ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 955
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่ที่นั่นสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแค่ได้ยินตอนที่ไป๋หยุนเผิงเรียกพ่อ สีหน้าจึงมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
ที่ไป๋หยุนเผิงเรียกพ่อนั่น ก็คือปู่แท้ๆของไป๋ยี่เฟย!
ไป๋ยี่เฟยมองเห็นชายชราคนหนึ่งในนั้น ยิ้มจ้องมองไป๋ยี่เฟยโดยตลอด ไป๋ยี่เฟยสามารถรู้สึกถึงความรักใคร่ของเขา ดังนั้นก็โค้งตัวนิดๆโค้งแล้วโค้งอีกกับเขา
ไป๋ยี่เฟยสามารถรู้สึกถึงว่า ปู่แท้ๆของเขาคนนี้เพียงแค่เป็นยอดฝีมือระดับที่สองชั้นต่ำคนหนึ่งเท่านั้น
และชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าคนนั้น ไป๋ยี่เฟยกลับมองไม่ออกถึงพลังความสามารถแท้ๆของเขา
ต่อจากนี้ ไป๋หยุนเผิงโค้งตัวนิดๆกับคนที่เป็นหัวหน้าคนนั้นพูดว่า “ปู่รอง วันนี้ตั้งใจพาไป๋ยี่เฟยมาขอโทษกับรุ่นอาวุโสทุกท่าน”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินไป๋หยุนเผิงเรียกคนนั้นอย่างนี้ อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึงทันที นี่ก็ไม่ใช่ท่านทวดของเขาแล้วหรือ?
และปู่ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่งกับทั้งสองคนก็เลยหันหน้าไป แม้แต่มองพวกเขาสักทีก็ไม่
กลับเป็นท่านทวดคนนั้นที่ดูแล้วอ่อนโยนอย่างมาก เขายิ้มอยู่พูดว่า “ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ทะเลาะวิวาทเอะอะโวยวายกันเป็นปกติมาก พวกคุณก็อย่าเก็บไว้ในใจเลย”
ไป๋ยี่เฟยเห็นท่าทีท่านทวดอ่อนโยนขนาดนี้ แปลกใจอย่างมาก
ต่อจากนี้ท่านทวดพูดอีกว่า “แต่ว่าหยุนเผิงแกก็รู้เช่นกัน พวกคุณอาคุณลุงของแกล้วนเพื่อการพัฒนาขยายผลประโยชน์ของตระกูล เรื่องนี้นะ ได้เพียงแต่ให้ไป๋ยี่เฟยได้รับความไม่เป็นธรรมบ้างเล็กน้อยเท่านั้น ตัวเขาไม่มีความถูกผิดหรอก”
ไป๋หยุนเผิงพยักหน้าต่อๆกัน ขานรับ “ใช่”
อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆปู่ใหญ่เอ่ยปากพูดว่า “อารอง พวกเราล้วนเป็นคนของตระกูลไป๋ เพื่อการพัฒนาขยายของตระกูลไป๋ คนหนึ่งในนั้นได้รับความไม่เป็นธรรมเล็กน้อย นี่ไม่นับว่าเป็นอะไรเลยสักนิด”
“พูดได้อีกว่า ผู้ชายของพวกเราตระกูลไป๋รับความไม่เป็นธรรมเล็กน้อยก็รับไม่ได้เลยหรือ งั้นอนาคตจะนำพาตระกูลไป๋พัฒนาขยายไปข้างหน้าได้ยังไงล่ะ?”
คำพูดของเขาพูดจบ ก็มีรุ่นอาวุโสคนหนึ่งพูดว่า “อารอง ไป๋ยี่เฟยเขาไม่ยอมได้รับความไม่เป็นธรรมสักนิด นี่ไม่ใช่การแบกรับของผู้ชายตระกูลไป๋เราที่ควรมีเลยสักนิด ตามที่ผมเห็น มิสู้ตัดสิทธิ์ที่ได้รับช่วงเจ้าบ้านตระกูลไป๋ของไป๋ยี่เฟยโดยตรงเลยดีกว่า”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้สีหน้าขึงลับแล้วขึงลับอีก ไป๋หยุนเผิงดึงเขาไว้ทันที
ต่อจากนี้ปู่ใหญ่นั้นพูดอีกว่า “แต่ถ้าหากว่าเขาหย่าร้างกับหลี่เสว่แต่งงานกับตระกูลฉุง ยังคงสามารถพิจารณาให้เขารับช่วงกิจการของตระกูลไป๋ต่อ”
“ผมจำได้ว่าฉุงโยวหมิงของตระกูลฉุงอีกไม่นานก็จะแต่งงานแล้วเช่นกัน ถ้าหากเป็นไปได้ล่ะก็ ยังสามารถจัดงานแต่งพร้อมกันได้”
หลังจากท่านทวดฟังจบจ้องมองไปยังไป๋หยุนเผิง แฝงไว้ด้วยรอยยิ้มถามว่า “หยุนเผิง แกคิดว่ายังไงล่ะ?”
ไป๋หยุนเผิงก้มหัวนิดๆ ตอบกลับด้วยท่าทีเคารพนบนอบอย่างมากว่า “ปู่รอง เกรงว่าไป๋ยี่เฟยเขาจะไม่มีบุญวาสนาดีขนาดนี้”
สีหน้าของท่านทวดหยุดชะงักนิดๆ จากนั้นคืนสู่ลักษณะท่าทีที่เยือกเย็นอีก
ปู่ใหญ่ได้ยินคำพูดนี้กลับ ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่งพูดว่า “ไป๋หยุนเผิง แกต้องคิดให้ดีนะ ไม่รับปากล่ะก็ ไป๋ยี่เฟยก็จะรับช่วงกิจการของตระกูลไป๋ไม่ได้!”
พอคำพูดนี้ของเขาพูดออกมา นอกจากปู่แท้ๆของไป๋ยี่เฟย คนอื่นๆล้วนเกือบจะพยักหน้าแสดงให้เห็นว่าเห็นด้วย
ส่วนท่านทวดเห็นแบบนี้ยิ้มอยู่พูดว่า “วัยรุ่นมักจะให้ความสำคัญกับความรักความผูกพันมากกว่า ถ้าไม่งั้นเป็นอย่างนี้ซะ ก็ให้ผมไปคุยกับพวกรุ่นอาวุโสของตระกูลฉุงสักหน่อย”
“ด้วยสถานะที่เป็นทายาทของตระกูลไป๋ ให้เขาแต่งภรรยาเพิ่มอีกคนหนึ่ง ตระกูลฉุงฝั่งโน้นคิดว่าจะไม่พูดมากอะไรเช่นกัน”
พอเสียงคำพูดจบลง ทันใดนั้นไป๋ยี่เฟยนิ่งอึ้งไปเลย
นี่หมายความว่าอะไรกันแน่?
ปู่ใหญ่หัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “งั้นเขานี่ก็ได้เปรียบเกินไปแล้ว ยังสามารถได้รับภรรยาสองคนพร้อมกัน!”
“แต่ถ้าหากว่าเขาเห็นด้วยล่ะก็ ก็ไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่ฐานะเดิมของหลี่เสว่นั้นได้เพียงแต่ให้เธอเป็นเมียน้อย ต้องให้ลูกสาวของตระกูลฉุงเป็นเมียใหญ่!”
ทันใดนั้นไป๋ยี่เฟยเบิกตาโพลงทั้งคู่ “ผมไม่เห็นด้วย!”
“แกพูดอะไรนะ?” ปู่ใหญ่เบิกตาโพลงขี้นมาโมโหจ้องเขม็งไป๋ยี่เฟยอยู่
คนอื่นๆก็เบิกตาโพลงทั้งคู่ตามไปด้วย จ้องมองไป๋ยี่เฟย ก็แม้แต่ไป๋หยุนเผิงก็อึ้งชะงักไปหนึ่งที
สีหน้าของท่านทวดก็ไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
หลังจากปู่ใหญ่คืนสติกลับมา ตบโต๊ะลุกขึ้นทันที เอ่ยปากชี้ด่าไป๋ยี่เฟยว่า “ไป๋ยี่เฟย แกอย่าไม่รู้จักดีเลว อยู่ที่นี่ แกถึงขนาดยังกล้าปฏิเสธข้อเสนอของอารอง!”
“อารองก็หวังดีเช่นกัน ตัวแกเองไม่ได้เสียเปรียบถึงขนาดยังกล้าฝ่าฝืนต่อต้านหรือ?”
“ถือว่าตนเองมีกังฟูที่เก่ง ก็ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาได้เลยหรือ?”
นอกจากปู่แท้ๆของไป๋ยี่เฟยและท่านทวด ที่เหลือล้วนตำหนิเขาอยู่
ไป๋ยี่เฟยถูกคนมากมายขนาดนี้ตำหนิ กลับไม่ได้ตอบโต้พวกเขา เพียงแค่กำกำปั้นอย่างแน่น เก็บอดทนกลั้นไว้ในใจตนเอง เพราะว่าไป๋หยุนเผิงยังอยู่ที่นี่
สำหรับเขามากล่าวแล้ว หลี่เสว่อยู่ในใจของเขาไม่มีคนสามารถแทนที่ได้
แต่ก่อนสองปีแรกที่แต่งงานกับหลี่เสว่ไม่ได้นำอะไรมาให้เธอเลย หลังจากนี้น้องสาวของตนเองเกิดอุบัติเหตุทางรถ เป็นหลี่เสว่ที่โวยวายกับหลิวจื่อหยุนว่า จะขายบ้านทิ้งเพื่อรวบรวมเงินให้กับไป๋ยี่เฟย
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไป๋ยี่เฟยก็แอบตัดสินใจเอง เขาจะดีต่อหลี่เสว่ทั้งชีวิต หลี่เสว่อยู่ในตำแหน่งในใจเขาไม่มีคนสามารถเข้าแทนที่สวมรอยได้
ก็อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆไป๋หยุนเผิงดึงไป๋ยี่เฟยไปยังข้างหลัง ตนเองก้าวเข้าไปก้าวหนึ่ง พูดกับท่านทวดและปู่ใหญ่ว่า “ลุงใหญ่ ถามคำถามหนึ่งกับท่านได้หรือไม่?”
ปู่ใหญ่ ฮึ เย็นชาพูดว่า “คำถามอะไรหรือ?”
ไป๋หยุนเผิงท่าทีเคารพนบนอบพูดว่า “ถ้าหากมีคนอยากจะจัดวางหญิงชราคนหนึ่งให้เป็นเมียใหญ่ของท่าน ท่านจะมีความรู้สึกยังไงล่ะ?”
“แก!”
ทันใดนั้นปู่ใหญ่เบิกตาโพลงทั้งคู่ มือเปลี่ยนทิศทางชี้ไปยังไป๋หยุนเผิง ปลายนิ้วล้วนสั่นระริกอยู่
และคนอื่นๆก็มีรูปร่างลักษณะที่ถูกทำให้ตกใจแบบนั้น
ไป๋ยี่เฟยยิ่งมึนงงเต็มใบหน้า
ไป๋หยุนเผิงนี่ผูกพยาบาทกับพวกเขาอย่างเปิดเผยออกมาแล้วหรือ?
และเป็นที่ทราบโดยทั่วกัน ปู่ใหญ่เป็นคนที่กลัวภรรยามาก คนทั้งหลายล้วนนึกไม่ถึงว่าไป๋หยุนเผิงจะพูดอย่างนี้!
“ไป๋หยุนเผิง!” ปู่ใหญ่เอ่ยปากชี้ด่าไป๋หยุนเผิง “แกกำเริบเสิบสานจริงๆเลย! ถึงขนาดกล้าพูดจากับรุ่นอาวุโสอย่างนี้หรือ? เป็นเจ้าบ้านมาหลายปีขนาดนี้ ล้วนเสียเปล่าไปเลยใช่หรือไม่ล่ะ?”
ไป๋หยุนเผิงไม่ได้โมโห กลับยิ้มอยู่พูดว่า “ลุงใหญ่ ท่านดูท่านสิก็ไม่ใช่โมโหเช่นกันแล้วหรือ?”
“แก!” ปู่ใหญ่โมโหจนพูดไม่ออก
ไป๋หยุนเผิงไม่ได้สนใจปู่ใหญ่ที่โมโหจนกลายเป็นอะไร แต่หมุนตัวพูดกับท่านทวดว่า “ปู่รอง เรื่องแบบนี้ไม่เหมาะสมจริงๆ อย่างน้อยผมพ่อตาคนนี้จัดการอย่างนี้ไม่ได้”
“อีกทั้ง วันนี้มา ให้ไป๋ยี่เฟยมาขอโทษรุ่นอาวุโสทุกท่านเป็นหลักไม่ใช่มาพูดคุยเรื่องแต่งงานของเขา”
ปู่ใหญ่ใบหน้าเย็นชาอยู่พูดว่า “ตนเองล้วนไม่รู้จักเคารพรุ่นอาวุโส ยังกล้าพาลูกชายมาขอโทษหรือ?”
ไป๋หยุนเผิงตั้งตัวตรงนิดๆ พูดอย่างเย็นชาว่า “ไป๋ยี่เฟยเป็นลูกชายของผม ผมจะสั่งสอนเอง แต่จากส่วนตัวผมมากล่าวแล้ว ผมทนดูไอ้แก่พวกคุณเหล่านี้ไม่ได้มานานแล้ว!”
คำพูดของไป๋หยุนเผิงทำให้คนที่อยู่ในนั้นล้วนตื่นตกใจแล้ว
ไป๋ยี่เฟยกลับตื่นเต้นมาก
ในเวลานี้ ปู่ใหญ่เพราะว่าโมโหเกินไป เดินเข้าไปก็ยกมือจะตีไป๋หยุนเผิง “แกไอ้เหี้ยที่ไม่เห็นรุ่นอาวุโสอยู่ในสายตาคนนี้! ยังไม่คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้”
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพก้าวเข้าไปก้าวหนึ่งทันที ยืนอยู่ข้างหน้าไป๋หยุนเผิง สายตาเย็นชารอปู่ใหญ่อยู่
กิริยาท่าทางของปู่ใหญ่หยุดชะงัก อึ้งชะงักอยู่กับที่
เขายังจำลักษณะท่าทีเมื่อวานได้ที่ถูกไป๋ยี่เฟยชกต่อยจนไม่กล้าขยับ ทันใดนั้นเผชิญหน้ากับไป๋ยี่เฟย มีเงามืดเล็กน้อยแล้ว
ดังนั้นหลังจากเขาหยุดชะงักหนึ่งที รีบเก็บมือกลับไป
ไป๋ยี่เฟยเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่งพูดว่า “ท่านกล้า!”
เสียงร้องตะโกนของเขาเสียงนี้ ทำให้ปู่ใหญ่อดไม่ไหวที่จะถอยหลังก้าวหนึ่ง
การถอยหลังก้าวหนึ่งนี้ของเขา ชั่วพริบตาเดียวขายหน้ารุ่นอาวุโสของเขาทั้งหมดเลย
แต่ว่า ไป๋หยุนเผิงอยู่ดีๆกลับร้องตะโกนใส่ไป๋ยี่เฟย “ไป๋ยี่เฟย ถอยลงไปเดี๋ยวนี้!”
ไป๋ยี่เฟยนึกไม่ถึงว่าไป๋หยุนเผิงจะพูดคำพูดอย่างนั้นออกมาคุ้มครองตนเอง ดังนั้นตอนที่ไป๋หยุนเผิงร้องตะโกนขนาดนี้กับเขา ไป๋ยี่เฟยก็ไว้หน้าให้เขามาก ถอยลงไปเลย
และพวกรุ่นอาวุโสอื่นๆแต่ละคนกลับจ้องมองด้วยสายตาโมโห จนกระทั่งรุนแรงลุกขึ้นมาแล้ว พวกเขาดูเหมือนจะทำการปราบปรามและตำหนิต่อไป๋ยี่เฟยกับไป๋หยุนเผิง
กลับอยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆท่านทวดเอ่ยปากพูดว่า “ทำอะไรกันล่ะ? ไม่คิดว่าผมยังอยู่หรือ?”
คนทั้งหลายล้วนหยุดชะงัก พวกชายชราเหล่านั้น แม้ว่ามีความโมโห กลับไม่กล้าระบายออกมา ต่างคนต่างอึดอัดเป็นทุกข์นั่งลงไปอีก
ท่านทวดเย็นชาพูดว่า “เมื่อกี้เพียงแค่ข้อเสนออย่างหนึ่งเท่านั้น ความคิดเห็นทุกคนไม่เหมือนกันเป็นปกติมาก เป็นครอบครัวเดียวกันโต้แย้งกันจนดุร้ายขนาดนี้ทำไมล่ะ? คนที่ไม่รู้ยังคิดว่าพวกเราเป็นคู่อริกันล่ะ!”
ไป๋ยี่เฟยแอบระวังตัวกับท่านทวดนี้อย่างมาก อย่าเพิ่งพูดถึงพลังความสามารถที่อยู่บนกายเขานั้น ก็แค่เมื่อกี้เขาพูดง่ายๆคำหนึ่ง ยั่วยุความโมโหของทุกคนขึ้นมาเลย ตอนนี้ก็ใช้คำพูดง่ายๆคำหนึ่งกดขี่ทุกคนกลับไปอีก
แต่ตามความจริง คำพูดนั้นเป็นเขาพูด แต่ความโมโหของคนเหล่านี้กลับพุ่งไปยังไป๋ยี่เฟยกับไป๋หยุนเผิง ตัวเขาเองกลับเอาตัวออกนอกเหตุการณ์ ยังมีรูปร่างลักษณะแบบที่รุ่นอาวุโส ตำหนิคนไปหมดเลย
พอที่จะบอกได้ว่า คนนี้ไม่ธรรมดามาก!