่งทีรังเกียจพูดว่า “แม่ ท่านดูลักษณะเขาสิ ยังรู้สึกว่าเขาไม่เลวหรือ?”
อู๋หยุนกลับไม่สนใจมากขนาดนั้น เพียงแค่ตื่นเต้นถามว่า “เสี่ยวอิง นี่เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”
ในเวลานี้ไป๋ยี่เฟยล้วนเห็นพวกเขาขึ้นรถแล้ว ก็เลยใช้กุญแจล็อกประตูรถไว้จากนั้นเคาะหน้าต่างรถเคาะแล้วเคาะอีก พูดกับหลิวเสี่ยวอิงว่า “ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ล้วนอย่าออกมา”
อู๋หยุนได้ยินคำพูดนี้ตื่นตะลึงจ้องมองเขา “คุณไม่ขึ้นรถหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยอมยิ้มอยู่ส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก จากนั้นหมุนตัวเดินเข้าไปยังคนที่พุ่งเข้ามากลุ่มนั้น
ตอนพลังความสามารถของคนคนหนึ่งบรรลุถึงขั้นใดขั้นหนึ่งอย่างแน่นอน พวกเขาสามารถรับรู้สัมผัสถึงอันตรายได้
ในเวลาแรกไป๋ยี่เฟยรู้สึกถึงคนเหล่านี้ แต่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ คนเหล่านี้ไม่ใช่คนของหนานเหมินเลย
ในเวลาเดียวกันไม่ยอมรับก็ไม่ได้ กลไกโอกาสที่พวกเขามาครั้งนี้กลับดีมาก ตั้งใจคัดเลือกสถานที่แห่งหนึ่งที่พวกเขาคิดว่าปลอดภัยมาล้อมฆ่าไป๋ยี่เฟย
อู๋หยุนมองผ่านหน้าต่างรถไป พบเห็นไป๋ยี่เฟยเดินไปยังคนกลุ่มนั้น หวาดกลัวถามหลิวเสี่ยวอิง “เขาทำไมไม่ขึ้นรถล่ะ? เขาทำอะไรอยู่หรือ? ขึ้นรถแล้วขับรถหนีออกไปโดยตรงไม่ดีกว่าหรือ?”
“หนีไปหรือ?” หลิวเสี่ยวอิงอึ้งชะงักไปหนึ่งที จากนั้นยิ้มพูดว่า “อยู่ในสายตาเขา จะไม่มีคำว่าหนีคำนี้”
เข้มงวดมากล่าวแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็เคยหนีมาก่อนเช่นกัน แต่นั่นเพราะว่าเขาไม่มีมีเรื่องที่ต้องกังวล
แต่ตอนที่ข้างหลังไป๋ยี่เฟยมีคนที่ต้องการให้เขาปกป้อง เขาจะไม่ถอยหลังสักก้าวอย่างแน่นอน
หลิวเสี่ยวอิงพูดกับอู๋หยุนว่า “นี่จึงได้เป็นลูกผู้ชายอย่างแท้จริง!”
อู๋หยุนจ้องมองพานปู้ถิงหนึ่งที ดูเหมือนรู้สึกว่าสิ่งที่หลิวเสี่ยวอิงพูดมีเหตุมีผลเล็กน้อย
แต่ว่าพานปู้ถิงไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าตนด้อยกว่า อีกทั้งยังตอบโต้พูดว่า “เขานี่เรียกว่าลูกผู้ชายอะไรล่ะ? นี่คือความโง่เขลา ไปหาความตาย รู้ไหม?”
หลิวเสี่ยวอิงได้ยินคำพูดนี้ ยิ้มเย็นชาพูดว่า “คุณไม่ใช่บอกว่าเรื่องเมื่อกี้เหล่านั้นล้วนเป็นเท็จหรือ? ล้วนเป็นการถ่ายหนังจึงจะมีหรือ?”
“งั้นต่อจากนี้ไปคุณก็ดูให้ดีๆ ตกลงว่าจริงหรือไม่”
ได้ยินคำพูดนี้ โดยจิตใต้สำนึกพานปู้ถิงกับอู๋หยุนล้วนจ้องมองไปยังนอกหน้าต่าง
นอกรถบรรทุก คนนับไม่ถ้วนถือเอาท่อนไม้ง้าวพุ่งไปยังไป๋ยี่เฟย และไป๋ยี่เฟยเพียงแค่ตัวคนเดียว
ภาพอย่างนี้ดูแล้วทำให้คนสะเทือนใจ
ก็เหมือนดั่งการสู้รบแต่โบราณ คนเดียวเผชิญหน้ากับกองกำลังเป็นหมื่นๆพันๆ
แต่ตอนที่คนมากมายขนาดนั้นพุ่งไปยังไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยเคลื่อนไปมาอยู่ในคนเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว
“ปั้ง!”
“อ่า!”
“ตูม!”
“อ่า!”
“พู่!”
เสียงชนต่างๆนานากับเสียงร้องทรมานผสมผสานอยู่ด้วยกัน
ไป๋ยี่เฟยหมัดหนึ่งออกไปชกจนคนลอยไปโดยตรง จากนั้นกำหมัดชกไปอีกหนึ่งที หลายคนก็ลอยตามออกไปด้วย ทุบล้มเป็นแถวอีกครั้ง
เพียงแต่เป็นคนที่ใกล้กับไป๋ยี่เฟย ถ้าไม่ก็ลอยออกไป ถ้าไม่ก็ล้มลงกับพื้นโดยตรง
ฉากนี้ทำให้อู๋หยุนกับพานปู้ถิงที่อยู่ในรถบรรทุกอึ้งตลึงตาค้างกับที่
พวกเขาล้วนไม่เชื่อว่าอยู่ในความเป็นจริงมีคนอย่างคนคนหนึ่งสามารถชกตีกับคนกลุ่มหนึ่งแบบนั้น
แต่ว่าทั้งหมดนี้ในตอนนี้ ล้วนปรากฏให้เห็นอยู่ต่อหน้าพวกเขาว่าเป็นจริง
แต่หลิวเสี่ยวอิงชัดเจนกับพลังความสามารถของไป๋ยี่เฟยอยู่แล้ว สาเหตุที่ให้พวกเขารีบขึ้นรถ ล้วนไม่อยากให้พวกเขารับผลกระทบจากคนเหล่านี้
และก็อยู่ในเวลานี้ พานปู้ถิงก็รู้สึกถึงยั้งสติไม่อยู่เสียกริยาของตนเองแล้ว ยังรู้สึกถึงว่าตนเองด้อยกว่าคนขับรถ รีบพูดกับอู๋หยุนว่า “คุณน้า ท่านก็เห็นว่าไอ้หนุ่มคนนี้ชกตีเก่งขนาดนี้ ถ้าหากเสี่ยวอิงอยู่กับเขาด้วยกัน ยากจะรับรองว่าไม่ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว”
“ดังนั้น จงอย่าให้เสี่ยวอิงอยู่กับเขาด้วยกันอย่างเด็ดขาด!”
อู๋หยุนได้ยินคำพูดนี้มีปฏิกิริยาขึ้นมา รีบพยักหน้าพูดว่า “คุณพูดถูกแล้ว”
จากนั้นพูดกับหลิวเสี่ยวอิงอีกว่า “เสี่ยวอิงเอย คนที่ชกตีเก่งขนาดนี้ วันหลังไม่แน่ว่าจะกระทำความรุนแรงในครอบครัวจริงๆ หนึ่งฝ่ามือนี้ของเขาตบลงไป เกรงว่าชีวิตแกล้วนจะหาไม่”
“พูดได้อีกว่า ยุคที่สันติสุขในตอนนี้ เงินจึงจะสำคัญที่สุด”
หลิวเสี่ยวอิงได้ยินคำพูดนี้ อดไม่ได้ที่จะตอบโต้พูดว่า “ใครบอกว่าเขาจะกระทำความรุนแรงในครอบครัวล่ะ? เขารักทะนุถนอมฉันล้วนจะไม่ทันแล้วล่ะ?”
“ยิ่งกว่านั้นอีก เป็นใครบอกว่าเขาไม่มีเงินอีกล่ะ?”
พานปู้ถิงพูดทันทีว่า “เขาเป็นคนขับรถคนหนึ่งมีเงินได้อะไรล่ะ?”
หลิวเสี่ยวอิงกำลังจะเอ่ยปาก กลับมองเห็นว่าในฝูงชนมีคนคนหนึ่งอยู่ดีๆกระโดดลอยขึ้นมา ยกง้าวในมือขึ้นมาฟันไปยังไป๋ยี่เฟย เธอตื่นเต้นขึ้นมาทันที
อู๋หยุนกับพานปู้ถิงก็มองเห็นฉากนี้เช่นกัน ก็ตื่นเต้นตามขึ้นมาเช่นกัน
คนคนนั้นกระโดดขึ้นสูงสองเมตรกว่าโดยตรง ลอยข้ามศีรษะของคนเหล่านั้นไป สะบัดง้าวในมือเขาออก
ไป๋ยี่เฟยได้ยินเสียงลมแรง ทันใดนั้นในใจตื่นตะลึง “ยอดฝีมือระดับที่หนึ่ง!”
ไป๋ยี่เฟยไม่ทันที่จะหมุนตัวแล้ว ก็เลยอาศัยคนคนหนึ่งที่พุ่งขึ้นมาไปยังข้างหน้ากระโดดออกไปสี่ห้าเมตร ยังจัดการคนคนหนึ่งที่พุ่งขึ้นมาไปด้วย หลังจากลงพื้นจึงหมุนตัว
เพราะว่าอยู่ในไม่กี่นาทีไป๋ยี่เฟยทำให้คนกลุ่มหนึ่งล้มลงไป คนที่เหลือล้วนไม่กล้าขึ้นมาอีก ได้เพียงแต่ล้อมรอบเขาไว้
แต่ผู้ชายที่ถือง้าวคนนั้นหลังจากฟันโดนอากาศแล้ว ลงมาอยู่ที่พื้น ใช้ง้าวที่อยู่ในมือชี้ไปยังไป๋ยี่เฟย
และหลังจากไป๋ยี่เฟยมองเห็นชัดว่าเขาเป็นใครประหลาดใจอย่างมาก
“หงจุน!”
นอกจากสถานะของเขา ยิ่งเพราะว่าพลังความสามารถของหงจุนในตอนนี้ทำให้ไป๋ยี่เฟยประหลาดใจ
มือเมื่อกี้ของหงจุนนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นพลังความสามารถระดับที่หนึ่งชั้นต่ำ แต่เขาจำได้ว่าหงจุนในตอนนั้นเพียงแค่พลังความสามารถระดับที่สองชั้นกลางเท่านั้น
หงจุนสวมใส่เสื้อดำทั้งตัว สีผิวดูเหมือนดำกว่าแต่ก่อนเล็กน้อย แม้แต่แขนของเขาล้วนใหญ่ขึ้นเยอะมาก เขาพูดเสียงเย็นชาว่า “คนของคุณในเวลานี้ไม่ได้อยู่ข้างกายคุณเลย”
“ถึงแม้ว่าในตอนนี้พวกเขารู้แล้ว รีบเร่งเข้ามาก็ต้องใช้เวลายี่สิบนาที และยี่สิบนาที เพียงพอที่จะให้ผมฆ่าคุณแล้ว”
ใบหน้าไป๋ยี่เฟยไร้สีหน้าจ้องมองเขาพูดว่า “เริ่มแรกผมคิดว่าเป็นคนของหนานเหมิน ผมยังรู้สึกระแวงสงสัย ทำไมฝั่งนี้ผมล้วนไม่มีข่าวสักนิด?”
“แต่ตอนนี้ดูแล้ว ผมคิดมากไป พวกคุณตระกูลหงอยู่ในเขตที่สี่วางแผนจัดการบริหารหลายปีมากขนาดนี้ จะขุดรากถอนโคนโดยสิ้นเชิง คิดว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่ใช้เวลาสั้นๆเช่นกัน คุณได้เพียงแต่สามารถทำให้คนเหล่านี้แอบเข้ามาอย่างอลังการได้แล้ว”
หงจุนจ้องมองเขาหนึ่งทีพูดว่า “ถ่วงเวลาไม่มีประโยชน์นะ”
ไป๋ยี่เฟยกลับสงบมากพูดว่า “ผมไม่ได้ถ่วงเวลา คุณลงมือได้ทุกเวลา”
“ผมก็เพียงแค่มีความอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย อยู่ในเวลาสั้นๆไม่กี่เดือนคุณจากระดับที่สองชั้นกลางถึงขบวนของยอดฝีมือระดับที่หนึ่งได้ยังไงหรือ?”
สายตาหงจุนเย็นชาจ้องมองไป๋ยี่เฟย ดูเหมือนเขาไม่อยากพูดมากเลย แต่ยกง้าวขึ้นมาโดยตรงฟันไปยังไป๋ยี่เฟยอีกครั้ง
“เพราะว่าผมจะแก้แค้น!”
เสียงร้องตะโกนนี้ ตามด้วยง้าวที่ฟันมาของหงจุน
แต่ไป๋ยี่เฟยสีหน้ากลับเย็นชาเหมือนเดิม อีกทั้งแม้แต่หลบก็ไม่ได้หลบ เพียงแค่สะบัดมือเบาๆหนึ่งทีไปกลางอากาศ ง้าวของหงจุนก็เพี้ยนทิศทางไปแล้ว
ในใจหงจุนตื่นตะลึงทันที สีหน้าก็เปลี่ยนตามไปด้วย จับมีดไว้ดึงกลับทันที
กลับอยู่ในเวลานี้ ไป๋ยี่เฟยยื่นนิ้วออกไปนิ้วหนึ่งเตะลงบนตัวมีด
“หึ่ง!”
ตัวมีดส่งเสียงหึ่งออกมาพักหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน ทั้งตัวหงจุนนำมีดถอยออกไปหลายก้าว