ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 954
“แม่ ผมทำอย่างนี้ไม่ได้ ยิ่งไม่ยินยอมที่จะทำเช่นนี้!”
ทันใดนั้นอู๋กุ้ยเซียงก็เงียบไปเลย ไป๋ยี่เฟยก็เงียบไปเช่นกัน
สายลมอ่อนๆพัดไปเบาๆ อู๋กุ้ยเซียงหัวเราะอย่างจนใจเสียงหนึ่งพูดว่า “ถ้าหากพ่อแกรู้สิ่งเหล่านี้ ย่อมจะเข้าใจแกอย่างแน่นอน”
ไป๋ยี่เฟยกลับยิ้มขมพูดว่า “สภาพการณ์อย่างเมื่อกี้นั้นถ้าหากผมพูดสิ่งเหล่านี้กับเขา เขาจะฟังหรือ?”
อู๋กุ้ยเซียงจนใจส่ายหัวว่า “พ่อลูกนะ ก็เป็นเช่นนี้ เอาแต่หน้าล้วนไม่ยอมพูดให้ชัดเจน สุดท้ายก็เอะอะโวยวายออกไปขนาดนี้ ไอ้!”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูด
อู๋กุ้ยเซียงยิ้มอยู่พูดอีกว่า “ยี่เฟย แท้ที่จริงนะ ไม่ว่าแกทำผิดอะไร พ่อแม่ล้วนยืนอยู่ข้างแกฝั่งนี้ เพราะว่าแกเป็นลูกชายของพวกเรานะ!”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักนิดๆ เขาสัมผัสถึงความอบอุ่นที่ถูกพ่อแม่คุ้มครองแบบนั้นแล้ว ความอบอุ่นที่มาช้ายี่สิบกว่าปี
อยู่ในความอบอุ่นแบบนี้ ความโมโหของไป๋ยี่เฟยล้วนหายไปแล้ว เขาพยักหน้าต่อๆกันพูดว่า “ผมรู้แล้ว”
แต่ว่าอู๋กุ้ยเซียงส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีกพูดว่า “แกไม่รู้หรอก”
“อ่า?” ไป๋ยี่เฟยสงสัยงงงวยจ้องมองอู๋กุ้ยเซียง
อู๋กุ้ยเซียงยิ้มอยู่พูดว่า “คำพูดเมื่อกี้นั้นเหมาะใช้ระหว่างพ่อกับลูก ก็เหมือนดั่งพ่อแกกับแก และเช่นดั่งพ่อแกกับคุณปู่แกอย่างนั้น”
“พ่อแกคือลูกชายของคุณปู่แก ตอนที่พวกเขาเยาว์วัย อาจจะพูดคำพูดเดียวกันกับพ่อแกเช่นกัน”
“พูดตามตรง ตอนที่คนแก่แล้วหลีกเลี่ยงไม่ได้จะมีความเลอะเลือนเล็กน้อย คิดว่าตนเองประสบเจอมาเยอะแล้ว ก็จะรู้สึกว่าการจัดวางของเขาเป็นการจัดวางที่ดีที่สุด”
“ไม่แน่ว่า รอถึงตอนที่ฉันกับพ่อแกแก่แล้ว ก็จะกลายเป็นเช่นนั้นด้วย”
“แต่ว่าแม่ไม่มีความหมายที่จะโทษแก บอกว่าแกทำผิดแล้วไม่ได้ เพียงได้แต่พูดว่าตอนที่แกทำเรื่องเหล่านี้วู่วามเกินไปแล้ว ในตอนนั้นแกอาจจะไม่ได้พิจารณาถึงพวกคุณปู่ของแกเหล่านั้นว่าเป็นบิดากับคุณลุงของพ่อแก”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดเหล่านี้ทันใดนั้นเงียบสนิท ในใจก็เริ่มสงสัยขึ้นมา
เขาคิดอยู่ เขาทำผิดจริงๆแล้วเชียวหรือ เพียงแค่เนื่องเพราะวู่วามชั่ววูบและทำผิดแล้วจริงๆหรือ?
ไป๋หยุนเผิงโมโหขนาดนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรพออย่างหนักๆได้เช่นกัน เพราะว่าเขาก็เคยเหมือนดั่งไป๋ยี่เฟยอย่างนั้น เป็นวัยรุ่นที่วู่วามคนหนึ่ง พวกรุ่นอาวุโสที่อยู่ในบ้านก็เคยพูดคำพูดที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจมาก่อน จนกระทั่งตอนที่ได้รับบาดเจ็บก็ได้รับความห่วงใยรักใคร่จากพวกรุ่นอาวุโสในบ้าน
อู๋กุ้ยเซียงหยุดชะงักแล้วหยุดชะงักอีกพูดอีกว่า “ยี่เฟย ฉันพูดสิ่งเหล่านี้กับแก ไม่ได้อยากจะพูดว่าใครถูกใครผิด หวังเพียงให้แกสามารถเข้าใจพ่อแกได้…….”
“ยังมีอีกล่ะ แขนหลุดออกจากข้อต่อแล้ว ตนเองซ่อนอยู่ในแขนเสื้อไม่ได้บอกกับใคร”
ไป๋ยี่เฟยเอาจริงเอาจังพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก เขาเข้าใจความหมายของอู๋กุ้ยเซียงแล้ว ก็เลยพูดว่า “แม่ ผมเข้าใจแล้ว ผมจะไปยอมรับผิดขอโทษกับพ่อเดี๋ยวนี้”
ทันใดนั้นอู๋กุ้ยเซียงก็ยิ้มแล้ว ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปพูดว่า “ยังไม่รีบพยุงฉันขึ้นมา!” ไป๋ยี่เฟยยิ้มอยู่พยุงอู๋กุ้ยเซียงขึ้นมาทันที
ถึงยังไงล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน จะมีผิดถูกอะไรที่ไหนล่ะ?
……
พวกเขากลับไปตระกูลไป๋ใหม่อีกครั้ง ไป๋หยุนเผิงกำลังนั่งอยู่บนโซฟาอ่านหนังสือพิมพ์ในห้องรับแขก
อู๋กุ้ยเซียงดูเหมือนอยากจะเอ่ยปากคลี่คลายบรรยากาศก่อนสักหน่อย ไป๋ยี่เฟยกลับส่ายหัวนิดๆกับเธอ
อู๋กุ้ยเซียงเข้าใจความหมายของเขาทันที ดังนั้นพยักหน้าต่อๆกัน พูดเสียงเบาๆว่า “งั้นฉันให้พ่อบ้านไปเตรียมอาหารสักอย่างก่อน อีกสักครู่พวกคุณดื่มกันให้ดีๆสักแก้ว ก็จะผ่านไปแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มอยู่พยักหน้าต่อๆกัน สายตาส่งอู๋กุ้ยเซียงออกจากห้องรับแขก นี่จึงเดินไปข้างหน้าไป๋หยุนเผิง
ไป๋หยุนเผิงกลับไม่ได้สนใจไป๋ยี่เฟย ก้มหัวอ่านหนังสือพิมพ์ของเขาอยู่
ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักยืนอยู่ที่นั่น ทันใดนั้นถึงขนาดไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากยังไง
สุดท้าย ไป๋ยี่เฟยอึ้งงงจ้องมองหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือไป๋หยุนเผิง “นั่นอะไร…..หนังสือพิมพ์นี้หยิบกลับหัวแล้วใช่หรือไม่?”
พอพูดคำพูดนี้ ไป๋ยี่เฟยกับไป๋หยุนเผิงล้วนอึดอัดขึ้นมา
ไป๋ยี่เฟยอึดอัดที่พบเห็นตนเองพูดผิดแล้ว ส่วนไป๋หยุนเผิงอึดอัดที่พบเห็นตนเองถึงขนาดหยิบหนังสือพิมพ์กลับหัว
ใบหน้าแก่ของไป๋หยุนเผิงแดงขึ้น อึดอัดอยู่อยากจะอธิบาย “ผมเพียงแค่อยากจะดูภาพ……”
แต่ว่านะ เพิ่งชี้ไปภาพนั้นก็พูดไม่ออกแล้ว กลับยิ่งเพิ่มความอึดอัดมากขึ้น
เพราะว่าภาพที่ไป๋หยุนเผิงชี้นั้นเป็นดาราหญิงคนหนึ่ง สวมใส่โชว์แขนโชว์ขา ตีลังกาดูกลับมีความสงสัยที่สับปลับแบบหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยเห็นไป๋หยุนเผิงเป็นเช่นนี้ ตนเองกลับไม่อึดอัดแล้ว แต่กลับกลายเป็นอยากจะหัวเราะ
แต่ตอนที่เขาเพิ่งอยากจะหัวเราอยู่ดีๆหยุดชะงักไป เพราะว่าเขาพบเห็นดาราคนนั้นที่เขารู้จักอยู่บนหนังสือพิมพ์
เป็นฟางหยันที่เคยพบเจอมาสองครั้งก่อนหน้านั้นนั่นเอง
และบนหนังสือพิมพ์เขียนหัวข้อที่สะดุดตาไว้ว่า “ฟางหยันดาราแนวหน้ากำลังจะแต่งเข้าตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพล”
ไป๋ยี่เฟยแย่งหนังสือพิมพ์มาโดยตรง ประหลาดใจพูดว่า “แต่งเข้าตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพลหรือ?”
ไป๋หยุนเผิงเห็นเขาสนใจกับเรื่องนี้ ก็เลยพูดไปคำหนึ่งว่า “ฉุงโยวหมิงเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉุงโยวเวย เป็นคุณชายของท่านฉุงรอง”
ฟางหยันถึงขนาดจะแต่งกับฉุงโยวหมิงหรือ?
แม้ว่าไม่ค่อยรู้จักฟางหยัน แต่ยังดูออกว่าเธอไม่ใช่เป็นคนที่เข้าหาผู้ที่มีอำนาจอิทธิพลคนหนึ่ง ทำไมจะแต่งกับฉุงโยวหมิงล่ะ?
อีกทั้งดูจากปัจจุบันนี้คนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับไป๋ยี่เฟยส่วนมากก็คือตระกูลฉุง ไป๋ยี่เฟยจำต้องจัดการกับตระกูลฉุง แต่เป็นเช่นนี้ล่ะก็ ฟางหยันก็จะรับผลกระทบไปด้วย
คราวนี้ไป๋หยุนเผิงกับไป๋ยี่เฟยดูเหมือนล้วนลืมเรื่องเมื่อกี้ไปแล้ว ถึงยังไงก็เป็นพ่อลูก ใครๆก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องถูกผิด
คราวนี้ไป๋หยุนเผิงสีหน้าสงบลงพูดว่า “อีกสักครู่ก็กินข้าวอยู่บ้าน หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วไปบ้านเก่ากับผมสักครั้ง”
“ไม่ไป” ไป๋ยี่เฟยกลับปฏิเสธแล้ว
ไป๋หยุนเผิงขมวดคิ้วนิดๆพูดว่า “เลิกงอนได้แล้ว!”
“ผมไม่ไป!”
……
แต่ว่าหลังจากกินข้าวเสร็จ ไป๋ยี่เฟยยังคงตามไป๋หยุนเผิงมาถึงบ้านเก่าตระกูลไป๋ เพียงแค่ไป๋ยี่เฟยไม่พอใจเต็มใบหน้า
ก่อนที่จะเข้าไป ไป๋หยุนเผิงยังกำชับไว้เป็นพิเศษว่า “หลังจากเข้าไปพยายามควบคุมตนเอง อย่าวู่วามพูดให้น้อย ให้ผมจัดการก็พอ”
แม้ว่าไป๋ยี่เฟยไม่พอใจเต็มใบหน้า แต่ในใจเขาล้วนเข้าใจ ไป๋หยุนเผิงยังคงคิดที่จะช่วงชิงสิทธิที่จะได้รับช่วงของตระกูลไป๋เพื่อเขาสักหน่อย
ตัวเขาเองไม่แคร์ในตำแหน่งของเจ้าบ้านตระกูลไป๋นี้ แต่เขาคิดว่าไป๋หยุนเผิงอาจจะอยากใช้วิธีอย่างนี้มาชดเชยให้ไป๋ยี่เฟยมั้ง เพียงเช่นนี้ไป๋หยุนเผิงจึงจะสบายใจได้บ้างเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่เหมาะที่จะเพราะว่าอารมณ์เสียชั่ววูบและทำให้ไป๋หยุนเผิงขายหน้า กลับทำให้ไป๋หยุนเผิงลำบากใจทั้งสองฝั่ง
หลังจากกดกริ่งผ่านไปไม่นานก็มีคนมาเปิดประตู
คนที่มาเปิดประตูเป็นชายชราคนหนึ่งเหมือนเดิม แต่ชายชราคนนี้ไป๋ยี่เฟยไม่เคยเจอมาก่อน
ไป๋หยุนเผิงเคารพนบนอบเรียกเขาว่า “น้าเขย”
ชายชราคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าสุภาพอ่อนโยนอย่างมาก บนกายก็ไม่มีพลังอ้านจิ้งเช่นกัน พูดได้ว่าเขาไม่ใช่นักต่อสู้
ชายชราคนนั้นอมยิ้มกับไป๋หยุนเผิงหนึ่งทีพูดว่า “หยุนเผิงมาแล้วหรือ!”
ไป๋หยุนเผิงพยักหน้านิดๆ จากนั้นดึงไป๋ยี่เฟยไว้พูดว่า “รีบทักทายสิ”
ไป๋ยี่เฟยหยุดชะงักแล้วหยุดชะงักอีก จากนั้นโค้งตัวนิดๆพูดคำหนึ่งว่า “คุณตาสวัสดีตอนเที่ยง”
คุณตายิ้มแล้วยิ้มอีกพูดว่า “ดี ล้วนเข้ามาเถอะ รีบเข้ามา”
ทันใดนั้นที่พวกเขาเดินเข้าไปก็ได้เห็นคฤหาสน์แถวแรกได้จ้างคนงานมาก่อสร้างแล้ว
ไป๋ยี่เฟยแอบคิดอยู่อย่างเงียบๆ ทำไมรู้สึกคล้ายดั่งไม่เคยเกิดอะไรขึ้น ถึงขนาดไม่มีคนเอ่ยถึงเรื่องนี้
ในเวลานี้ คุณตาชี้ไปยังถนนหินอีกเส้นหนึ่งพูดว่า “เดินทางนี้”
พวกเขาเดินตามถนนเล็กๆเส้นนี้มาถึงคฤหาสน์แถวที่สอง
คฤหาสน์แถวที่สองกับคฤหาสน์แถวที่หนึ่งล้วนต่างกันไม่มาก เพียงแค่หลังจากตอนที่เข้าไปไป๋ยี่เฟยจึงพบเห็นว่าการตกแต่งของคฤหาสน์แถวที่สองเห็นได้ชัดว่าโบราณกว่าเยอะ
อีกทั้งเขายังพบเห็นว่าที่นี่มีกลิ่นที่บางมากๆอย่างหนึ่ง หลังจากดมกลิ่นแล้วสามารถทำให้คนสงบจิตลงมาได้
คุณตาพาทั้งสองคนมาถึงนอกห้องห้องหนึ่ง เคาะประตูก่อนเคาะแล้วเคาะอีก ข้างในส่งเสียงที่ต่ำมาเสียงหนึ่ง “เข้ามา”
คุณตาหมุนตัวไปพูดกับไป๋หยุนเผิงและไป๋ยี่เฟยว่า “เข้าไปเถอะ ผมก็ไม่เข้าไปแล้ว”
ไป๋หยุนเผิงพยักหน้าต่อๆกัน โค้งตัวนิดๆพูดกับน้าเขยว่า “รบกวนน้าเขยแล้ว”
……
พอผลักประตูออกไป๋ยี่เฟยก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเลย นี่เป็นห้องที่ใหญ่มากห้องหนึ่ง เหมือนห้องประชุมเล็กน้อย ตรงกลางวางโต๊ะประชุมใหญ่มากตัวหนึ่ง ยังมีกระถางดอกไม้วางอยู่สองข้าง ดูแล้วทั้งโบราณทั้งเห็นได้ชัดว่ามีความฟุ่มเฟือยเล็กน้อย
และมีชายชรานั่งล้อมรอบอยู่ที่โต๊ะประชุม
คนเหล่านี้เป็นปู่หลายคนนั้นที่เคยถูกไป๋ยี่เฟยทำร้ายมาก่อน ยังมีชายวัยกลางคนที่ดูแล้วใกล้เคียงกับไป๋หยุนเผิงคนหนึ่ง เขาไม่รู้จัก
ไป๋หยุนเผิงทักทายล้อมรอบไปทีละคน “ลุงรอง อาสาม พ่อ น้าชายสาม อาห้า……”