ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 972
สุสานในเมืองเทียนเป่ย
ไป๋ยี่เฟยคุกเข่าหน้าหลุมศพของแม่บุญธรรมกับน้องสาวของตนเองที่ล่วงลับไปแล้ว กระซิบบอกเรื่องราวตลอดระยะเวลาสองปี ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง รวมถึงได้รู้จักใครบ้าง
หลังจากที่พูดจบเขาก็พูดอย่างรู้สึกผิด“ลูกอกตัญญู ก่อนที่แม่จะจากไปผมไม่มีหลานให้แม่อุ้ม แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือ แม่มีหลานชายแล้ว ยังมีหลานสาวอีกคนหนึ่ง ตอนนี้พวกเขายังเด็ก รอพวกเขาโตแล้วผมจะพามาเยี่ยมแม่อีกครั้งนะครับ”
“น้อง ตอนนี้น้องมีหลานชายหลานสาวแล้วนะ พวกเขาเป็นเด็กดีมาก รอพวกเขาโตอีกหน่อยพี่จะพาเยี่ยมเธอนะ”
ไป๋ยี่เฟยหวนนึกถึงตอนที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในชนบท และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด
เวลานี้เอง หวังโหลวที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาพูดเบาๆหนึ่งประโยค“ถ้าเกิดยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้คงจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแน่ๆ”
ไป๋ยี่เฟยค่อยๆลุกยืนขึ้น
ก่อนหน้านี้เขาโทรหาหวังโหลว หวังโหลวบอกว่าหลิวเสี่ยวอิงกลับมาแล้ว พวกเขาจึงนัดกันมาเจอที่นี่
เพราะเขาไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าความสัมพันธ์ของตนเองมีปัญหา โดยเฉพาะต่อหน้าหยุนอิงกับซินชิว
หวังโหลวมองไปที่เขาแล้วเอ่ยถามว่า“นายจะไม่ไปพบเธอจริงๆเหรอครับ?”
ไป๋ยี่เฟยเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า“ไม่แล้ว เรื่องผ่านไปแล้ว”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินออกไปทีละก้าว
คนที่หวังโหลวพูดถึงก็คือหลิวเสี่ยวอิง หลิวเสี่ยวอิงไม่เพียงแค่กลับมาแล้ว ยังจะให้พวกเขาปิดบังไป๋ยี่เฟยด้วย อีกทั้ง เธอจะแต่งงานแล้ว แต่งกับพานปู้ถิง
แต่เรื่องนี้หวังโหลวไม่สามารถปิดบังไป๋ยี่เฟยได้ เพราะฉะนั้นเขาจึงบอกกับไป๋ยี่เฟยไป
แต่แล้วไป๋ยี่เฟยกลับมาปฏิกิริยาแบบนี้
หวังโหลวมองดูแผ่นหลังของไป๋ยี่เฟยค่อยๆจากไป ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนเรียก“ผ่านไปแล้วจริงๆเหรอ?นายปล่อยวางได้จริงๆเหรอ?”
ไม่รู้ว่าท้องฟ้ามีเมฆดำลอยมาตั้งแต่เมื่อไร มันทำให้ทั้งสุสานดูมืดครึ้ม
ไป๋ยี่เฟยได้ยินสิ่งที่หวังโหลวพูด เขาก็ชะงักเท้าที่กำลังก้าว แล้วหยุดลง หันกลับไปยิ้มพลางพูดกับหวังโหลวว่า“ปล่อยวางไม่ได้ยังไงล่ะ?”
“ฉันมีเมียสวยคนหนึ่ง ยังมีลูกแฝดชายหญิงที่น่ารักน่าชัง ฉันรักเมียของฉัน และรักลูกของฉัน”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดกับหวังโหลวว่า“นายสนใจตัวเองก่อนเถอะ จนถึงป่านี้แล้วยังโสดอยู่ อย่าเอาแต่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ของฉันเลย!”
หวังโหลวตกตะลึงคำพูดของเขา โดยเฉพาะประโยคในตอนท้าย ทำให้เขารู้สึกโมโหมาก“ไอ้เหี้ยมึงมันโง่!”
ไป๋ยี่เฟยทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วหันหลังเดินต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ
เดินได้ไม่กี่ก้าว ด้านหลังก็มีเสียงของหวังโหลวตะโกนขึ้นมาอีก
“นายมันคนขี้ขลาด ไอ้คนตาขาว!”
……
ก่อนหน้านี้ หัวใจของไป๋ยี่เฟยไม่สามารถผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ เขาไม่กล้ายอมรับหลิวเสี่ยวอิง รู้สึกว่าผิดต่อหลี่เสว่ และตัวเขาเองรู้สึกละอายใจ
ต่อมา หลี่เสว่ จื่ออีต่างช่วยกันเกลี้ยกล่อมเขา ในที่สุดเขาก็คิดได้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขาได้ทำร้ายหลิวเสี่ยวอิงไปแล้ว ดังนั้นขาจึงจำเป็นต้องรับผิดชอบเธอ
แต่ตอนนี้ หลิวเสี่ยวอิงจะแต่งงานกับพานปู้ถิงแล้ว เขาก็รู้สึกว่าตัวเองผิดไปแล้ว
หลิวเสี่ยวอิงก็เป็นลูกมีพ่อมีแม่ จะมีพ่อแม่คนไหนกันที่อยากให้ลูกสาวของตัวเองเป็นเมียน้อย?
ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋ยี่เฟยอยู่ในสถานการณ์พิเศษ ก็เท่ากับผู้หญิงสองคนใช้สามีคนเดียวกัน คนที่เป็นพ่อแม่ต้องไม่ยอมอยู่แล้ว!
ไป๋ยี่เฟยกลับมาที่คฤหาสน์อย่างสับสนวุ่นวาย
พอเขาเข้ามาในคฤหาสน์ หยุนอิงที่นั่งอยู่ที่โซฟามองไปที่เขา“อุ้ย กลับมาแล้วเหรอ?”
“เป็นอะไรน่ะ?ทำไมสีหน้าถึงน่าเกลียดแบบนั้นล่ะ?”
แต่แล้วไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจเธอด้วยซ้ำ และเดินขึ้นไปชั้นบน เขาไม่อยากเอาอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ไปให้หลี่เสว่ ดังนั้นจึงคิดจะไปดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะอยู่บนดาดฟ้าของหลังคา
เพียงแต่พอเขาขึ้นไปที่ชั้นสองก็ถูกหลี่เสว่พบเข้า หลี่เสว่เห็นเขาอารมณ์ไม่ดี จึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงว่า“คุณเป็นอะไรคะ?เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้าเบาๆแล้วพูดว่า“ไม่เป็นหรอก”
พอหลี่เสว่เห็นสีหน้าเขาแล้วต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ แต่เธอไม่ได้ถามอะไรมาก ได้เพียงแต่ลุกขึ้นยืนแล้วไปรินน้ำอุ่นให้เขาหนึ่งแก้ว
พอวางแก้วน้ำลง ลูกก็เริ่มร้องไห้ เธอจึงรีบไปกล่อมลูกน้อย
……
ไป๋ยี่เฟยมาถึงดาดฟ้า เดิมทีคิดว่าตัวเองจะสามารถอยู่คนเดียว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะพบกับซินชิว
ซินชิวกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายตัวหนึ่ง เขาโก่งหลังเล็กน้อย ก้มหน้าลง เหมือนกำลังยุ่งวุ่นวายอะไรอยู่ เขาหันหลังให้กับไป๋ยี่เฟย ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงมองไม่เห็น
ผ่านไปไม่นานซินชิวก็ได้ยินเสียงดัง เหมือนเขาจะรู้สึกตกใจ ร่างกายของเขากระตุกหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบเอาของที่อยู่ในมือของตัวเองยัดใส่ในเก้าอี้หวายทันที
ท่าทางร้อนรนของเขา มันทำให้เดิมทีไป๋ยี่เฟยคิดว่าไม่มีอะไรรู้สึกสงสัยขึ้นมาว่าต้องมีอะไรสักอย่าง
แต่อีกฝ่ายคือซินชิว ไป๋ยี่เฟยยังคงหวาดกลัวเขาเล็กน้อย และไม่กล้าสงสัยอย่างเปิดเผยว่าตกลงเขาซ่อนอะไรอยู่กันแน่
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่ข้างๆ ซินชิวมองดูเขา ก่อนที่ไป๋ยี่เฟยจะเปิดปากพูดเขาก็พูดขึ้นมาว่า“อย่าถามเรื่องความรักนะ ฉันไม่เข้าใจ”
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่เขาพลางหัวเราะและพูดว่า“ความรักผมราบรื่นดี ไม่มีอะไรต้องถาม”
ซินชิวหัวเราะแต่ไม่พูดอะไร
ทั้งสองคนเงียบแล้วมองไปที่ไกลแสนไกล
ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆไป๋ยี่เฟยก็เอ่ยปากถามว่า“อาใหญ่ครับ ผมถามเรื่องหนึ่งได้ไหมครับ?”
ซินชิวไม่ตอบกลับ ดูเหมือนเป็นการตกลงแล้ว
ไป๋ยี่เฟยจึงถามว่า“ท่านกับอาจารย์ของผมเคยมีเรื่องราวกันมาก่อนใช่ไหมครับ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว ซินชิวก็รู้สึกเขินเล็กน้อย เขาหัวเราะแห้งๆ“เราอายุปูนนี้กันแล้ว ไม่คุยเรื่องความรักกันแล้วล่ะ”
“อาใหญ่ครับ พวกอาใหญ่อายุแปดสิบกว่ากันแล้วเหรอครับ?”ไป๋ยี่เฟยถามอย่างแปลกใจ
หลังจากนั้นซินชิวก็หัวเราะ แล้วส่ายหัวไปมา“แปดสิบปีก่อน โลกของฉันเหมือนโลกของนายในตอนนี้”
ไป๋ยี่เฟยที่ได้คำพูดนี้แล้วก็ถึงกับตกตะลึง
หลังจากนั้นไป๋ยี่เฟยก็ถามขึ้นมาอีกว่า“งั้น……อาใหญ่จะหายดีเมื่อไรครับ?”
“ใกล้แล้วล่ะ”ซินชิวตอบกลับ
ไป๋ยี่เฟยถามอีกว่า“ใกล้แล้วคือเมื่อไรครับ?”
ซินชิวยิ้มบางๆแล้วพูดว่า“ก่อนที่หยุนอิงจะลงมือ”
ไป๋ยี่เฟยตะลึง จนหันกลับไป“หยุนอิงจะลงมือกับผมงั้นเหรอครับ?”
ซินชิวไม่ได้ตอบอย่างเด็ดขาด เขาเพียงแต่ลุกยืนแล้วพูดว่า“หวังว่าฉันจะเป็นสิ่งที่ฉันคิดมากไป”
พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไป เพียงแต่ในตอนที่เขาหันหลังกลับบังเอิญนึกอะไรขึ้นมาได้พอดี เขาก้มลงหยิบของบนเก้าอี้หวาย กอดไว้แนบอก แล้วเดินลงจากดาดฟ้าไป
ไป๋ยี่เฟย“……”
เดิมทีไป๋ยี่เฟยคิดว่าตัวเองจะอาศัยจังหวะนี้ดูว่าเขาซ่อนอะไรอยู่กันแน่ แต่สุดท้ายเขาระมัดระวังเกินไป เลยมองไม่เห็นอะไร
……
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่บนดาดฟ้าจนถึงตอนดึกแล้วค่อยกลับห้องนอน
และในตอนที่กลับห้องนอนนั้น หลี่เสว่ก็วางสายพอดี
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้คิดอะไรมาก เขาอาบน้ำก่อน หลังจากนั้นค่อยขึ้นไปบนเตียง
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น เขากอดหลี่เสว่แล้วจุมพิตลงไป หลี่เสว่เองก็ร่วมมือกับเขาเป็นอย่างดี
แน่นอนว่าพวกเขาจะร่วมรักกัน แต่ครั้งนี้ การกระทำของไป๋ยี่เฟยหยาบโลนมาก มันทำให้หลี่เสว่รู้สึกเจ็บมาก
จนกระทั่งหลี่เสว่ทนไม่ไหว เธอจึงตบไปที่หน้าของไป๋ยี่เฟยหนึ่งฉาด
ไป๋ยี่เฟยได้สติขึ้นมาในทันที เขามองดูสภาพของหลี่เสว่ ทันใดนั้นก็รู้สึกเสียใจมาก
“เมียจ๋า ขอโทษนะ”ไป๋ยี่เฟยกอดหลี่เสว่จนแน่น
หลี่เสว่ที่เห็นไป๋ยี่เฟยสูดหายใจลึกๆ หลังจากนั้นก็ใช้มือเล็กๆของเธอกุมมือของไป๋ยี่เฟยจนแน่น เธอพูดว่า“สามี”
“สิ่งที่คุณคิดว่ามันดีสำหรับคนอื่น ความจริงแล้วมันกลับทำร้ายคนอื่นนะคะ”
ไป๋ยี่เฟยตกตะลึงเล็กน้อย
หลี่เสว่พูดต่อไปว่า“คุณไม่รู้ว่าในใจของเธอต้องการอะไรกันแน่ คุณคิดไปเองว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกดีที่สุดแล้ว แต่ในมุมมองของเธอ กลับเป็นสิ่งที่ทำร้ายจิตใจมากที่สุด”
“ไป๋ยี่เฟย คุณกลัวแล้ว คุณไม่กล้าไปเผชิญกับมัน ไม่กล้าไปถามเสี่ยวอิงด้วยตัวเอง ว่าตกลงสิ่งที่เธอต้องการคืออะไร?”
“คุณคิดว่าสิ่งที่คุณเลือกเป็นสิ่งที่จัดการให้เธอดีที่สุดแล้ว คุณยังคิดว่าทำแบบนี้จะทำให้พ่อแม่ของเธอไม่ผิดหวัง แต่ว่าเสี่ยวอิงล่ะ?”
“คุณไม่ละอายต่อเธอเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยที่ได้ยินคำพูดพวกนี้แล้ว ในสมองของเขาสับสนวุ่นวาย