ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 970
เมื่อได้ยินเสียง ฉุงลี่ซือก็กลับมารู้สึกตัวทันที และนั่งตัวตรงด้วยความตื่นตระหนก “อ่า ไม่ได้คิดอะไรเลย”
ฉุงเฉ่าซินเดินเข้ามา นั่งลงข้างๆ ฉุงลี่ซือ เขาพูดอย่างมั่นใจว่า “คุณกำลังคิดถึงไป๋ยี่เฟยอยู่”
ฉุงลี่ซือโต้กลับโดยจิตสำนึก “ไม่ ฉัน…….”
แต่หลังจากปฏิเสธ เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะเธอกำลังคิดถึงไป๋ยี่เฟยจริงๆ
ฉุงเฉ่าซินเห็นลูกสาวเป็นเช่นนี้ ส่ายหัวและพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “คุณกำลังคิดว่า ในวันนี้พ่อไม่ควรไล่พวกเขาออกจากโรงแรมใช่ไหม? ”
ฉุงลี่ซือส่ายหัวเล็กน้อย
ฉุงเฉ่าซินถอนหายใจและกล่าวว่า “ไป๋ยี่เฟยเป็นคนที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งจริงๆ”
ฉุงลี่ซือมองเขาด้วยความประหลาดใจ
ฉุงเฉ่าซินกล่าวอีกว่า “โยวเวยถูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจนนิสัยเสียตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเขาก็เกิดอยู่ในครอบครัวอย่างเรา เลยคิดว่าตัวเองได้รับการสนับสนุนจากตระกูลฉุงและไม่มีสิ่งที่ต้องเกรงกลัว ด้วยเหตุนี้เขาจึงไปยั่วยุไป๋ยี่เฟย และสุดท้ายก็ต้องเสียชีวิตไปด้วย”
“ถึงแม้ว่านี่จะเป็นจุดจบจากสิ่งที่เขาก่อไว้เอง แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงเขาก็เป็นลูกชายของคุณอาสามของคุณ คุณอาสามของคุณจะเกลียดไป๋ยี่เฟยมันก็เป็นเรื่องที่ปกติ เกรงว่าเขาคงอยากจะให้ไป๋ยี่เฟยตายไปด้วยซ้ำ”
“ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เขาต้องเดินทางผิดไป แม้ว่าเรื่องนี้จะโทษไป๋ยี่เฟยไม่ได้ แต่หากพูดตามหลักแล้ว มันก็มีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขาอยู่”
“ดังนั้น พ่อจึงปล่อยให้พวกเขาอยู่ในงานเลี้ยงงานแต่งงานของพี่ชายคุณต่อไปไม่ได้”
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ฉุงลี่ซือก็ก้มหน้าลง และพยักหน้าอย่างเงียบๆ
“เจ้าเด็กน้อยเอ๊ย!” ฉุงเฉ่าซินถอนหายใจอีกครั้งและกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าพ่อจะยืนกรานที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของความรักของคุณ แต่ว่า คุณไม่สามารถจินตนาการถึงเขาได้มากเกินไปจริงๆ”
ฉุงลี่ซือประหลาดใจและถามว่า “ทำไมเหรอ?”
ฉุงเฉ่าซินส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “บรรพบุรุษของตระกูลไป๋ได้บอกเรื่องนี้กับไป๋ยี่เฟยไปแล้ว แต่เขาปฏิเสธ เพราะเขาไม่อยากจะทำให้ภรรยาของเขาต้องเสียใจ”
หัวใจของฉุงลี่ซือสั่นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้
ฉุงเฉ่าซินก็พูดขึ้นทันทีว่า “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พ่อก็ไม่อยากให้คุณแต่งงานกับเขา แบบนี้ก็ดีแล้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
อย่างไรก็ตามฉุงลี่ซือก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร
ก่อนที่จะพบกับไป๋ยี่เฟย ฉุงลี่ซือไม่อยากจะแต่งงานกับเขาจริงๆ แต่หลังจากพบเขาแล้ว เขาสนองจินตนาการของผู้หญิงเกี่ยวกับผู้ชายทั้งหมด และจะมีผู้หญิงคนไหนไม่หวั่นไหวบ้างล่ะ?
ฉุงลี่ซือไม่รู้ว่าจะพูดยังไง เธอจึงเปลี่ยนคำถาม “พ่อค่ะ ช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับไป๋ยี่เฟยและตระกูลฉุงหน่อยได้ไหม?”
ฉุงเฉ่าซินพยักหน้า และในขณะที่เขากำลังจะพูด ก็มีคนคนเดินออกมาจากข้างหลังของพวกเขา เขาพูดว่า “ผมรู้ ผมรู้มากกว่าพ่อของคุณ และรู้อย่างชัดเจนกว่าด้วย”
การแสดงออกของฉุงเฉ่าซินและฉุงลี่ซือเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากได้เห็นชายคนนั้น
“คุณอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
ชายคนนั้นยิ้มร้ายต่อพวกเขา “คุณคิดว่าไง?”
………
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยตื่นขึ้นมา เขาก็ขยับแขนขา และพบว่าดีขึ้นกว่าเมื่อวาน ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นจากเตียง และเดินออกจากห้อง
โรงแรมที่พวกเขาพักอยู่เป็นห้องสวีท พร้อมห้องนั่งเล่นและห้องครัว
หลี่เสว่กำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว
ในห้องนั่งเล่น ซินชิวนั่งข้างเปลสองตัว กำลังเล่นกับลูกๆ ของไป๋ยี่เฟยอยู่
ไป๋ยี่เฟยเดินไปที่เปล มองดูลูกสาวของตัวเอง และจู่ๆ ก็ถามขึ้นมาว่า “ตอนนี้อาณาเขตของอาใหญ่ (ศิษย์พี่ของอาจารย์) อยู่ระดับไหนแล้ว? ”
“ไม่ต่างจากคุณสักเท่าไหร่” ซินชิวตอบด้วยรอยยิ้มจางๆ
ไป๋ยี่เฟยยกมุมปากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นใบหน้าสีชมพูของลูกสาวตัวเอง แต่เขาคิดถึงสิ่งอื่นขึ้นมา และหันหน้าไปถามว่า “อาใหญ่ (ศิษย์พี่ของอาจารย์) คุณเป็นคนเลี้ยงดูฉีฉีโตขึ้นมาใช่หรือไม่?”
ซินชิวพยักหน้า
ไป๋ยี่เฟยถามอีกครั้งว่า “แล้วทำไมคุณ…….คุณทิ้งอะไรไว้บนตัวเธอ?”
ยังจำได้ว่าตอนที่อยู่ในถ่ำทองคำ พวกเขาถูกวางยาพิษและมีอาการประสาทหลอน เงาของซินชิวปรากฏอยู่บนร่างกายฉีฉี ถึงทำให้ไป๋ยี่เฟยตื่นขึ้นมาได้
ในเวลานั้นเขาก็รู้สึกว่าฝีมือของซินชิวนั้นทรงพลังมาก และอยากจะหาโอกาสที่จะถามคำถามนี้
ซินชิวหัวเราะเบาๆ และตอบว่า “นี่เรียกว่าเครื่องหมาย ตอนนี้บอกคุณไปคุณก็คงไม่เข้าใจหรอก รอให้คุณถึงระดับอาณาเขตอย่างผม คุณก็จะเข้าใจมันเอง”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าอย่างชัดเจน แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณสามารถช่วยลูกชายและลูกสาวของผมได้……..”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซินชิวก็ปฏิเสธเขาไปเลย “ไม่ได้”
“ทำไมล่ะ?” ไป๋ยี่เฟยถาม
ซินชิวยิ้มและตอบว่า “ลูกของคุณเอง คุณควรทำเองจะดีกว่า”
แม้ว่าไป๋ยี่เฟยจะรู้สึกผิดหวังอยู่ในใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ยืนกรานที่จะขอร้องอีก
ไป๋ยี่เฟยมองลงมาที่ลูกๆ ของตัวเอง เอื้อมมือไปแตะแก้มเล็กๆ ของพวกเขา หลังจากหยอกล้ออยู่ครู่หนึ่ง เขาก็นึกถึงอีกสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้
“อาใหญ่ (ศิษย์พี่ของอาจารย์) คุณหนีออกมาแล้ว ถ้าหากเหลียงหมิงเยว่และจีไซไปฆ่าอาจารย์ของผมจะทำอย่างไร?”
ซินชิวส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเขายังไม่กล้า”
“ทำไม?” ไป๋ยี่เฟยบอกว่ามันเข้าใจยาก “คุณหนีออกมาแล้ว อาจารย์ของผมก็ไม่มีใครช่วยได้ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะฆ่าเขา อีกอย่าง พวกเขากล้าที่จะฆ่าแม้กระทั่งคุณ นับประสาอะไรกับอาจารย์ของผม”
ซินชิวยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า “เพราะ ไม่ว่าจะเป็นเหลียงหมิงเยว่หรือจีไซ สิ่งที่พวกเขาอยากจะทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คือการตามหาผมที่ตกอยู่ในอาณาจักรที่ต่ำลงและฆ่าผมทิ้ง”
“และในช่วงเวลานี้ พวกเขาไม่กล้าแยกจากกัน และก็ยิ่งไม่กล้าไปหาอาจารย์ของคุณ เพราะเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็ไม่สามารถทนต่อความโกรธของผมได้”
ซินชิวอ่อนแอเพียงในช่วงเวลานี้เท่านั้น เมื่อเขาผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ แม้ว่าเหลียงหมิงเยว่และจีไซจะร่วมมือกัน เกรงว่าก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซินชิวเลย
หากพวกเขาไปฆ่าจื่ออีก่อน เมื่อซินชิวถูกกระตุ้น และรอให้ซินชิวฟื้นคืนความแข็งแกร่ง งั้นพวกเขาก็จะมีเพียงทางตายทางเดียวเท่านั้น
ในเวลานี้ จู่ๆ ซินชิวก็ถามขึ้นมาว่า “ทำไมคุณถึงได้รับบาดเจ็บในเมื่อวานนี้? ”
ซินชิวไม่อยากจะให้คนอื่นรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ดังนั้นเมื่อตอนที่ฉินหัวส่งตัวไป๋ยี่เฟยกลับมาในเมื่อวานนี้ เขาจึงซ่อนตัว
ไป๋ยี่เฟยบอกซินชิวทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นในเมื่อวานนี้
หลังจากฟังแล้วซินชิวก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “มีบางอย่างผิดปกติ”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าและกล่าวว่า “ผมก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรผิดปกติ”
ซินชิวขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “คุณแน่ใจหรือว่าเห็นคนห้าคนเมื่อคุณขึ้นไปบนดาดฟ้าครั้งแรก? ”
ตอนที่เขาขึ้นไปในครั้งที่สอง มีเพียงสี่คนที่ต่อสู้กับเขา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยก็ตกใจ
ในขณะนี้เอง หลี่เสว่ก็เดินออกมาจากห้องครัว เธอพูดว่า “เมื่อคืนตอนที่คุณหลับไปคุณก็กำลังพูดละเมอถึงอะไร คุณพูดว่าขาดไปคนหนึ่งอะไรนั่น”
ไป๋ยี่เฟยตกใจอีกครั้ง
ขาดไปคนหนึ่ง!
ใช่ ขาดไปหนึ่งคนจริงๆ
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกท่านสามฉุงเรียกขึ้นไปบนดาดฟ้า
ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนั้นดูธรรมดามาก ธรรมดาจนแทบไม่มีใครสังเกตเห็น แต่ทำไมท่านสามฉุงถึงจะให้บุคคลดังกล่าวติดต่อกับพวกเต้าจ่างและพวกเขาล่ะ?
สำหรับเรื่องสำคัญเช่นนี้ เขาควรปล่อยให้คนที่เขาไว้ใจไป แต่ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาธรรมดาคนหนึ่ง
ยิ่งกว่านั้น ไป๋ยี่เฟยก็จำบางอย่างขึ้นมาได้ ตอนที่เขากำลังจะจากไป ดูเหมือนเขาจะเห็นคนใช้อยู่ข้างหลังเจ้าบ่าวอย่างผ่านๆ และคนใช้คนนั้นมีกุญแจรถปอร์เช่ ห้อยอยู่ที่เอวของเขา
ในตอนนั้นไป๋ยี่เฟยไม่ได้คิดอะไรมาก พอคิดย้อนกลับไปในตอนนี้ ก็มีจุดผิดปกติมากมาย
ซินชิวถามเขาว่า “คุณกะว่าจะทำอย่างไร?”
ไป๋ยี่เฟยหายใจออกและพูดว่า “รักษาตัวก่อน ผมวางแผนที่จะกลับไปที่เมืองเทียนเป่ยแล้ว เพียงแต่……..”
“ผมเคยสัญญากับคนอื่นไว้เรื่องหนึ่งมาก่อนหน้านี้ และตอนนี้ผมต้องไปทำให้เสร็จ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซินชิวเพียงแค่พูดขึ้นมาอย่างมีความหมายว่า “ทำงานอย่างระวัง อย่าให้เป็นเหมือนที่กำบังของศัตรู”
เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเขาก็พองโต และเขาถามด้วยความประหลาดใจมากว่า “คุณรู้แล้วเหรอ?”
ซินชิวหัวเราะ และไม่พูดอะไร
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อเห็นเช่นนี้ “คุณรู้มาจากไหน? ตอนที่ผมเจอกับเขา ทั้งๆ ที่ไม่มีบุคคลที่สามอยู่เลย!”
อย่างไรก็ตามซินชิวยังคงยิ้มและไม่พูดอะไร
ไป๋ยี่เฟยยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก แต่เขาก็รู้ว่า ซินชิวก็เป็นเช่นนี้ คิดว่าเขาคงไม่พูดอะไรหรอก
ในเวลาเดียวกัน ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกเกรงกลัวซินชิวมากขึ้น