ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 964
มีผู้คนยิ่งใหญ่มากมายอยู่ที่นี่ เขาสามารถบอกให้ทุกคนรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับตระกูลฉุง อยู่ต่อหน้าพวกเขา
“รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน?” คุณชายหวังยังคงชี้ไปที่ไป๋หยุนเผิงและตะโกนด่าว่า “คุณเป็นแค่ไอ้คนจนยังจะกล้ามาที่ห้องจัดเลี้ยงชั้นบนสุดงั้นเหรอ? คุณไม่รู้สึกอับอายบ้างเหรอ?”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ คนที่อยู่ในสถานที่ก็ตกใจไปทั้งหมด
“นี่เป็นใครกันเหรอ?”
“แม่เอ๊ย เขากล้าพูดแบบนั้นเลยเหรอ!”
“นี่แม่งกล้าหาญเกินไปหรือเปล่า?”
ในเวลานี้ฉุงเฉ่าซินถึงสังเกตได้ว่าคุณชายหวังมาแล้ว เขาหันกลับมา จ้องมองไปที่คุณชายหวังด้วยความโกรธ และเขากำลังจะด่าว่าคุณชายหวังอย่างเสียงดัง เพียงแต่ถูกไป๋ยี่เฟยขัดขวางไว้
ไป๋หยุนเผิงกล่าวว่า “ผมจัดการเอง”
ฉุงเฉ่าซินชะงักไปชั่วขณะ และไม่พูดอะไรอีกเลย
ไป๋หยุนเผิงถามด้วยใบหน้าเย็นชาว่า “ทำไมคุณถึงทุบรถของผม?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณชายหวังก็เยาะเย้ยอย่างเหยียดหยาม “ของเสียนั่นของคุณอ่ะเหรอ ยังมีหน้าที่จะเรียกว่ารถงั้นหรือ?”
หลังจากพูดจบเขาก็พูดกับฉุงเฉ่าซินว่า “ท่านรอง ตอนที่ไอ้สารเลวนี้มาเขาเพียงขับฉางอานที่ทรุดโทรมมาเท่านั้น มองดูก็รู้แล้วว่าเขาแอบอ้างเข้ามา ท่านรองรีบขับไล่เขาออกไปโดยเร็ว อย่าทำลายงานแต่งงานนี้เลย!”
พูดได้เพียงว่าคุณชายหวังคงจะดูละครโทรทัศน์มากเกินไป งานเลี้ยงเหล่านั้นในอดีตอาจมีคนสามารถแอบอ้างเข้ามาข้างในได้ แต่ไม่ว่ายังไงนี่ก็คืองานเลี้ยงของตระกูลฉุง ที่มีระดับชั้นสูงมาก และต้องมีการ์ดเชิญเท่านั้นถึงจะสามารถเข้ามาข้างในได้
คุณชายหวังเพิกเฉยต่อประเด็นนี้โดยสิ้นเชิง เพราะเขาเข้ามาโดยอาศัยความสัมพันธ์ของพี่สาวของเขา เขาไม่มีการ์ดเชิญ ดังนั้นเขาจึงลืมเรื่องของการ์ดเชิญไปโดยธรรมชาติ
เมื่อฉุงเฉ่าซินได้ยินเช่นนี้ ก็มีความคิดที่อยากจะตบเขาให้ตายเลยทีเดียว
เพียงแต่ก่อนที่เขาจะพูด ไป๋หยุนเผิงก็ถามก่อนว่า “รถฉางอันก็ไม่ใช่รถยนต์แล้วหรือ? ”
เมื่อแฟนสาวของคุณชายหวังได้ยินคำพูดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยว่า “รถเสียคันนั้นของคุณก็เรียกว่ารถได้งั้นเหรอ? คุณไม่ลองมองลงไปข้างล่าง รถที่จอดอยู่ทั้งหมดมีรถยี่ห้ออะไรบ้าง? คุณยังมีหน้าที่จะขับเข้ามาอีกงั้นเหรอ?”
“รถเสียของคุณนั้นยังแย่งที่จอดรถของเราอีกด้วย ไม่ทุบรถของคุณแล้วจะทุบของใครล่ะ?”
คุณชายหวังเยาะเย้ยอย่างเย็นชาต่อว่า “ท่านรอง ดูก็รู้แล้วว่าเขาแอบอ้างเข่ามา รีบไล่เขาออกไปเร็ว!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ตะโกนขึ้นก่อนว่า “รปภ! รปภ! เข้ามาเร็วเข้า ไล่ไอ้สารเลวคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้!”
หัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวิ่งเข้ามา เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างสั่นเทา เหลือบมองที่คุณชายหวัง จากนั้นก็มองไปที่ไป๋หยุนเผิงและฉุงเฉ่าซิน ไม่กล้าพูดอะไรเลย
คุณชายหวังไม่ได้สังเกตเห็นแววตาของหัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเลย เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ขยับ ยังชี้ไปที่เขาและพูดว่า “คุณเป็นอะไรเหรอ? ปล่อยให้ไอ้เด็กยากจนแบบนี้เข้ามาได้อย่างไร? ”
“เร็วเข้า ไล่มันออกไปเดี๋ยวนี้!”
หัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าซีด และพูดอย่างสั่นเทาว่า “คุณชายหวัง นี่…….วันนี้เป็นวันแห่งความปีติยินดี อย่า……..”
ก่อนที่หัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะพูดจบ คุณชายหวังก็ขัดจังหวะเขา “คุณยังมีหน้ามาพูดอีก ก็เพราะวันนี้เป็นวันที่ดี ถึงไม่สามารถปล่อยให้ไอ้คนยากจนแบบนี้มาทำลายงานแต่งงานของคุณชายฉุงได้”
“แม่งอย่าเอาแต่ตะลึงให้มันมากนัก ยังไม่รีบไล่เขาออกไปเดี๋ยวนี้!”
แฟนสาวของคุณชายหวังก็พูดตามด้วยว่า “คุณเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังไงเหรอ ทำไมคุณถึงไม่มีไหวพริบเลยสักนิด? ”
หัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถูกพวกเขาพูดจนไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดีแล้ว
และในขณะนี้ ฉุงเฉ่าซินโกรธมากกับคำพูดของคุณชายหวัง เขาก้าวไปข้างหน้า และตบหน้าของคุณชายหวังไปทีหนึ่ง
“พัฟ!”
“อุ๊ย!”
คุณชายหวังร้องออกมา จับที่ใบหน้า แล้วรู้สึกไม่น่าเชื่อเล็กน้อย “ท่านรอง……..”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฉุงเฉ่าซินก็เตะเขาอีกครั้ง และเตะจนเขาล้มลงกับพื้นโดยตรง
แฟนสาวของคุณชายก็ตกใจไปกับการกระทำนี้และยืนแข็งทื่ออยู่กับที่
คุณชายหวังนั่งลงบนพื้น จับหน้าท้องที่โดนเตะของเขา ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ท่านรอง คุณจะทุบตีผมทำไม?”
“ไอ้สารเลว!” ฉุงเฉ่าซินหอบหายใจ และชี้ไปที่คุณชายหวังและตะโกนด่าอย่างโกรธเคืองว่า “ตาสุนัขของมึงบอดไปแล้วหรือ ไม่รู้ว่าคือใครก็กล้าที่จะรุกรานงั้นเหรอ?”
คุณชายหวังแปลกใจมากเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาชำเลืองมองไป๋หยุนเผิง และกล่าวว่า “นั่นก็คือคนที่ขับรถฉางอันคนเดียว ทำไมถึง……..”
“รถฉางอันงั้นเหรอ?” ฉุงเฉ่าซินสูดหายใจเข้าลึกๆ และถามอย่างโกรธเคืองว่า “มึงแม่งรู้หรือไม่ว่าเจ้าของคนขับรถเป็นใคร? ”
ดูเหมือนว่าคุณชายหวังจะตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงถามโดยจิตสำนึกว่า “เป็น………ใครเหรอ?”
สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาจากปากของฉุงเฉ่าซินโดยเฉพาะ เพราะคนรอบข้างได้ให้คำตอบไปแล้ว
“นั่นเป็นรถของหัวหน้าตระกูลไป๋!”
“คนผู้นี้กล้าหาญเกินไปไหม กล้ายั่วยุถึงหัวหน้าของตระกูลไป๋ และทุบรถของเขาพังอีกด้วย!”
ฉุงเฉ่าซินไม่ได้พูดอะไร เพราะเขารู้สึกโกรธมาก ตบเข้าที่คุณชายหวังที่ยืนขึ้นมาอีกครั้ง
“พัฟ!”
และเมื่อคุณชายหวังได้ยินคำว่าหัวหน้าตระกูลไป๋ สีหน้าของเขาก็ซีดเซียวทันที
ฉุงเฉ่าซินยังคงโกรธอยู่ และตบเขาอีกสองสามครั้ง
คุณชายหวังก็ถูกตบจนใบหน้าของเขาบวมไปเลย และมุมปากของเขายังมีเลือดออกมาอีกด้วย แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรสักคำอีกเลย
ในเวลานี้ มีคนจากภายนอกเข้ามารายงานว่า “ท่านรอง ทีมรับเจ้าสาวมาแล้ว!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไป๋หยุนเผิงก็เดินเข้าไป คว้าข้อมือของฉุงเฉ่าซินและกล่าวว่า “พี่ฉุง งานแต่งงานสำคัญกว่า”
ฉุงเฉ่าซินถึงหยุดมือ แล้วสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ แล้วตะโกนอีกครั้งว่า “ลี่ซืออยู่ที่ไหน? ทีมรับเจ้าสาวมาแล้ว เธอที่เป็นผู้ต้อนรับแขกหายไปไหนแล้ว?”
ทุกคนก็ตามหาฉุงลี่ซือทันทีที่เมื่อได้ยินคำพูดนี้
“คุณหนู!”
“คุณหนูอยู่ที่ไหน?”
“รีบโทรไปถามเร็วเข้า!”
เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น ทุกคนก็มองไป และพบว่าเสียงดังอยู่ทางดาดฟ้า
ฉุงลี่ซือเดินออกมาจากข้างในโดยถือโทรศัพท์อยู่
ไป๋ยี่เฟยที่ยืนอยู่ด้านข้างตกใจมากเมื่อเห็นเช่นนี้
เชี่ย! ผู้หญิงคนนี้เป็นคุณหนูคนโตของตระกูลฉุงสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ฉุงลี่ซืองั้นเหรอ!
ไม่แปลกใจเลยที่อารมณ์จะแย่ขนาดนี้!
ไป๋ยี่เฟยนึกถึงทัศนคติของเขาที่ไม่ดีที่มีต่อเธอในตอนเมื่อกี้นี้ และหากถูกจำได้ขึ้นมามันคงจะเป็นปัญหา
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงรีบเดินกลับไปทางฝูงชน และลงจากทางลิฟต์ไป
และไป๋หยุนเผิงก็กำลังมองหาไป๋ยี่เฟยทุกหนทุกแห่งในเวลานี้ “เจ้าเด็กคนนี้หายไปไหน?”
ไป๋ยี่เฟยขึ้นลิฟต์และลงมาถึงชั้นล่าง แต่กลับพบกับทีมรับเจ้าสาว ประตูก็ถูกปิดกั้นจนไม่สามรถเข้าออกได้ ไป๋ยี่เฟยออกไปไม่ได้ เขาจึงต้องหันหลังกลับและเดินกลับไป
และก็เห็นห้องน้ำพอดี ก็เลยเดินเข้าไปในห้องน้ำ
แต่ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องเลย ที่จะอยู่ในห้องน้ำแบบนี้ จะต้องหาทางปลอมตัวสักหน่อยแล้ว
ในขณะนั้นเอง ชายคนหนึ่งที่สวมหมวกยอดแหลมก็เดินเข้ามา
ไป๋ยี่เฟยเห็นชอบหมวกและแว่นตาของเขา
“พี่ คุณขายหมวกและแว่นตาไหม?” ไป๋ยี่เฟยถามไปคำหนึ่ง หลังจากที่เห็นชายคนนั้นปัสสาวะเสร็จ
ให้ชายคนนั้นเหลือบมองไป๋ยี่เฟยแล้วพูดว่า “ไม่ขาย!”
ไป๋ยี่เฟยไม่อยากจะพลาดไป “ผมจะให้เงินคุณ สองเท่าหรือสามเท่า”
“มีเงินแล้วยังไง?” ชายคนนั้นกลับเย็นชา และตะคอกไปทีหนึ่ง “คุณคิดว่าเงินจะซื้ออะไรก็ได้งั้นเหรอ? ผมจะบอกให้คุณรู้นะ ถ้าผมไม่เต็มใจ ถึงคุณจะมีเงินมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก!”
“ห้าแสน!” ไป๋ยี่เฟยยื่นมือออกไปโดยตรง ทำท่าทางเลขห้า
ชายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถอดหมวกและแว่นตาออกอย่างรวดเร็ว “คุณรับไป”
ไป๋ยี่เฟยเอื้อมมือไปรับมัน และเขียนเช็คให้เขาเป็นเงินห้าแสน ชายคนนั้นรับไปและก็จากไปอย่างมีความสุข
แม้ว่าการซื้อหมวกและแว่นตาอันเดียวด้วยราคาห้าแสนมันจะไม่คุ้มค่านัก แต่ก็ไม่มีทางอื่น ห้าแสนสามารถช่วยแก้ปัญหาบางอย่างได้ ลองคิดๆ ดูแล้วมันก็พอจะคุ้มค่าอยู่
ไป๋ยี่เฟยสวมหมวกแหลม และใส่แว่นตา แต่แว่นตานั่นมีเลนส์สายตาอยู่ ไป๋ยี่เฟยใส่แล้วรู้สึกเวียนหัว เขาก็เลยดึงเลนส์ออกมา และใส่แต่กรอบแว่นอย่างเดียว
มองดูภาพลักษณ์ของตัวเองในเวลานี้ผ่านกระจก มันต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่ก็นึกถึงตอนที่ตัวเองใส่ชุดสูทในตอนเมื่อกี้นี้ ฉุงลี่ซือก็เคยเห็นไปแล้ว ดังนั้นเขาก็เลยถอดเสื้อคลุมออก และใส่เพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวอย่างเดียว
ทีนี้ก็สมบูรณ์แบบแล้ว
ไป๋ยี่เฟยกำลังจะจากไป ในขณะนั้นเอง ผู้หญิงในชุดแต่งงานสีขาวก็วิ่งเข้ามา และเขาก็ตกตะลึงไปในทันที
นี่คือฟางหยันไม่ใช่เหรอ?