ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 953
ตอนที่อยู่หลันเต่า ทุกวันไป๋ยี่เฟยล้วนคิดถึงหลี่เสว่ อยากจะเจอเธออยากจนจะเป็นบ้า
แต่เรื่องราวอยู่หลันเต่ามากเกินไปแล้ว จำเป็นต้องให้เขาจัดการทีละเรื่องๆ จนกระทั่งเขาอยากจะคิดถึงภรรยาของตนเองล้วนไม่มีเวลามากเท่าไหร่
ตอนนี้ในที่สุดก็เห็นคนที่คิดถึงทุกเวลา คนก็อยู่ต่อหน้าตนเอง ยิ่งคิดยิ่งอดไม่ไหว
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยไม่สนใจไยดีถอดเสื้อออกเลย บุกเข้าไปในห้องน้ำ
หลี่เสว่ตื่นตระหนกร้องเสียงหนึ่ง “อ่า คุณทำไมเข้ามาแล้วล่ะ?”
ผ่านไปไม่นาน ก็เลยส่งเสียงน้ำที่ ซ่าซ่า กับเสียงยั่วยวนออกมาเลย
……
จนถึงกลางคืน ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่สวมใส่เสื้อคลุมอาบน้ำบางๆนอนอยู่บนเตียง
และลูกของพวกเขาทั้งสองคนนอนอยู่ตรงกลางพวกเขา
เนื่องเพราะหลี่เสว่ผ่อนคลายแล้ว พูดชื่อที่ตนเองคิดไว้มานานแล้วออกมาโดยไม่รู้ตัว “คุณรู้สึกว่าไป๋หยู่ ไป๋หยุนเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“ดีมาก! ก็เอาอันนี้แหละ!”
ดังนั้นชื่อของลูกพวกเขาก็ตัดสินใจเป็นเช่นนี้แล้ว
ในใจไป๋ยี่เฟยไม่ได้ใส่ใจชื่อฮวงจุ้ยอะไรเลย อีกทั้งซินชิวก็บอกแล้วว่าชื่อเพียงแค่รหัสอย่างหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเขาก็ไม่ได้ตั้งใจโทรถามซาเฟยหยางเลย
พูดชื่อจบ อยู่ดีๆหลี่เสว่เอ่ยคำหนึ่งว่า “เสี่ยวอิง…..”
หลี่เสว่เพียงเรียกแค่ชื่ออย่างเดียว ไป๋ยี่เฟยก็เข้าใจความหมายของเธอแล้ว ดังนั้นเขาแย่งพูดไปก่อนก้าวหนึ่งว่า “ภรรยาจ๋า ทำไมล่ะ?”
“คุณรู้ไหม?” ไป๋ยี่เฟยทั้งรักสงสารทั้งตำหนิตนเองพูดว่า “คุณใจกว้างขนาดนี้ เพียงจะทำให้ผมยิ่งเพิ่มความรักสงสารและรู้สึกผิดมากขึ้น”
หลี่เสว่หดเข้าไปในอ้อมอกของไป๋ยี่เฟยหดแล้วหดอีก พูดเสียงเบาๆว่า “แต่ไม่ทำอย่างนั้น ก็จะทำยังไงได้อีกล่ะ?”
“ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ แต่ตามความจริงคุณทำร้ายเธอแล้วจริงๆ ทำให้เธออนาคตไม่สามารถมีสมรรถภาพทางเพศได้อีก ผู้หญิงคนหนึ่งไม่สามารถมีสมรรถภาพทางเพศ ทั้งชีวิตนี้ไม่ใช่พังไปแล้วหรือ?”
ทันใดนั้นไป๋ยี่เฟยพูดไม่ออก
นี่สำหรับหลิวเสี่ยวอิงมากล่าวแล้วเป็นการทำร้ายทั้งชีวิตจริงๆ ไม่ยุติธรรมสำหรับชีวิตของเธอ
หลี่เสว่ถอนหายใจอย่างจนใจหนึ่งทีพูดว่า “แท้ที่จริงคุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันกับเสี่ยวอิง พวกเราล้วนรู้ว่าคุณเป็นคนแบบไหน”
“สิ่งที่คุณจะต้องเป็นห่วงจริงๆ จะเผชิญหน้ากับพ่อแม่เสี่ยวอิงและการตำหนิของชาวโลกได้ยังไง ถึงยังไงเรื่องแบบนี้อยู่สังคม ปัจจุบันนี้จะไม่อนุญาตล่ะ”
นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้ไป๋ยี่เฟยก็คิดมาโดยตลอดเช่นกัน อีกทั้งหลิวเสี่ยวอิงไม่ยอมกลับมา ก็ไม่ใช่เนื่องเพราะเรื่องนี้ด้วยหรือ?
ไป๋ยี่เฟยจนใจกอดหลี่เสว่ไว้อย่างแน่น
……
มาถึงวันที่สอง เดิมทีไป๋ยี่เฟยอยากจะถามเรื่องราวบ้างเล็กน้อยกับซินชิว แต่ว่าหลังจากเจอกับคนก็มีความใจฝ่อเล็กน้อย ก็คิดว่าช้าหน่อยค่อยถาม
จากนั้นอีกเขาก็ไปคฤหาสน์ตระกูลไป๋ แม้ว่าเขาไม่อยากเจอไป๋เซี่ยวมาก แต่อยากจะรู้เรื่องของไป๋หยุนเผิง ไม่เจอกับเขาไม่ได้
แต่หลังจากที่เขามาถึงคฤหาสน์ตระกูลไป๋ ก็ประหลาดใจแล้ว
เพราะว่าไป๋หยุนเผิงกับอู๋กุ้ยเซียงกลับมาแล้ว แต่ไป๋เซี่ยวไม่อยู่
ไป๋หยุนเผิงใบหน้าขึงลับอยู่ยืนอยู่ข้างๆไม่ได้พูด ส่วนอู๋กุ้ยเซียงคือถามไถ่หนาวเย็นต่างๆนานากับไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยประทับใจมาก เขาจับมือของอู๋กุ้ยเซียงไว้พูดว่า “แม่ ผมไม่เป็นไร เพียงแค่พวกท่านนี้มีเรื่องอะไรกันแน่ล่ะ?”
แท้ที่จริงที่เมื่อวานไป๋เซี่ยวพูดเรื่องนี้กับไป๋ยี่เฟย ในใจเขาสงสัยงงงวยอยู่ ถึงยังไงเหมือนกิจธุระของหลันเต่าและสหพันธ์ธุรกิจกับการโต้เถียงผลประโยชน์ของตระกูลต่างๆเหล่านี้เข้มงวดมากล่าวแล้วคงยังเป็นกิจธุระของพื้นเมือง
ได้ยินคำพูดนี้ อู๋กุ้ยเซียงยิ้มอยู่ตอบกลับว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง แท้ที่จริงนะ ก็คือข้างบนรู้ว่ามีคนอยากใช้เราคุกคามแก ก็คุ้มครองพวกเราไว้เป็นเวลาชั่วคราว”
“ตอนนี้แกกลับมาแล้ว พวกเรานี่ก็ไม่ใช่กลับมาแล้วเช่นกันหรือ?”
หลังจากไป๋ยี่เฟยได้ยินแล้ว โล่งอกไปทีเล็กน้อย
แต่ว่าไป๋หยุนเผิงอยู่ดีๆกลับก่อการเคลื่อนไหวต่อต้าน ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่งพูดว่า “ลูกเนรคุณ!”
อยู่ดีๆ เสียงขนาดนี้ ทำให้ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักไปหนึ่งที
อู๋กุ้ยเซียงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที หันหน้าไปดุด่าเสียงดังว่า “ส่งเสียงเอะอะโวยวายมั่วซั่วอะไร เรื่องล้วนเกิดขึ้นแล้ว ว่าเขามีประโยชน์อะไรล่ะ?”
พอได้ยินคำนี้ ไป๋ยี่เฟยก็เข้าใจได้ทันที เป็นเนื่องเพราะว่าเรื่องที่เขาเผ่าบ้านเก่าตระกูลไป๋
ครั้งนี้ไป๋หยุนเผิงไม่ได้อ่อนลงมา ใบหน้ากลับขึงลับอยู่ว่าอู๋กุ้ยเซียง “คุณรู้หรือไม่ว่าเขาก่อเรื่องวุ่นวายรุนแรงมากขนาดไหน ถึงเวลานี้คุณยังปกป้องเขาอยู่ คุณจะปกป้องได้หรือ?”
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพ เผชิญหน้ากับไป๋หยุนเผิงสีหน้าเยือกเย็นพูดว่า “พ่อ ถึงแม้ว่าย้อนเวลากลับไป ผมก็จะทำเช่นนี้เช่นกัน!”
ไป๋หยุนเผิงโมโหชี้ที่ไป๋ยี่เฟยอยู่ “แก! แกลูกเนรคุณคนนี้ นั่นล้วนเป็นพวกปู่ของแกนะ!”
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างยังไงก็ได้ว่า “งั้นยังไงอีกล่ะ?”
ไป๋หยุนเผิงโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “งั้นทำยังไงอีกล่ะ? แกรู้ไหมว่าแกทำอะไรไปล่ะ? ก่อเรื่องวุ่นวายมากขนาดไหนล่ะ?”
พูดจบ สีหน้าไป๋ยี่เฟยก็เย็นชาลงเช่นกัน พูดว่า “งั้นท่านทำไมไม่ถามพวกเขาว่าทำอะไรไปแล้วล่ะ?”
ทันใดนั้นไป๋หยุนเผิงโมโหร้องตะโกนพูดว่า “งั้นแกก็ทำอย่างนั้นไม่ได้เช่นกัน พวกเขานะล้วนเป็นรุ่นอาวุโส!”
ไป๋ยี่เฟยสีหน้าไม่เปลี่ยน ตอบกลับอย่างเย็นชาว่า “ผมบอกแล้ว ย้อนเวลากลับไป ผมยังคงจะทำเช่นนั้น!”
“แก!”
ไป๋หยุนเผิงโดยจิตใต้สำนึกโมโหจนยกมือขึ้น อยากจะตบไป๋ยี่เฟย
และไป๋ยี่เฟยไม่หลบไม่หนี ก็จ้องมองเขาเช่นนี้
มือของไป๋หยุนเผิงหยุดอยู่กลางอากาศ สุดท้ายก็เก็บกลับมาอีก เขาหมุนตัวไป ชี้ไปข้างประตู โมโหพูดว่า “แกไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”
อู๋กุ้ยเซียงเห็นแบบนี้ดึงไป๋ยี่เฟยไว้ทันทีพูดว่า “พ่อแกกำลังโมโหอยู่ แกอย่าไปฟังเขา”
ไป๋ยี่เฟยกลับปล่อยมือของอู๋กุ้ยเซียงออกพูดว่า “ทำเหมือนผมไม่ได้โมโหอยู่เฉยๆ!” พูดจบก็เลยออกจากตระกูลไป๋
ไป๋ยี่เฟยโมโหมากจริงๆ เดิมทีเขาคิดจะมาช่วยพวกเขา ผลสุดท้ายกลับถูกคนวิจารณ์ ยังคุ้มครองไอ้แก่เหล่านั้นสุดขีด งั้นภรรยาของเขาที่ได้รับความไม่เป็นธรรมกับทำให้อับอายขายหน้าเหล่านั้นนับว่าอะไรล่ะ?
ทำไมให้ไอ้แก่เหล่านั้นรังแกภรรยาผม ภรรยาผมยังต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้ำใจล่ะ?
หลังจากเดินออกจากตระกูลไป๋ ไป๋ยี่เฟยคิดที่จะเรียกรถคันหนึ่งกลับ กลับอยู่ในเวลานี้อู๋กุ้ยเซียงวิ่งออกมาดึงเขาไว้ทันที เธอหอบอย่างรุนแรงพูดว่า “ยี่เฟย……คุยกัน……กับแม่สักหน่อยได้ไหม?”
อู๋กุ้ยเซียงไม่มีกังฟูติดตัว เธอวิ่งมาตลอดทางวิ่งจนหอบหายใจไม่ทัน ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพได้เพียงแต่หยุดลงเดินบนข้างถนนไปกับเธอ
สิ่งที่อู๋กุ้ยเซียงพูดคุยกับเขาเหล่านั้นก็เป็นเพียงว่าไป๋หยุนเผิงห่วงใยเขาขนาดไหน ดีต่อเขาขนาดไหนเท่านั้น
ไป๋ยี่เฟยก็รู้เช่นกัน แต่ว่า นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ระหว่างบิดากับลูกชายทำยังไงล้วนมีช่องเล็กน้อยล่ะ
เดินไปเดินมา อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยเห็นอู๋กุ้ยเซียงประคองเอวตัวเองไว้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ทันทีทันใดไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงัก เพิ่งรู้แจ้งกระจ่างในฉับพลันพบเห็นว่าอายุของมารดาตนเองก็มากแล้วเช่นกัน
ในใจไป๋ยี่เฟยเจ็บปวดทันที เป็นฝ่ายยื่นมือออกไปพยุงเธอไว้เอง
อู๋กุ้ยเซียงถูกการกระทำของไป๋ยี่เฟยที่เป็นฝ่ายกระทำแบบนี้จนอึ้งชะงักไปหนึ่งที จากนั้นขอบตาแดง และส่ายหัวต่อๆกันอีกพูดว่า “ไม่เป็นไร แม่ไม่เหนื่อย”
ไป๋ยี่เฟยต่อสิ่งนี้ กลับยิ่งเจ็บปวดใจและไม่สงบสุขมากขึ้น
อู๋กุ้ยเซียงก็อายุปูนนี้แล้ว ทั้งชีวิตมีแค่ลูกชายสองคน คนหนึ่งตั้งแต่เด็กก็ถูกทอดทิ้งแล้ว อีกคนหนึ่งอายุน้อยๆกลับถูกรถชนจนกลายเป็นอัมพาต เป็นมารดาคนหนึ่ง ตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีความรู้สึกเสพสุขที่ถูกกตัญญูมาก่อน
อีกทั้งพวกเขาอู๋กุ้ยเซียง จนถึงตอนนี้สิ่งที่คิดล้วนคือจะชดเชยให้เขา แต่ไม่ใช่ได้รับอะไรจากตัวเขา นี่ทำให้ไป๋ยี่เฟยมีสีหน้าแสดงถึงความประทับใจอย่างมาก
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองข้างๆหนึ่งที พบเห็นมีเก้าอี้ยาวตัวหนึ่ง ก็เลยพูดกับอู๋กุ้ยเซียงว่า “แม่ พวกเราไปนั่งอยู่ที่โน่นสักหน่อยเถอะ?”
อู๋กุ้ยเซียงพยักหน้าต่อๆกันพูดว่า “ได้”
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยพยุงอู๋กุ้ยเซียงนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวที่อยู่ข้างๆ
หลังจากนั่งลง ไป๋ยี่เฟยก็อธิบายกับอู๋กุ้ยเซียงว่า “แม่ ท่านก็รู้ ในตอนต้นเสว่เอ๋อเพื่อที่จะขอให้ไอ้แก่เหล่านั้นช่วยผมคุกเข่าจนล้มสลบไปอย่างฝืนๆ”
“ตอนที่ผมรู้ ผมก็คิดว่าจะต้องเผาบ้านเก่าตระกูลไป๋อะไรนั่นให้ได้อย่างแน่นอน!”
“อีกทั้งครั้งนี้ตอนที่ผมกลับมาหาเสว่เอ๋อ เห็นพวกเขารังแกทำให้เสว่เอ๋ออับอายขายหน้ากับตา”
“แม่ ท่านก็รู้ว่าเสว่เอ๋อเธอยังอยู่ในช่วงอยู่ไฟพักฟื้นสุขภาพหนึ่งเดือน ในเวลานี้พวกเขาถึงขนาดให้เธอทำงานหนักจับน้ำเย็น จนกระทั่งยังถุยน้ำลายใส่พื้น!”
“เดิมทีหลี่เสว่อยู่ในช่วงอยู่ไฟพักฟื้นสุขภาพหนึ่งเดือนน่าจะต้องบำรุงเป็นพิเศษ แต่ว่าผมเห็นเธอล้วนผอมลงไปมากทั้งตัว สีหน้าก็ทรุดโทรมเช่นกัน”
“นี่จะทำให้ผมอดทนได้ยังไงล่ะ? ผมอดทนไม่ได้เลยสักนิด!”
หลังจากไป๋ยี่เฟยพูดสิ่งเหล่านี้จบ อู๋กุ้ยเซียงก็มีความประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน “พวกเขาทำอย่างนี้จริงๆหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้านัยน์ตารินหลั่งความเย็นเยือกกับความแค้น “พวกเขาบอกกับผม พวกเขาคิดจะให้ผมหย่าร้างกับเสว่เอ๋อ แต่งงานกับผู้หญิงของตระกูลฉุง เฝ้าปรารถนาใช้สิ่งนี้มาเบาบางเรื่องที่ผมฆ่าฉุงโยวเวยนี้กับความสัมพันธ์ของตระกูลฉุง”