ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 938
ไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่ข้างกายตาแก่ หยิบปลาขึ้นมาอีกไม้หนึ่งปิ้งย่างอยู่บนไฟ
อยู่ในด้านฝีมือการทำอาหารนี้เขามีพรสวรรค์จริงๆ แม้เพียงแค่ย่างปลา ก็สามารถทำให้ได้รับความร้อนเสมอกัน ผ่านไปไม่นานก็กรอบเหลืองแล้ว
ตาแก่เห็นแล้วล้วนอดไม่ไหวที่จะชมเชย “ฝีมือของคุณนี้ช่างดีจริงๆนะ”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มแล้วยิ้มอีก จากนั้นถามว่า “ตาแก่ ท่านระเหเร่ร่อนทั่วทุกหัวระแหงอย่างนี้ ก็ไม่ดี ถ้าหากเกิดเหตุสุดวิสัยอะไรขึ้นมาล้วนไม่มีคนรู้”
ตาแก่ยิ้มพูดว่า “ผมไม่มีลูกชายลูกสาว เป็นคนโดดเดี่ยวคนหนึ่งก็ไม่มีความกังวลอะไร ตัวผมเองก็ชอบเดินเล่นไปทั่ว รอถึงวันไหนเดินไม่ไหวแล้ว ตายอยู่ที่ไหนก็อยู่ที่นั่นเถอะ”
ไป๋ยี่เฟยย่างปลาไม้หนึ่งเสร็จแล้ว ส่งให้ตาแก่พูดว่า “บนเกาะนี้มีหนอน คุณตายแล้ว ก็ไม่กลัวถูกพวกมันล่วงเกินแล้วหรือ?”
“ตายก็ตายแล้ว ที่ไหนจะรู้ว่ามีสิ่งเหล่านี้ล่ะ?” ตาแก่พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ว่าอย่างไรผมก็ไม่มีความรู้สึกแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าตาแก่พูดมีเหตุผล แต่อาจจะได้รับผลกระทบจากประเพณีความเคยชินรอบตัวมาบ้างเล็กน้อยโดยตลอด ทำให้เขายังคงรู้สึกว่าคนตายแล้วก็ควรกลับคืนสู่ผงธุลี แต่ไม่ใช่ถูกล่วงเกินตามสบายอย่างนี้
“ตาแก่ผมจะบอกเส้นทางหนึ่งให้กับท่าน ท่านเดินตามทางนี้ไปยังตะวันออกเรื่อยๆ หลังจากเดินผ่านภูเขาสองลูกก็สามารถเห็นเมืองแล้ว” ไป๋ยี่เฟยยิ้มพูดอยู่ “แต่ก่อนที่นั่นเรียกว่าเขตที่สาม แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว เรียกว่าเมืองกวงหมิง”
“ที่นั่นทำการสร้างใหม่ มีโรงพยาบาล ยังมีสถานสงเคราะห์คนชรา ท่านสามารถไปดูได้”
ตาแก่ได้ยินคำพูดนี้ส่ายหัวต่อๆกันพูดว่า “ไม่แล้ว ผมไม่มีทองคำ”
“ไม่ต้องใช้ทองคำ” ไป๋ยี่เฟยตอบกลับอย่างจริงจังมาก
ทั้งสองคนพูดคุยกันตามสบาย ไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็กินปลาทั้งหมดจนหมดแล้ว
ตาแก่ถามไป๋ยี่เฟยว่า “กินอิ่มแล้วหรือยัง?”
“อิ่มแล้ว” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าต่อๆกัน
ตาแก่ยิ้มทันทีเลย “กินอิ่มแล้วก็พอ อย่างนี้จึงมีแรงทำงาน”
“ทำงานอะไรหรือ?” ไป๋ยี่เฟยแปลกใจอย่างมาก
ตาแก่ลุกขึ้นมา หยิบกระเป๋าเป้สีดำของตนเองขึ้นมา เดินไปยังที่ลึกๆทีละก้าวๆ
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองภาพด้านหลังที่หลังค่อมของเขา ขมวดคิ้วขึ้นมานิดๆ
ไม่ว่ามองจากตรงไหน ตาแก่คนนี้ก็เพียงแค่ตาแก่ธรรมดาคนหนึ่ง เขาไม่ได้รู้สึกถึงพลังอ้านจิ้ง ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความอาฆาตเช่นกัน แต่เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
เพราะว่าก่อนหน้านั้นตอนที่เขาอยู่ข้างลำธาร ไม่ได้รู้สึกการคงอยู่ของเขาเลย
……
ในเวลานี้ยามนี้ อยู่บนยอดเขาบางแห่งของภูเขาบางลูก
ซินชิวกำลังนั่งอยู่ในบ้านไม้น้อย เขาก้มหัวอยู่ ขยับไหมพรมที่อยู่ในมือไปมาอย่างจริงจังมาก
อยู่ข้างเขามีโต๊ะไม้ตัวหนึ่งวางอยู่ บนโต๊ะไม้มีกาน้ำชาอันหนึ่งกับแก้วน้ำชาสามใบ
อยู่ดีๆ การกระทำในการถักเสื้อไหมพรมของเขาหยุดลง จากนั้นเงยหน้าจ้องมองข้างหน้าพูดว่า “มาแล้วก็รีบเข้ามาเถอะ ไม่งั้นน้ำชาล้วนจะเย็นแล้ว”
หลังจากพูดจบ เขาก็เลยยัดเสื้อไหมพรมที่ถักยังไม่เสร็จไว้ข้างหลังตนเอง
ต่อจากนี้บนยอดเขาปรากฏคนสองคนออกมาอีก พวกเขากำลังเดินมายังซินชิวทีละก้าวๆ
และสำหรับการมาถึงของพวกเขา ซินชิวไม่แปลกใจสักนิดสีหน้าสงบมาก อีกทั้งยังยกกาน้ำชาขึ้นมาเทจนเต็มแก้ว
ทั้งสองคนที่มายืนเคียงข้างกัน โค้งตัวนิดๆพูดว่า “ลูกศิษย์มาพบอาจารย์”
และทั้งสองคนคือเหลียงหมิงเยว่กับจีไซนั่นเอง
ซินชิวเพียงแค่อมยิ้มหนึ่งทีพูดว่า “นั่งลงดื่มน้ำชาเถอะ”
เกรงว่าไม่กี่คนที่จะรู้ว่าเหลียงหมิงเยว่กับจีไซถึงขนาดเป็นลูกศิษย์ของซินชิวเช่นกัน
ซินชิวจ้องมองจีไซถามว่า “คุณเป็นลูกศิษย์รุ่นที่สองของผมใช่ไหม?”
จีไซดูแล้วเยาว์วัยมาก ลักษณะท่าทีดั่งอายุสามสิบปี คิ้วถือว่าไม่ดำมากเป็นสีข้าวสาลี เขาพยักหน้าต่อๆกันพูดว่า “ใช่ครับ”
จากนั้นซินชิวมองไปยังเหลียงหมิงเยว่อีก “หมิงเยว่เป็นรุ่นที่สามใช่ไหม?”
เหลียงหมิงเยว่พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกเช่นกัน “ใช่”
ซินชิวก็เลยถามว่า “เริ่มตั้งแต่คุณแกล้งตาย คุณก็คาดเดาว่าไป๋หยุนเผิงจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับตนเอง และจุดประสงค์ที่แท้จริงของคุณคือทำให้เต้าจ่างกลายเป็นประธานสหพันธ์ธุรกิจ”
“ตอนนั้นเต้าจ่างเชิญให้ผมช่วยกำจัดนักโทษที่หลบหนีในหลันเต่า คุณก็คาดเดาได้แล้วว่าผมจะส่งฉีฉีเข้าไป”
“ในเวลาเดียวกันคุณก็ให้เต้าจ่างกดดันไป๋ยี่เฟยอีก เกือบฆ่าเขาไปเลย ทั้งบอกเรื่องนี้ให้กับจื่ออีอีก จื่ออีมาหาผม ผมไม่มีทางอื่น ได้เพียงแต่ให้ฉีฉีปกป้องไป๋ยี่เฟยเป็นเวลาชั่วคราว”
“ดังนั้นผลลัพธ์สุดท้ายก็คือไป๋ยี่เฟยตามฉีฉีไปที่หลันเต่าด้วย เรื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นอยู่บนหลันเต่าล้วนเป็นคุณหลอกล่อทีละก้าวๆ แม้แต่พบเห็นตำแหน่งของคลังเก็บทองที่สาม คุณก็แอบวางแผนดีๆแล้วเช่นกัน”
“ไป๋ยี่เฟยรู้ความลับของคลังเก็บทองที่สามแล้ว และคุณวางแผนคนคนหนึ่งให้กับเขา ก็คือจะทำให้เขาช่วยคุณคุ้มครองคลังเก็บทองที่สามเป็นการชั่วคราว เพราะว่าคุณเข้าใจอุปนิสัยของไป๋ยี่เฟยอย่างถ่องแท้แล้ว รู้ว่าเขาจะไม่เคลื่อนไหวไปทั่ว”
“ในเวลาเดียวกันคุณใช้ส่วนนี้ วางหมากใหญ่ไว้อย่างหนึ่ง ทำให้คนที่มีใจอยากจะได้คลังเก็บทองเหล่านั้นล้วนค่อยๆปรากฏตัว แต่ว่าเรื่องเหล่านี้ ล้วนต้องมีเงื่อนไขเบื้องต้นอย่างหนึ่ง”
“นั่นก็คือไป๋ยี่เฟยจะต้องมีพลังความสามารถจึงจะทำได้ เพราะว่าคุณฝังหมากรุกไว้แล้วตั้งแต่สิบปีก่อน ก็เหมือนดั่งหลิ่วจาวเฟิงกับเมิ่งฉิง ตอนนี้ดูแล้วเต้าจ่างก็ใช่เช่นกัน”
“แต่ว่าผมยังมีเรื่องหนึ่งไม่เข้าใจ”
“สิบปีก่อนตอนที่คุณจัดวางสิ่งเหล่านี้ พวกเรายังไม่ได้กำหนดให้ไป๋ยี่เฟยเป็นหนึ่งในผู้ถูกคัดเลือกของคลังเก็บทองที่หนึ่ง ดังนั้นทำไมคุณจะเลือกเขาล่ะ?”
“อีกทั้งทั้งๆที่คุณสามารถรอให้หลังจากไป๋ยี่เฟยรับช่วงคลังเก็บทองที่หนึ่งค่อยมีการเคลื่อนไหวอีก อย่างนั้นล่ะก็ คุณทั้งปลอดภัยทั้งสามารถได้รับคลังเก็บทองที่หนึ่ง”
สำหรับคำพูดของซินชิว เหลียงหมิงเยว่ล้วนไม่แปลกใจเลยสักนิด เขาเย็นชาดื่มน้ำชาคำหนึ่งจึงเอ่ยปากพูดว่า “ในช่วงรอยต่อนี้ยังมีเหตุสุดวิสัยเล็กน้อย”
“เดิมทีผมคิดว่าคนที่เหลือไว้ให้ไป๋ยี่เฟยเป็นนักฆ่าเทพคนหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงนักฆ่าเทพนี้ถึงขนาดความจำเสื่อมแล้ว”
“ทำไมจะเลือกเขา…….” เหลียงหมิงเยว่หลังจากหยุดชะงักสักพักพูดว่า “เหตุผลน่าจะเหมือนกับอาจารย์”
“อีกส่วนหนึ่งก็คือ ผมสามารถรออีกได้จริงๆ อย่างนั้นล่ะก็อะไรล้วนง่ายมาก แต่ผมรอไม่ไหวแล้ว”
ฟังจบคำตอบของเหลียงหมิงเยว่ ซินชิวพยักหน้าต่อๆกัน ไม่ได้พูดอะไร แต่หันหน้าไปถามจีไซ “ในบ้านเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“ลูกชายคนสุดท้องเพิ่งเสียชีวิตไป” จีไซถอนหายใจหนึ่งที
“ระงับความเศร้าโศก” ซินชิวเย็นชาพูด
จีไซพูดอีกว่า “ไป๋ยี่เฟยเป็นคนฆ่า”
ต่อสิ่งนี้ซินชิวกลับมีความแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นถอนหายใจหนึ่งทีพูดว่า “ไป๋ยี่เฟยเติบโตเร็วมากเกินไป”
เร็วจนเกินความคาดคิดของคนทั้งหลาย
ซินชิวถามอีก “งั้นพวกเขารู้ว่าแท้ที่จริงคุณล้วนเป็นผู้ให้กำเนิดไหม?”
จีไซส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีกพูดว่า “พวกเขาคิดว่าต่างแม่พ่อเดียวกัน”
ซินชิวพูดอีกว่า “งั้นพวกเขาเพื่อตำแหน่งของคุณฆ่ากันเองไหม?”
“ผู้ที่เข้มแข็งย่อมอยู่รอด ผู้ที่ด้อยกว่าถูกคัดออก นี่ก็เป็นกฎเกณฑ์ของหนานเหมิน” จีไซตอบกลับอย่างเย็นชา
ทั้งสามคนเงียบไปพร้อมกัน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เหลียงหมิงเยว่ยิ้มถามว่า “อาจารย์ ท้องฟ้าจะมืดแล้ว”
ซินชิวได้ยินคำพูดนี้มองท้องฟ้ามองแล้วมองอีก เวลานี้เป็นเวลาเที่ยงตรง พระอาทิตย์กำลังแขวนสูงๆอยู่กลางอากาศ เขาหัวเราะขมๆเสียงหนึ่งพูดว่า “ใช่ใกล้จะมืดแล้ว”
จีไซก็จ้องมองซินชิวเช่นกัน ขอบตาแดงขึ้นเล็กน้อย “อาจารย์ ยังมีอะไรอยากจะพูดไหม?”
ซินชิวเงียบไปสักพักพูดว่า “หลายปีขนาดนี้ลูกศิษย์ที่ผมสอนยี่สิบสามสิบคน กลับมีแต่ฉีฉีกลับมาเยี่ยมผมบ่อยๆ”
น้ำเสียงของเหลียงหมิงเยว่เข้มลงเยอะมาก “ทุกคนล้วนยุ่งเกินไปแล้วมั้ง”
จีไซกลับพูดว่า “อาจารย์ ต่อจากนี้ทุกปีในวันนี้พวกเราล้วนจะมาเยี่ยมท่าน”
“ปั้ง!”
เสียงพูดของจีไซเพิ่งจบลง อยู่ดีๆเหลียงหมิงเยว่ลงมือ ฝ่ามือเขาหนึ่งทีตบลงบนโต๊ะน้ำชา ทันใดนั้นโต๊ะน้ำชาแตกออก
พลังอ้านจิ้งอย่างหนึ่งดั่งกระแสอากาศที่เป็นจริง ทันใดนั้นกระจายออกมา
ในเวลาเดียวกัน จีไซก็ใช้หมัดเดียวชกไปยังซินชิวเช่นกัน
……
หลันเต่าคลังเก็บทองที่สาม
ไป๋ยี่เฟยพบเห็นจื่ออี บอกจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่
จื่ออียิ้มแล้วยิ้มอีก ใช้สายตาที่ได้รับความโปรดปรานมากอย่างหนึ่งจ้องมองไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนี้ สั่นแล้วสั่นอีกพูดว่า “อาจารย์อย่าจ้องมองผมขนาดนี้ ผมกลัว”
จื่ออียิ้มอีกหนึ่งทีพูดว่า “รู้ว่าคุณมีใจ ฉันก็รู้จักพอมากแล้ว”