ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 969
เมื่อท่านรองได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาทันที
เดิมทีเขาไม่อยากจะยอมรับมัน แต่ตอนนี้ฉุงเฉ่าเจว๋หายตัวไปแล้ว มันก็ได้ยืนยันแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งครั้มันเกี่ยวข้องกับฉุงเฉ่าเจว๋ และเขาไม่อยากจะยอมรับมันก็คงไม่ได้แล้วล่ะ
ไป๋หยุนเผิงมองดูและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ถึงเวลาที่จะต้องตัดสินใจแล้วล่ะ”
ฉุงเฉ่าเจว๋สั่นอย่างรุนแรง ทำให้เขาฟื้นความรู้สึกได้ทันที ไป๋หยุนเผิงกำลังเตือนเขาว่า ฉุงเฉ่าเจว๋เป็นสมาชิกของตระกูลฉุง หากเขาไม่ตัดสินใจ เมื่อฉุงเฉ่าเจว๋ร่วมมือกับศัตรูไป งั้นเขาก็จะไม่สามารถกำจัดความเกี่ยวข้องไปได้
ในท้ายที่สุด ตระกูลฉุงทั้งหมดก็จะได้รับผลกระทบ และแม้กระทั่งจยังะนำไปสู่ความเสื่อมโทรมของตระกูลอีกด้วย
ฉุงเฉ่าซินคิดออกกับความเกี่ยวข้องระหว่างที่อยู่ในนั้น และทำได้เพียงกัดฟันและพูดว่า “ทุกคนในตระกูลฉุงจงฟังไว้ ท่านสามยอมจำนนต่อศัตรูไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่สมาชิกตระกูลฉุงของเราแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านสามฉุง ฉุงเฉ่าเจว๋ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฉุงอีกต่อไป!”
“ตอนนี้ แจ้งทุกคนในตระกุลฉุงทันทีว่า ตามล่าหาจับตัวฉุงเฉ่าเจว๋อย่างถีถ้วน!”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในสถานที่ตะลึงไปเลย
ฉุงเฉ่าซินกลับหันศีรษะ และมองไป๋หยุนเผิงอย่างเย็นชา “หือ คุณพอใจหรือยัง? ”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยก็อารมณ์เสียเป็นคนแรก โดยพูดด้วยร่างกายที่อ่อนแอของเขาว่า “ฉุงเฉ่าซิน คุณหมายความว่าอย่างไร?”
“คนของคุณทุบรถพ่อผมทิ้งเรายังไม่ได้คิดบัญชีกับคุณเลย แต่คุณกลับ เราช่วยคุณหลีกเลี่ยงภัยพิบัติครั้งใหญ่ไปได้ คุณยังโกรธพ่อของผมงั้นเหรอ?”
ฉุงเฉ่าซินรู้สึกโกรธทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้และพูดว่า “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณพูดได้!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ฉินหัวก็ก้าวไปข้างหน้าและยืนต่อหน้าไป๋ยี่เฟย “โปรดให้ความระวังกับคำพูดและทัศนคติของคุณด้วย!”
ฝนยังคงตกหนักอยู่ และทุกคนก็ได้ยินแต่เสียงของเม็ดฝนเท่านั้น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ฉุงเฉ่าซินหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวว่า “พี่ไป๋ เมื่อกี้นี้ผมอารมณ์ร้อนมากไปเอง หวังว่าพี่ไป๋จะไม่ถือสา”
“ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อชดเชยให้คุณสำหรับรถคันนั้น และผมก็จะมอบให้คุณจัดการกับคนที่ทุบรถของคุณ คุณว่าอย่างไร? ”
ไป๋หยุนเผิงพยักหน้า ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไร ฉุงเฉ่าซินกลับกล่าวอย่างเย็นชาว่า “กลับไปช้าๆ โทษทีที่ไม่ไปส่ง!”
ไป๋หยุนเผิงผงะไปครู่หนึ่ง และไป๋ยี่เฟยก็หรี่ตามองฉุงเฉ่าซิน
“คุณ……..” ทันทีที่ไป๋ยี่เฟยพูดไปคำเดียว เขาถูกไป๋หยุนเผิงจับกดไว้ เขาส่ายหัวให้ไป๋ยี่เฟย และไป๋ยี่เฟยก็เงียบลงอย่างดุเดือด
อันที่จริงเขาก็รู้อยู่ในใจว่า ในตอนแรกเขาฆ่าฉุงโยวเวย และต่อมาฉุงลี่หย่าลูกสาวของเขาก็ถูกเขาเอาไปด้วย และตอนนี้ฉุงเฉ่าเจว๋ก็จากไปแล้วเช่นกัน
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าฝ่ายท่านสามของตระกูลฉุงก็ได้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว และเกือบทั้งหมดนี้มันก็เกี่ยวข้องกับไป๋ยี่เฟย และจระกูลไป๋ทั้งนั้น
ดังนั้น ฉุงเฉ่าซินจึงใช้อารมณ์ปราณทั้งหมดของเขากับไป๋ยี่เฟยและตระกูลไป๋
ไป๋หยุนเผิงไม่พูดอะไรเลย หันหลังเดินจากไป
ไป๋ยี่เฟยก็ถูกฉินหัวประคองตัวและเดิมตามจากไป
ฉุงลี่ซือกระชับมือเมื่อเห็นเช่นนี้ ดูเหมือนเธอจะอยากจะพูดอะไร แต่ตอนที่ไป๋ยี่เฟยเดินผ่านตัวเธอไป ไม่กล้าแม้แต่จะมองมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ
หัวใจของฉุงลี่ซือจมลงสู่ก้นบึ้งทันที
เมื่อไป๋ยี่เฟยเดินไปที่ทางเข้าดาดฟ้า เขาก็เห็นฉุงโยวหมิงและฟางหยัน
เมื่อเห็นไป๋ยี่เฟยเดินมา ฉุงโยวหมิงก็พูดว่า “ขอบคุณ”
ไป๋ยี่เฟยเหลือบมองเขาด้วยความประหลาดใจ และสายตานั้น ก็ทำให้ความโกรธของเขาลดลงไปเล็กน้อย เพราะเขาเห็นถึงความหมายของฉุงโยวหมิงที่อยากจะพูด
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงพยักหน้าเล็กน้อย และกำลังจะลงไปข้างล่าง
เพียงแต่เขานึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้อีกครั้ง และพูดกับฟางหยันที่อยู่ข้างๆ ว่า “สุขสันต์วิวาห์”
ฟางหยันมองเขา ด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก แต่มีน้ำตาในดวงตาของเธอ “ขอบคุณ”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า ไม่ได้มองพวกเขาอีกเลย แล้วเดินลงไปข้างล่างโดยตรง
เมื่อพวกเขาลงมาถึงที่ชั้นล่าง กลับถูกคนที่ฉุงเฉ่าซินส่งมาขวางกั้นไว้ โดยบอกว่าพวกเขาได้ชดเชยรถคันหนึ่งให้กับไป๋หยุนเผิง
ไป๋ยี่เฟยพวกเขามองตามสายตา นั่นคือรถปอร์เช่สีดำคันหนึ่ง ลงตัวและหรูหรา
อย่างไรก็ตามไป๋ยี่เฟยกลับมองดูผิดปกติ และก็ไม่รู้ว่าผิดปกติตรงไหน อย่างไรก็ตามก็คือรู้สึกผิดปกติ
เมื่อเห็นไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว ไป๋หยุนเผิงก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เป็นอะไรไป? คุณยังไหวไหม?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว “ไม่เป็นไร ยังพอไหวอยู่”
ไป๋หยุนเผิงขับรถปอร์เช่ออกไป ขณะที่ไป๋ยี่เฟยถูกฉินหัวพาส่งโรงพยาบาล
………
หลังจากการตรวจร่างกายในโรงพยาบาล ไป๋ยี่เฟยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ดังนั้น พวกเขาจึงกลับไปที่โรงแรม
เมื่อเห็นว่าไป๋ยี่เฟยได้รับบาดเจ็บ หลี่เสว่ก็รู้สึกกังวลและเป็นทุกข์ใจ
ฉินหัวและหลี่เสว่ช่วยไป๋ยี่เฟยขึ้นไปบนเตียงด้วยกัน และฉินหัวก็จากไปหลังจากเตือนไปสองสามข้อ
ไป๋ยี่เฟยนอนอยู่บนเตียง และพูดกับหลี่เสว่อย่างแผ่วเบาว่า “ผมไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล”
หลี่เสว่พยักหน้า ลูบใบหน้าของเขาเบาๆ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “คุณพักผ่อนเถอะ ฉันจะเฝ้าดูคุณ”
“อืม……..” ไป๋ยี่เฟยหลับไปไม่นานหลังจากตอบเธอ
หลี่เสว่มองดูใบหน้าที่เหนื่อยล้าของไป๋ยี่เฟย ถอนหายใจเบาๆ และพูดอย่างปวดใจว่า “สามี คุณเหนื่อยเกินไปแล้ว คุณควรพักผ่อนให้ดีๆ ”
ตั้งแต่ไป๋ยี่เฟยดำรงอยู่ตำแหน่งประธานของโหวจวี๋กรุ๊ป เขาก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ระหว่างความตายทุกรูปแบบมาโดยตลอด และยุ่งกับเรื่องต่างๆ มากมาย
แต่ตอนนี้ หลี่เสว่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะช่วยเขาอย่างไร
ในขณะที่หลี่เสว่หวนนึกถึงอดีตของพวกเขาทีละนิด ไป๋ยี่เฟยก็พูดขึ้นมาคำหนึ่งว่า
“ขาดไป…….หนึ่งคน”
“หือ?” หลี่เสว่มองดู และพบว่าไป๋ยี่เฟยยังไม่ตื่น เขากำลังพูดละเมออยู่
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว และพูดอยู่ในปากว่า “ขาดไป………หนึ่งคน? ”
หลี่เสว่อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ใครเหรอ?”
แต่ในเวลานี้ จู่ๆ เด็กก็ร้องไห้ขึ้นมา และหลี่เสว่ไม่สามารถสนใจได้มากขนาดนั้น เธอจึงรีบไปเกลี้ยกล่อมเด็ก
…….
ในวิลล่าของตระกูลฉุง
หลังงานแต่งจบลงเจ้าสาวและเจ้าบ่าวก็กลับไปถึงที่บ้านใหม่ของพวกเขา
ฟางหยันยืนอยู่ในห้อง ก้มศีรษะลง และพูดอย่างเบาๆ ว่า “ฉันขอโทษ”
เดิมทีฉุงโยวหมิงถอดเสื้อคลุมของเขาโดยหันหลังให้ฟางหยันอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดนี้เขาก็ต้องตกใจและโยนเสื้อคลุมของเขาลงบนเตียง และหันกลับมาแล้วพูดว่า “คุณจะขอโทษทำไม?”
ฉุงโยวหมิงมีอารมณ์ที่อ่อนโยน ทำให้ผู้คนรู้สึกดีมาก
ฟางหยันตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนี้ และก็รู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก “ในตอนกลางวัน…….ฉันไม่ควรตื่นเต้นมากขนาดนั้น……..”
ฉุงโยวหมิงผงะเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ จากนั้นเขาก็ยิ้มอีกครั้ง และก้าวไปข้างหน้า จับมือเล็กๆ ของฟางหยัน และกล่าวว่า “หยันหยัน งั้นคุณช่วยบอกผมได้ไหมว่า ความสัมพันธ์ของคุณกับเขาเป็นอย่างไร?”
“เป็น……..เพื่อนธรรมดา” ฟางหยันหยุดชั่วขณะ “มันก็ไม่เชิง อันที่จริง ก็แค่เคยเจอหน้ากันไม่กี่ครั้งเท่านั้น”
“ดังนั้น คุณก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษผมหรอก” ฉุงโยวหมิงยิ้มอย่างอ่อนโยนมากขึ้น
“วันนี้เต้าจ่างมาสร้างปัญหา เขาบอกว่าเขามาที่นี่เพื่องานแต่งงานของเพื่อน เขาต่อต้านการบาดเจ็บทั้งหมดเพียงลำพัง ถึงทำให้งานแต่งงานของเราดำเนินการได้อย่างราบรื่น”
“ความตื่นเต้นเป็นเรื่องปกติ”
“ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋ยี่เฟยคนนี้ผมก็เคยได้ยินมาก่อน” ฉุงโยวหมิงหยุด และพูดต่อว่า “เขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งจริงๆ และผมก็ชื่นชมเขามากเช่นกัน”
“ผู้ชายอย่างเขา คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่หวั่นไหวต่อเขาหรอกใช่ไหม?”
“แต่อย่างไรก็ตาม หยันหยัน คุณเคยคิดหรือไม่ว่า คุณก็แค่ชื่นชมเขาเป็นแบบไอดอล แต่ไม่ได้หวั่นไหวต่อเขาจริงๆ เลย”
“ตอนนี้ คุณแต่งงานกับผมแล้ว ผมก็จะปฏิบัติต่อคุณเป็นอย่างดี จะไม่ทำให้คุณเสียใจทีหลัง และก็จะให้คุณทราบว่า ผมถึงเป็นผู้ชายที่คุณคู่ควรที่จะมอบใจให้มากที่สุด”
ฟางหยันรู้สึกซาบซึ้งมาก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอพยักหน้า “ขอบคุณ”
ฉุงโยวหมิงกอดฟางหยันอย่างเบาๆ จูบหน้าผาก ปลายจมูก และสุดท้ายที่ริมฝีปากของเธอ………
ทั้งสองคนเริ่มเข้าสู่สภาวะที่สวยงาม ฉุงโยวหมิงโยนเสื้อคลุมลงบนโต๊ะข้างเตียง และกุญแจรถปอร์เช่ก็ออกมาจากเสื้อผ้าตัวหนึ่ง
ฟางหยันหยุดชั่วคราว และอยากจะไปดู
ฉุงโยวหมิงล็อกหัวจากด้านหลังของเธอและพูดว่า “ภรรยา ตั้งใจหน่อย”
ดังนั้นฟางหยันจึงรู้สึกฟุ้งซ่าน และไม่ได้ไปมองดูกับสิ่งที่ตกลงอยู่บนพื้น
……..
สวนหลังบ้านของวิลล่าอีกหลัง
ฉุงลี่ซือนั่งอยู่บนเก้าอี้หวาย จ้องไปที่ดอกโบตั๋นที่อยู่ไม่ไกล
ในเวลานี้ เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง “เจ้าเด็กน้อย กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ? ”