ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 958
ชายโพกหัวถอนหายใจเบาๆหนึ่งที ส่ายหัวต่อๆกันพูดว่า “ท่านเฟย ขออภัย เงินนี้ พวกเรารับไม่ได้แล้ว…….”
พูดจบ ชายโพกหัวถือกระเป๋าหนังใบหนึ่งออกมาวางอยู่ต่อหน้าท่านเฟย
“เงินน้อยไปหรือ?” ท่านเฟยเงยหน้าถาม
ชายโพกหัวส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ท่านเฟย เรื่องของตระกูลไป๋นี้ อย่าว่าให้เงิน ถึงแม้ว่าไม่ให้เงินพวกเราก็จะทำสุดกำลังเช่นกัน แต่ว่า……”
“พวกเราส่งนักฆ่าสุดเทพออกไปสามคน ล้วนร่วงหล่นหมดเลย อีกทั้งไม่ได้ส่งข่าวใดๆกลับมา ผมคาดว่ามียอดฝีมืออยู่ข้างกายบุคคลเป้าหมาย ถึงแม้ว่าพวกเราส่งนักฆ่ามากมายไปอีกขนาดไหน ก็……”
ท่านเฟยพยักหน้านิดๆพูดว่า “มียอดฝีมือคุ้มครองอยู่ข้างกายเธอจริงๆ”
“ระดับอะไรหรือ?” ในใจชายโพกหัวตื่นตะลึง ถามทันที
ท่านเฟยตอบกลับอย่างเย็นชาว่า “ระดับที่หนึ่ง!”
“อะไรนะ?” ชายโพกหัวตื่นตกใจจนลุกขึ้นมาจากโซฟาโดยตรง สีหน้าเขาเปลี่ยนอย่างรุนแรง “ท่านเฟย ท่านรู้ว่าบุคคลเป้าหมายมียอดฝีมือขนาดนี้ ยังให้พวกเราไปอีก นี่ไม่ใช่ยั่วเล่นกับพวกเราหรือ?”
สีหน้าของคนอื่นๆก็เปลี่ยนตามไปด้วย
ท่านเฟยเห็นสภาพเพียงแค่หัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “ล้วนจะว้าวุ่นอะไรล่ะ?”
“ยอดฝีมือนั่นยังต้องเรียกผมว่าคุณปู่ล่ะ”
ได้ยินคำพูดนี้ ทันใดนั้นชายโพกหัวโล่งอกไปที นั่งกลับไปใหม่อีกครั้ง “ทำให้ผมตกใจแทบตาย นี่เป็นญาติกันกับท่านงั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่งั้นนี่ถ้าล่วงเกินยอดฝีมือระดับที่หนึ่งคนหนึ่ง งั้นคนอย่างพวกเราเหล่านี้ก็จะจบสิ้นเลย”
ท่านเฟยกลับยิ้มเย็นชาพูดว่า “แต่เขาไม่แน่ว่าที่จะไว้หน้าคุณปู่อย่างผมคนนี้”
“อะไรนะ?” ชายโพกหัวตื่นตกใจอีกแล้ว
ท่านเฟยยิ้มอย่างแปลกประหลาดพูดว่า “เพราะว่า บุคคลเป้าหมาย เป็นภรรยาของเขา”
“อีเหี้ยยยยย!” ชายโพกหัวถูกท่านเฟยทำให้ตกใจจนใกล้จะร้องไห้แล้ว “ท่านเฟย ท่านนี่กำลังล้อเล่นอะไรกันอยู่ล่ะ? ฆ่าภรรยาของยอดฝีมือระดับที่หนึ่งคนหนึ่ง นี่ไม่ใช่ไปหาความตายหรือ?”
ท่านเฟยลุกขึ้นมา ยิ้มบางๆหนึ่งที “คุณพูดถูกแล้ว รนหาที่ตายจริงๆ แต่ว่า……ไม่ใช่หาด้วยวิธีนี้ล่ะ?”
“หมายความว่าอะไรหรือ?” ชายโพกหัวจ้องมองท่านเฟย มีความสงสัยงงงวยเล็กน้อย อีกทั้งยังมีความระวังตัวเล็กน้อย เขามักจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ง่ายๆ
เหมือนอย่างที่คิด ท่านเฟยยิ้มเย็นชาอยู่พูดว่า “เขาไม่โง่ อีกไม่นานก็จะสืบถึงพวกคุณทีนี่ ถึงเวลานั้น พวกเขาจะมาพวกคุณอย่างแน่นอน”
ทันใดนั้นชายโพกหัวโมโหขึ้นมาแล้ว “ท่านเฟย พวกเราไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกัน ท่านทำไมจะต้องทำร้ายพวกเราล่ะ?”
ท่านเฟยหัวเราะเยาะเสียงหนึ่ง “พูดไม่ถูกว่าทำร้าย มากที่สุดคือหลอกใช้พวกคุณ ถึงยังไง เขามาหาพวกคุณงั้นภรรยาของเขาอยู่ที่นั่นก็จะไม่มีคนคุ้มครองแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ท่าน!” ชายโพกหัวตบโต๊ะลุกขึ้นทันที
คนอื่นๆก็ลุกขึ้นตามไปด้วย ต่างคนต่างจ้องมองท่านเฟย
“ท่านรังแกคนเกินไปจริงๆเลย!” ชายโพกหัวโมโหพูดว่า “พวกเราแส่หาเรื่องท่านตรงไหนล่ะ? ท่านจึงทำร้ายพวกเราขนาดนี้?”
ท่านเฟยจ้องมองนักฆ่าทั้งหลาย ลักษณะท่าทีดูเหมือนจะลงมือ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆเสียงหนึ่งพูดว่า “ยังไงหรือ? จะลงมือกับผมหรือ?”
พูดจบ คนทั้งหลายล้วนอึ้งชะงัก
ท่านเฟยเป็นคนของบ้านเก่าตระกูลไป๋ พวกเขา…..ไม่กล้าลงมือจริงๆ
ชายโพกหัวจ้องมองด้วยสายตาโมโห กำปั้นกำจนเส้นเลือดเขียวโผล่ขึ้นมา กลับลงมือไม่ได้อีก
ท่านเฟยยิ้มแล้วยิ้มอีกพูดว่า “ผมกล้ามาที่นี่ก็ไม่กลัวพวกคุณ ตอนนี้ก็พูดอย่างเปิดเผยแล้ว งั้นผมก็จะพูดเปิดเผยมากกว่านี้อีก”
“ภรรยาของเขาก็คือจุดอ่อนของไป๋ยี่เฟย แม้ว่าลงมือไม่สำเร็จ แต่เขาจะสืบถึงที่สุดอย่างแน่นอน ยิ่งจะไม่ปล่อยพวกคุณไป ดังนั้น เขาจะต้องมาอย่างแน่นอน”
“สำหรับพวกคุณ แท้ที่จริงไม่จำเป็นต้องสู้กับเขาสุดชีวิต เพียงแค่ถ่วงเวลาไว้ก็พอ เวลาครึ่งชั่วโมง เพียงแค่พวกคุณทำได้ สิบล้านนี้เป็นของพวกคุณเหมือนเดิม”
ท่านเฟยพูดอยู่ชี้ไปยังกระเป๋าหนังอันนี้ที่อยู่บนโต๊ะชี้แล้วชี้อีก
“ทำไมพวกเราต้องให้เขาฆ่าแกงตามใจล่ะ?” ชายโพกหัวพูดอย่างโมโห
ท่านเฟยยิ้มบางๆหนึ่งทีพูดว่า “ด้วยนิสัยของไป๋ยี่เฟย เขาจะไม่ฆ่าสุ่มสี่สุ่มห้า อีกทั้งจิตใจเขาลังเลไม่มีความเด็ดขาดอย่างมาก เพียงแค่พวกคุณแสดงอาการอ่อนข้ออยู่ต่อหน้าเขา รู้ว่าพวกคุณก็น่าเวทนามากเช่นกัน คิดว่าเขาจะปล่อยพวกคุณไป”
“นี่……” ชายโพกหัวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับคำพูดนี้
ท่านเฟยพูดต่ออีกว่า “พวกคุณวางใจเถอะ ผมก็หลบอยู่ที่ลับ พวกคุณทำตามก็พอ พยายามถ่วงเวลาไว้ ถ้าหากช่วงกลางเกิดอะไรขึ้น ผมจะออกมาช่วยพวกคุณให้ทัน”
สุดท้ายคำพูดนี้เพิ่งพูดจบ นอกลานบ้านส่งเสียงร้องอย่างทรมานมา
“อ่า!”
ได้ยินเสียงร้องทรมานนี้ คนทั้งหลายล้วนอึ้งชะงัก แม้แต่สีหน้าท่านเฟยก็อึ้งชะงักนิดๆเช่นกัน
“เขามาแล้ว!”
……
ลานจอดรถโรงแรม
มีสองคนนั่งอยู่ในรถยนต์ฉางอันที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของคนมากคันหนึ่ง
คนหนึ่งเป็นชายชราผมขาว ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคน
ชายชราผมขาวนั้นพูดอย่างกังวลกับชายวัยกลางคนว่า “ท่านทวด ถ้าหากว่าเป็นคนคนนั้นติดตามอยู่ข้างกายไป๋ยี่เฟยจริงๆ……”
ท่านทวดคนนี้เป็นผู้ชายคนนั้นที่ถูกพวกรุ่นอาวุโสของตระกูลไป๋เรียกว่า อารอง นั่นเอง
“ถึงแม้ว่าเป็นเขาจริงๆ ก็ไม่ต้องเป็นห่วงมากเช่นกัน” ท่านทวดพูดอย่างเย็นชา “เขาจะไม่ฆ่าผมอยู่แล้ว และผมจะพยายามถ่วงเขาไว้ มากที่สุดห้านาที ห้านาทีเพียงพอที่ให้คุณฆ่าหลี่เสว่ได้ ค่อยแย่งเลือดเนื้อเชื้อไขของผมตระกูลไป๋กลับมา”
ชายชราผมขาวยังไม่ได้วางใจ “งั้นไป๋ยี่เฟยล่ะ? ถ้าหากเขาอยู่โรงแรมล่ะก็……”
“ไม่” ท่านทวดส่ายหัวนิดๆ พูดว่า “จุดอ่อนของคนคนหนึ่งถ้าถูกคนรู้แล้ว งั้นเขาก็มีแต่ที่จะให้คนเล่นแง่เท่านั้น”
“และจุดอ่อนของไป๋ยี่เฟย ก็คือภรรยาและลูกของเขา”
“ผมรู้ว่านี่ล้วนเป็นการจัดวางของไป๋เซี่ยวเด็กคนนั้น เด็กคนนี้ก็ไม่เลวจริงๆ ถ้าหากเขายังสุขภาพสมบูรณ์ เขาจึงจะเป็นทายาทที่เหมาะสมที่สุดของผมตระกูลไป๋”
“แต่น่าเสียดายมาก ไป๋เซี่ยวอยากจะให้พวกเราโกรธแตกคอกันกับไป๋ยี่เฟยโดยสิ้นเชิง ยังขาดอีกนิดหนึ่ง”
“เพราะว่า ในมือพวกเรามีลูกสาวของไป๋ยี่เฟย” ท่านทวดยิ้มแล้วยิ้มอีกอย่างเชื่อมั่นในตนเองมาก “ถึงสุดท้ายไป๋ยี่เฟยจะไม่อ่อนข้อกับพวกเราก็ไม่ได้”
“รอถึงเด็กๆเติบโตแล้ว พวกเราก็ควรถึงเวลาที่ใกล้จะสิ้นชีวิตแล้วละ ถึงเวลานั้นเพียงแค่เขาสามารถนำพาตระกูลไป๋พัฒนาขยายต่อไปอีก แค้นพวกเราก็ไม่เป็นไรแล้วเช่นกัน”
หลังจากชายชราผมขาวฟังคำพูดเหล่านี้จบ รู้แจ้งกระจ่างในฉับพลัน “ท่านทวดพูดถูกแล้ว ท่านทวดคิดหนักมากแล้วจริงๆ”
“กริ่ง กริ่ง กริ่ง…….”
มือถือของชายชราผมขาวดังขึ้นแล้ว เขารีบรับสาย
“มาแล้ว!”
หลังจากวางสาย ชายชราผมขาวพูดว่า “อะเฟยโทรมา”
ท่านทวดพยักหน้าต่อๆกันพูดว่า “ผมเข้าไปทำให้คนออกมาก่อน แกจับเวลาไว้ให้แม่น”
“ครับ”
……
ผ่านไปสามนาที
“ปั้ง!”
“ซู่ซ่า!”
เสียงดังสองเสียงส่งมาจากชั้นสูง ชายชราผมขาวนั่งอยู่ในรถ มองเห็นเงาคนสองคนกระโดดออกจากหน้าต่างของชั้นนั้น
เงากายสองคน หลังจากกระโดดหลายที ก็ค่อยๆไกลออกไป มองไม่เห็นอีกเลย
ชายชราผมขาวรู้ว่าถึงเวลาที่เขาควรลงมือแล้ว ดังนั้นเขารีบหยิบมีดสั้นด้ามหนึ่งเดินออกจากรถ จากนั้นเดินทีละก้าวๆไปยังโรงแรม
……
ท่านทวดทำให้ซินชิวออกมา
พวกเขาตกอยู่บนชั้นสูงสุดของอาคารใหญ่แห่งหนึ่ง
หลังจากรอให้เขายืนมั่นคงแล้วหมุนตัวกลับไปดู พบเห็นว่าซินชิวก็ยืนอยู่ข้างหลังเขาสีหน้าสงบมาก
ท่านทวดจ้องมองเขา อยู่ดีๆมีสีหน้าแบบที่ประหลาดใจมาก “อาชิวหรือ?”
เห็นลักษณะท่าทีของซินชิวดูเหมือนเพิ่งรู้ว่าเป็นเขาเช่นกัน ยิ้มอยู่พูดว่า “เป็นเจ้าไป๋เหรอ”
ยังไม่รอให้ท่านทวดพูดต่อ ซินชิวก็เลยพูดว่า “เจ้าไป๋ ยอมแพ้เถอะ”
“อาชิวพูดคำนี้หมายความว่าอะไรหรือ?” ท่านทวดไม่เข้าใจเต็มใบหน้า
ซินชิวไม่พูดอีก เพียงแค่จ้องมองเขาอย่างเงียบๆ
ท่านทวดเห็นแบบนี้ ในใจมีความไม่สงบในชั่วพริบตาเดียว หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง เขายิ้มแล้ว “ช่างทำให้คนแปลกใจจริงๆนะ คาดไม่ถึงท่านจะกลายเป็นบอดี้การ์ดให้กับไป๋ยี่เฟย”